เบียงก้ารู้สึกได้ว่าเขาหันมา
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
“ซาเวียร์น่ะ… ซาเวียร์มาเมื่อตอนบ่าย ฉันยื้อยุดฉุดกระชากกันนิดหน่อย กระดุมนั่นคงจะหล่นมาตอนนั้น”
น้ำเสียงเธอดูสงบ
เธอไม่อยากกลายเป็นนักโทษที่ต้องถูกลุคสอบสวนทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนบ่ายไม่ได้เป็นความผิดของเธอ
“หมอนั่นทำอะไรคุณ? ทำไมต้องยื้อยุดฉุดกระชากกันอย่างนี้ด้วย?” อุณหภูมิในน้ำเสียงของเขาเย็นลง 1,000 องศา
“แค่เถียงกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก นีน่าเพื่อนฉันก็อยู่ด้วย เธอคอยกันฉันออกจากซาเวียร์” เบียงก้าเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาของลุคเพื่อพยายามจะอธิบายเรื่องราว
แท้ที่จริงแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะอธิบายให้เขาฟังมากมายขนาดนั้น บางทีอาจจะเพราะว่าเขาเป็นพ่อของลูกเธอก็เป็นได้
หลังจากอธิบายทุกอย่างที่จะทำให้เขาโกรธเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่พักใหญ่ มีเพียงลมหายใจอุ่นที่เจือกลิ่นของความเป็นชายเป่ารดลงบนใบหน้าของเธอ
เบียงก้าต้องการเงยหน้าขึ้น หากแต่ริมฝีปากของเธอกลับถูกชายคนนี้จับจองไว้เสียก่อน
จุมพิตนี้นุ่มนวลอย่างที่สุด แต่สัมผัสที่อ่อนโยนของชายผู้นี้กลับเร้าให้เธอรู้สึกวาบหวามไปทั้งร่าง
บรรยากาศรอบกายคละคลุ้งไปด้วยความใคร่ เพราะหยาดน้ำลายชุ่มชื่นได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
เมื่อมือข้างหนึ่งของลุคจับเข้าที่ลำคอขาวผ่อง เธอก็รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของเธอทะยานขึ้นสูง มืออีกข้างของลุคโอบรอบเอวคอดกิ่วของเธอ
เขาบีบบั้นท้ายของเธอผ่านชุดนอนด้วยความซุกซน
สติของเบียงก้าถูกกลืนกินทีละน้อย เธอไม่อยากเผลอใจไปเช่นนั้น จึงพยายามจนสุดความสามารถที่จะประคองสติของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ไม่นานนัก เบียงก้าก็รู้สึกได้ถึงอันตราย เธอพยายามผลักเขาออกไป เพราะเธอตระหนักได้แล้วว่าตลอดการจูบที่เขามอบให้เธอ ชายคนนี้ก็พาเธอออกห่างมาจากประตูห้องนั่งเล่นอันคับแคบนั้นมาไกลแล้ว
โซฟาที่ดูพร้อมจะให้พวกเขาได้เริงรักกันวางอยู่ด้านหลังเธอเท่านั้น
เมื่อสัมผัสถึงภยันตราย เบียงก้าหันหน้าหนีไปอีกทาง และสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง หน้าต่างของห้องนั่งเล่นเปิดทิ้งไว้ ทำให้ลมยะเยือกพัดผ่านเข้ามาปลุกให้เธอคืนสติ
“หน้าคุณแดงยิ่งกว่าตอนที่เราทำเรนนี่กับลานี่กันซะอีก” ลุคเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มือใหญ่โตของหนึ่งของเขาสอดเข้ามาในชุดนอนของเธออย่างช้า ๆ
เบียงก้าถอยหนีไปเพราะความหวาดกลัว เธอสูดหายใจทั้งใบหน้าที่แดงก่ำ
เธออยากจะฉุดมือที่ซุกซนของชายหนุ่มไว้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว ยอดปทุมถันที่ไวต่อสัมผัสถูกชายหนุ่มครอบครองเอาไว้จนสิ้น
“เรนนี่กับลานี่อยู่ด้วย อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
สองมือของเบียงก้าจับเข้าที่ท่อนแขนอันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม เพื่อกันไม่ให้เขาขยับมันตามใจชอบ หากแต่มัดกล้ามอันแข็งแกร่งของแขนทำให้หัวใจเธอสั่นสะท้าน
แม้จะเห็นว่าใบหน้าแดงก่ำของเบียงก้าดูกลัวเขาเพียงใด ลุคก็ยังใช้นิ้วโป้งของตัวเองบดคลึงยอดปทุมของเธออย่างเอาแต่ใจ
“อ๊า...อย่าค่ะ… อย่าจับ…”
คิ้วของเบียงก้าขมวดเล็กน้อย เธอหอบหายใจผ่านริมฝีปากบวมแดง นิ้วเรียวพยายามงัดมือของชายหนุ่มที่ปัดป่ายไปทั่วร่างของเธอออก ใบหน้าของเธอยังคงแดงมากขึ้นไปอีก ราวกับเลือดของทั้งร่างกายไหลมารวมอยู่ที่ใบหน้าของเธอ
หญิงสาวเริ่มครวญครางและออดอ้อนออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้นร่างกายของลุคก็ชาวาบ บางสิ่งที่หลับใหลอยู่ใต้กางเกงถูกปลุกขึ้น
มือของชายหนุ่มเคลื่อนไปที่เอวของเธอ ก่อนจะออกแรงกดเอวของเธอให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างคนทั้งสองอีก ร่างของคนทั้งคู่เบียดเสียดแนบชิดกันไปทุกส่วน
ความรู้สึกแสนแปลกประหลาดเริ่มครอบงำร่างกายของเบียงก้า เธอรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังจะละลายไป
ริมฝีปากและเรียวลิ้นของชายหนุ่มร้อนระอุ ทั้งสองสิ่งนั้นกำลังเคลื่อนเข้ามาหาริมฝีปากของเธอ ก่อนจะมอบจุมพิตแผ่วเบามาให้ มันครอบครองริมฝีปากของเธอและดูดดุนอยู่อย่างนั้น รสจูบร้อนเร่านั้นแผดเผาและไล่วนไปยังลำคอ
มือคู่หนึ่งกำลังปัดป่ายอยู่บนแผ่นหลังเนียนของเธอ
สติสัมปชัญญะของเบียงก้านั้นกำลังปวกเปียกและหลุดลอยไปไกล เธอรู้สึกได้เลยว่าชุดนอนท่อนล่างของตัวเองถูกกำจัดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสียงเย้ายวนของชายหนุ่มกระซิบขึ้นข้างหูของเธอ “คุณทำให้ผมสะท้านเลย ตอนนี้มีอารมณ์สุด ๆ ไปเลยแหละ…”
ลมหายใจของทั้งคู่สบประสานกัน ราวกับมีไฟเผาผลาญลำคอและปลายจมูกของทั้งสองคน
สติของเบียงก้าหลุดลอยไปเสียแล้ว หากแต่เธอได้ยินสิ่งที่ลุคพูดระหว่างครวญครางอย่างชัดเจน เขากำลังพูดถึงสิ่งเดียวที่จะพูดในเวลาอย่างนี้ คำพูดสกปรกพวกนั้น...
“อ๊า… อา….ไม่… อ๊า…” ความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจถูกชักจูงออกมา เบียงก้าได้แต่เกลียดตัวเองที่ไม่อาจทานทนต่อการยั่วเย้าของเขาได้
“เด็กดีของผม คุณก็รู้ดีนี่ว่าคุณชอบแบบนี้” ลุคเป่าลมหายใจรดหูของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้ปากขบติ่งหูของเธอเอาไว้
เบียงก้าคิดว่าเธอคงต้องยอมจำนนให้เขาอย่างสมบูรณ์ แต่โชคดีเหลือเกินที่เรนนี่ตื่นขึ้น อาจจะเพราะเธอตื่นมาแล้วไม่เจอใครถึงได้ร้องไห้ออกมา
เธอเรียกหาน้าบีครั้งแล้วครั้งเล่าขณะปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
เสียงนั้นปลุกให้เธอตื่นจากราคะ แต่หลังจากตื่นขึ้นแล้วต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย เธอก็พบว่ามันน่ากลัวและน่าอับอายเสียยิ่งกว่าการตกหลุมรักเสียอีก
เธอหากางเกงของตัวเองไม่เจอ
ท่อนบนของชุดนอนล้าสมัยถูกเปิดออกจนเผยให้เห็นรอยรักที่ถูกทิ้งไว้เต็มลำคอ
“มาแล้วจ้ะ” เบียงก้าจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง และปลอบเด็กหญิงที่กำลังจับลูกบิดประตู
ตาที่เจ็บของเรนนี่นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเป็นแม่อย่างเบียงก้า
ในตอนที่เบียงก้ากำลังจะไปดูแลลูกสาวของเธอ ลุคขมวดคิ้วและดึงเธอกลับมา เขาเพิ่งได้กอดและจูบเธอเท่านั้น มันไม่มากพอที่จะดับไฟตัณหาที่กำลังลุกโชนอยู่ในตัวเขาได้
เบียงก้าหันกลับมาเห็นว่าความปรารถนาของเขายังเด่นหราอยู่บนใบหน้าไม่จางไป
ในตอนที่เขาดึงเธอกลับไปหา เธอสัมผัสได้ถึงส่วนแข็งขืนของเขาที่กระแทกเข้ากับส่วนสงวนของร่างกายเธอ
“ฉันจะไปดูเรนนี่หน่อยนะคะ ฉันรู้ว่าคุณคงไม่สนุกกับการมีลูกอยู่ใกล้ ๆ มากนักหรอก…” เบียงก้าเป็นห่วงเรนนี่ เธอถึงพูดอะไรไร้สาระออกมาเช่นนี้
เบียงก้าไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอนั้นถูกสลักลงในสมองของชายผู้นี้เรียบร้อยแล้ว
เขาคงไม่สนุกกับการมีลูกอยู่ใกล้ ๆ มากนักหรอก...
แล้วถ้าไม่มีลูกอยู่ใกล้ ๆ ล่ะ…
…
หลังจากกลับเข้าห้องไป เบียงก้าก็ไม่ได้ออกมาจากห้องของเธออีก
เรนนี่ที่เพิ่งเรียกหาเธอเมื่อไม่กี่นาทีก่อน บัดนี้นอนอยู่บนเตียงขณะอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ขณะที่เธอกำลังหลับลง เรนนี่พึมพำออกมา “น้าบีนี่กลิ่นเหมือนคุณพ่อเลยนะคะ…”
ใบหน้าของเบียงก้าร้อนผ่าวจากความรู้สึกผิด เธอปาดน้ำตาบนแผงขนตาให้เรนนี่ แล้วจุมพิตลงบนแก้มของเธอ
“พ่อหนูกลิ่นเหมือนอะไรล่ะ?”
“อืม กลิ่นหอม ๆ ค่ะ บางทีคุณพ่อจะสูบบุหรี่เวลาอารมณ์ไม่ดี หนูไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เลยค่ะ” เรนนี่พึมพำด้วยความไม่ชอบใจ
คืนนี้เบียงก้าสะดุ้งตื่นหลายครั้ง เธอจะจับมือของเรนนี่เอาไว้ เพราะกลัวว่าเธอจะเผลอเกาที่ตาข้างที่เจ็บตอนหลับ
ถึงแม้ว่าเบียงก้าแทบจะไม่ได้นอนมากเท่าไหร่นัก แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าดี
เธอหยิบผัก ผลไม้ นมและขนมปังออกมาจากตู้เย็น เพื่อทำอาหารเช้าที่เธอตอนเด็กชอบมันมาก
ตั้งแต่ตาเจ็บ เรนนี่ก็เริ่มแผลงฤทธิ์มากขึ้น
เธอพูดตอนกำลังรับประทานอาหารเช้าว่า “คุณพ่อคะ เมื่อวานที่คุณพ่อไปรับหนูกับพี่ลานี่ คุณพ่อบอกคุณทวดว่าจะไปต่างจังหวัดสองสามวัน ที่นั่นน่าสนุกไหมคะ? คุณพ่อพาหนูกับพี่ไปด้วยได้รึเปล่า?”
“มันไม่สนุกหรอกลูก” ลุคกลับมาอยู่ในมาดของนักธุรกิจใหญ่อีกครั้ง ไม่เพียงแค่ปฏิเสธเด็ก ๆ เขายังพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ลูกสองคนควรกลับไปเรียนชดเชยให้ครบ วันนี้พ่อจะให้ลุงเจสันไปส่งพวกหนูที่โรงเรียน”
“...” เรนนี่และลานี่พูดไม่ออก พวกเขาทำได้เพียงมองหน้ากัน แล้วก้มหน้าลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก