“แล้วถ้าเกิดท้องขึ้นมา คุณคิดจะทำแท้งไหม?” สายตาจริงจังของลุคจ้องมองเธอ ขณะเดียวกัน เขาก็ถอดนาฬิกาข้อมือออก
เบียงก้าคิดว่านี่ถึงเวลาที่เขาต้องพักผ่อนแล้ว
ในตอนนั้นเอง เบียงก้ารู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างเธอกับเขาช่างไร้สาระเหลือเกิน “ทำไมฉันต้องปล่อยให้ตัวเองท้องด้วยล่ะ?... ถ้าหากฉันจะไปมีอะไรกับใคร ฉันก็จะขอให้เขาใช้ถุงยาง เพราะงั้น... มันไม่ควรจะมีคำถามเมื่อกี้ผุดขึ้นมาด้วยซ้ำค่ะ”
หลังจากพูดไปแบบนั้น เบียงก้าก็กลับห้องไป
ลุคยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ท่าทางสุขุมของเขาดูไม่เข้ากับห้องนั่งเล่นแคบ ๆ นี่เลยสักนิด เขาถอดนาฬิกาออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ทั้งยังถอนหายใจตอนที่เห็นเบียงก้ากลับเข้าห้องไป
มันเป็นเรื่องจริงที่ซาเวียร์ใช้คุณปู่มาขู่บังคับให้เธอจดทะเบียนกับเขา
สองสามวันก่อน ลุงกับป้าเป็นคนมาบอกเขาเองว่าซาเวียร์แต่งงานแล้ว
และหลังจากที่ซาเวียร์พาเบียงก้ามาถึงห้องส่วนตัวของโรงแรม คดีการหายตัวไปของคุณปู่เธอก็ได้รับการคลี่คลาย
ซาเวียร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากจะเล่นงานเบียงก้าด้วยจุดอ่อนซึ่งก็คือปู่ของเธอ
ซาเวียร์นั้นเป็นคนอ่อนไหวและขี้ระแวง เวลาคนประเภทนี้ทำอะไรก็จะรอบคอบเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคุณลงเล่นกับไฟ ไฟนั้นก็คงไม่พ้นจะเผาผลาญคุณ
หลังจากซาเวียร์ได้ชดใช้ความผิดที่เขาก่อ และถูกปล่อยตัวออกมา เขาก็ยิ่งเป็นคนที่ระวังตัวแจว่าช่วงวัย 20 เสียอีก
เขาลักพาตัวปู่ของเบียงก้าโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ช่างเป็นผลงานที่ไร้ที่ติเพราะเขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย
กฎหมายจะเป็นตัวกำหนดโทษทางอาชาญากรรมของใครต่อใครได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีหลักฐานมากพอ
เบียงก้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซาเวียร์
แต่สำหรับความเจ็บช้ำน้ำใจที่เธอได้รับ ลุคจะเป็นคนทวงความยุติธรรมคืนให้เธอเอง เขาจะทำทุกอย่างตราบที่เธอเอ่ยปากขอ
ลุคปิดไฟหลังจากอาบน้ำอย่างลวก ๆ บ้านเช่าหลังนี้จึงตกอยู่ในความมืด ถึงไม่มีผ้าม่านก็ไม่มีใครมองเข้ามาเห็นอยู่ดี
เขานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กไว้รอบเอว ก่อนจะเดินไปสูบบุหรี่ในห้องครัว
อาหารเย็นของเรนนี่นั้นเค็มเกินควร เพราะน้องสาวของปู่นำผักดองติดมาที่โรงพยาบาลด้วย เธอไม่เคยกินของพวกนี้มาก่อนจึงคิดว่ามันอร่อย เรนนี่จึงกินมันเข้าไปมากเกินเพราะความเห็นแก่กิน
ขณะหลับ เธอส่งเสียงออกมาด้วยความงัวเงีย “น้ำ หนูอยากดื่มน้ำ…”
เบียงก้ายังไม่หลับ เธอยังคงเฝ้ามองเรนนี่อยู่ใกล้ ๆ ทันทีที่เธอได้ยินว่าเรนนี่กระหาย เธอก็รีบปลอบเด็กน้อยแล้วลุกขึ้นมาหาน้ำให้เธอ
เมื่อเปิดประตูออกมา เธอก็พบว่าห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความมืด เบียงก้าจึงคิดว่าลุคคงหลับไปแล้ว
ในตอนที่เบียงก้าเดินไปที่ห้องครัว ใจของเธอก็เริ่มล่องลอยออกไปอย่างนึกสงสัย ตอนที่เรนนี่กับลานี่นอนอยู่ที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดเพียงลำพัง เด็กน้อยทั้งสองคนต้องทนนอนกระหายไปทั้งคืนรึเปล่า?
เบียงก้าใช้แสงจากโทรศัพท์นำทางมาจนถึงห้องครัว แล้วจึงเอื้อมมือไปเปิดไฟ
เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็ต้องตกใจ
ร่างกายกำยำของชายหนุ่มประจักษ์แก่สายตาเธอ มัดกล้ามของเขานั้นทั้งแน่นและแข็งแรง ไหล่กว้าง ในขณะที่หน้าท้องรูปตัววีดูช่างเย้ายวน กระทั่งเลื่อนต่ำลงไป...
เบียงก้าหันหน้าหนี ใบหน้าเธอร้อนผ่าวและขึ้นสี มือที่ถือโทรศัพท์ไว้สั่นตามร่างกายของเธอ
ภาพสรีระของชายหนุ่มที่จำเป็นต้องถูกสงวนไว้ติดอยู่ในสมองของเธอ
นี่มันแย่จริง ๆ!
ถึงแม้เธอจะเคยเห็นและเคยสัมผัสร่างกายของชายคนนี้มาก่อน แต่เบียงก้าก็ยังไม่วายตกใจจนต้องวิ่งหนีกลับไปที่ห้อง เธอลืมไปจนสิ้นแล้วว่าต้องออกมารินน้ำไปให้เรนนี่
เรนนี่หลับลึกไปแล้ว เธอจึงไม่คิดถึงเรื่องที่เธอกระหายน้ำอีก
ลุคไม่ได้ใส่ชุดนอน เขาแค่นุ่งผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น แถมผ้าผืนนั้นก็เล็กเกินไปจนพันรอบเอวเขาไม่หมด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผ้าผืนนั้นถึงได้ตกลงมากองที่พื้น และเขาก็วางมันทิ้งไว้ข้าง ๆ โดยไม่ได้เอามันกลับมาพันรอบเอวอีกหน
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จ ลุคก็ทิ้งก้นบุหรี่ไว้กับที่เขี่ยบุหรี่อันสะอาดสะอ้าน ซึ่งหยิบมาจากห้องนั่งเล่น ก่อนนำมันกลับไปวางที่เดิม
กางเกงที่เปียกของเขายังไม่ทันแห้ง แต่เขาก็ยังหยิบมันมาใส่เพราะไม่อยากให้เบียงก้ากลัวจนไม่กล้าออกมาอีก
ถ้าเบียงก้าไม่ได้อยากดื่มน้ำ เธอคงไม่เดินมาที่ครัวในเวลาแบบนี้หรอก
ลุคเดินเข้าไปในครัว เพื่อดูว่ายังพอมีน้ำเหลือบ้างรึเปล่า เขาจะรินมันไปให้เธอ
คืนนี้เขาเดินมาที่ห้องครัวนี้สี่รอบแล้ว และคงเพราะว่าห้องนี้มันแคบแค่ไม่กี่ตารางเมตร เขาจึงเห็นกระดุมเสื้อเชิ้ตของผู้ชายเข้า
เขาก้มลงไปหยิบกระดุมที่ตกอยู่ตรงมุมนั้นมา
ภาพของป้าที่ร้องไห้คร่ำครวญจะเป็นจะตายที่บ้านเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัว
คนเป็นแม่น่ะดีเลิศทุกคนนั่นแหละ และในสายตาของคนเป็นแม่ การต้องทนเห็นลูกอยู่ในเรือนจำตั้งห้าปีเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
ป้าของเขาหมกตัวอยู่แต่ในห้องของลูกชาย ตอนนั้นเธอร้องไห้คร่ำครวญว่า “ตอนนั้นเขายังดี ๆ อยู่เลย เขาเริ่มทำธุรกิจ แถมยังมีคนรัก เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขายังเอาเสื้อเชิ้ตติดตัวกลับมาอวดป้าว่าคนรักของเขาเป็นคนออกแบบเอง ป้าคิดว่าเขาจะได้แต่งงานและลงหลักปักฐานได้ ป้าเคยหวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะควบคุมเขาได้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่า...เขาจะกล้าก่ออาชญากรรมแบบนั้น…”
ลุคเหลือบมองเสื้อเชิ้ตเหล่านั้น กระดุมของมันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ พวกมันถูกออกแบบมาด้วยฝีมือของนักออกแบบชื่อดังของประเทศ
นักออกแบบสาวคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่รอบกายซาเวียร์อยู่เสมอ
กระดุมที่หล่นอยู่บนพื้นครัวของเบียงก้านั้นถูกทำขึ้นมาพิเศษ ไม่ต้องเดาเลยว่ามันถูกออกแบบมาโดยนักออกแบบหญิงผู้นั้น
ความหึงหวงได้พรากเอาสติสัมปชัญญะของใครบางคนไป และมันยังทำให้เขาทั้งอ่อนไหวและใจแคบขึ้นกว่าเดิม
เขานึกย้อนไปถึงคำพูดของซาเวียร์ที่โรงละคร ก่อนจะมองไปที่กระดุมที่หล่นอยู่บนพื้นครัว เขายังเห็นด้วยว่ารองเท้าคู่พ่อแม่ลูกของเบียงก้านั้นไม่ปรากฏอยู่บนชั้นวาง ในตอนนั้นเองพลังอำนาจของลุคก็ถูกปลุกขึ้น!
ในห้องนอน
เบียงก้านอนไม่หลับ เธอพลิกตัวไปมากระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เธอเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นคือข้อความส่วนตัวในอินสตาแกรม เธอเปิดมันดูก่อนจะเห็นว่าเป็นข้อความของลุค
‘ออกมา ไม่งั้นผมจะเข้าไปเอง’
เขานึกจะทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้กัน?
เบียงก้าลุกออกจากเตียง แล้วเดินออกจากห้องนอนไป หลังจากปิดประตู เธอก็เห็นว่าชายหนุ่มยืนอยู่ที่ชั้นวางรองเท้าข้างประตูอยู่ก่อนแล้ว
เบียงก้าไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าของลุคถึงดูเคร่งขรึมนัก
“รองเท้าครอบครัวที่ผมซื้อให้คุณไปอยู่ไหนแล้วล่ะ?” เขาถาม คิ้วของเขาขมวดเป็นปมขณะเดินเข้าหาเบียงก้า
เมื่อเบียงก้านึกภาพตอนที่รองเท้าถูกไฟเผา เธอก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมา แต่ถ้าเธอสารภาพเรื่องรองเท้าออกไป เธอก็กลัวว่าลุคจะโกรธเอา
เธอถอยห่างออกจากชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา “ฉันส่งมันไปร้านซักแห้งน่ะค่ะ เพราะบริษัทอยากให้เราใส่ส้นสูงไปทำงานพรุ่งนี้…”
“ผมจะรอให้คุณเอามันกลับมาจากร้านซักแห้งแล้วกัน คุณเคยคิดไหมว่าเรนนี่กับลานี่จะรู้สึกยังไงถ้าพวกเขารู้ว่ารองเท้าคุณหายไป? แล้วคิดจะอธิบายเรื่องกระดุมนี่ยังไงล่ะ? ผมเจอมันตกอยู่บนพื้นห้องครัว” ลุคถือกระดุมไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างจับข้อมือบางของเธอไว้ เขายื้อเธอไว้ไม่ให้วิ่งหนีไปได้
เบียงก้าไม่มีแรงพอจะหนีไปไหนได้
ถ้าถูกเขากักตัวไว้เช่นนี้แล้ว เธอก็หมดหนทางจะหนีไปไหนได้อีก
เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองกระดุม แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เธอก็นึกไม่ออกว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เธอโตมากับพ่อและคุณปู่เพียงเท่านั้น
แถมพ่อกับคุณปู่ก็ไม่ค่อยใส่เสื้อมีกระดุมเสื้อด้วย และถึงพวกเขาจะใส่เสื้อมีกระดุม กระดุมพวกนั้นก็จะเป็นกระดุมสีขาวหรือสีเทาธรรมดา ๆ
กระดุมมันเล็กมาก ไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็นลวดลายบนกระดุมได้ด้วยตาเปล่า เว้นเสียแต่ว่าต้องเข้าไปใกล้หน้าอกของคนใส่เพื่อจะเห็นมัน
แต่ผู้หญิงที่ไหนจะเข้าไปใกล้หน้าอกผู้ชายเพื่อดูและจดจำรายละเอียดของกระดุมพวกนี้กันล่ะ
เบียงก้าไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของกระดุมนี้
“ถ้าวันหนึ่งลูกมาอยู่กับคุณช่วงสุดสัปดาห์ พวกเขาจะต้องเจอคุณอยู่กับผู้ชายอีกคนที่นี่ ผมว่าการปล่อยให้พวกเขามาที่นี่คงไม่ถูกเสียแล้ว” หลังจากลุคพูดจบ เขาก็ปล่อยข้อมือเธอ แล้วก็โยนกระดุมนั้นลงถังขยะในห้องนั่งเล่นไป
ลุคกำลังปั่นป่วนและกระวนกระวายใจมาก เขาได้สูญเสียความปกติสุขที่เคยมีมากว่า 29 ปีไปจนหมด
ขณะที่ชายหนุ่มเดินไปที่ประตูเพราะกำลังจะจากไปนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าหญิงสาวกำลังดึงชายเสื้อด้านล่างจากทางด้านหลัง
มือของเธอไม่ต่างไปจากกรงเล็บของแมวที่กำลังคว้าเสื้อเจ้าของอย่างเอาเป็นเอาตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก