พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 183

โทรศัพท์เบียงก้าก็ดังขึ้นขณะกำลังคุยกับคุณปู่

“คุณปู่คะ หนูต้องรับสายนี้ค่ะ” เบียงก้าดึงแขนที่เริ่มรู้สึกเจ็บจากการที่คุณปู่จับไว้ออกมา และหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า

ซูเป็นคนโทรมา

เบียงก้ารับสายแล้วถามว่า “สวัสดีจ้ะ ซู มีอะไรรึเปล่า?”

ซูบอกกับเธอสั้น ๆ ว่า “บี ถ้าไม่มีอะไรติดขัดนะ โครงการพัฒนาเมืองที่พวกเราทำกันอยู่จะมีระยะเวลาดำเนินงานอย่างน้อยครึ่งปีนะ ดังนั้นนะ หลังจากที่พวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพิจารณาเรียบร้อย การฝึกอบรมภาคสนามในปีนี้จะดำเนินไปเร็วกว่าที่กำหนดไว้ พรุ่งนี้เวลาแปดโมงเช้า เธอมาที่ทางเข้าบริษัทด้วยล่ะ อย่าลืมเตรียมเอาของใช้จำเป็นสำหรับพักค้างแรมด้วย ก็ประมาณนี้นะ ถ้ามีอะไรสงสัย ก็ส่งข้อความมาหาฉันนะ ฉันจะต้องบอกอีกสองคนที่ไม่อยู่ในสำนักงานก่อน”

“รับทราบจ้ะ” เบียงก้าตอบก่อนวางสายไป

ตอนเธอไปเรียนต่างประเทศ เมื่อมีเวลา เธอก็ชอบออกไปหากิจกรรมภาคสนามทำเช่นกัน

ดังนั้น สำหรับเรื่องนี้ เธอสามารถมองว่ามันเป็นได้ทั้งการฝึกอบรมและการพักผ่อนไปพร้อม ๆ กันได้

หลังจากรับประทานอาหารเย็นกับคุณปู่แล้ว เบียงก้าเริ่มเก็บโต๊ะอย่างรวดเร็ว

“คุณเรย์นคะ คุณอย่าล้างจานเลยนะคะ ถ้านายท่านครอว์ฟอร์ดรู้เรื่องนี้ เขาคงจะไล่พวกเราออกแน่ ๆ เลยค่ะ!” ผู้ดูแลพยายามห้ามเบียงก้า

ในอนาคต เธอกำลังจะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลผู้ร่ำรวย ดังนั้น เธอก็ควรมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเยี่ยงเจ้าหญิงไม่ใช่เหรอ?

บางทีหลังจากใช้ชีวิตที่ผ่านมา คุณเรย์นไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตเหมือนเจ้าหญิง ช่างคล้ายกับซินเดอเรลล่าเลยว่าไหม?

ผู้ดูแลเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ที่นี่ ดังนั้นในตอนนี้ เธอจึงไม่รู้จักใครอื่นเลยนอกจากคุณครอว์ฟอร์ด และคุณเรย์น ดังนั้น เธอจึงระมัดระวังในทุกขั้นตอนการทำงานอยู่เสมอเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนใคร

แต่จากรูปลักษณ์ตอนนี้ คุณเรย์นดีกว่าที่เธอคิดไว้ร้อยเท่ากันเท่า หรือไม่ก็อาจจะหมื่นเท่าเลยด้วยซ้ำ

สุดท้ายแล้ว เบียงก้าถูกบังคับให้หยุดการกระทำนั้นลง มันเป็นนิสัยของเธอที่จะล้างจานหลังอาหารเย็นเสร็จทุกครั้ง

“คุณปู่คะ พอมีเวลาว่างแล้ว หนูจะมาเยี่ยมคุณปู่อีกทีนะคะ” เบียงก้าหยุดปู่ที่เดินตามเธอออกไป เธอหันหลัง แล้วเดินลงบันไดไปยังสถานีรถไฟใต้ดินด้านนอก

ขณะยืนอยู่ข้างถนนที่มีต้นไม้ผลิใบสีเหลือง เบียงก้ามองไปรอบ ๆ แถวนี้ไม่ค่อยมีรถ แต่ทุกคันที่ขับผ่านมักเป็นรถสุดหรูทั้งนั้น

เธอเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน และหันกลับไปมองคฤหาสน์ที่คุณปู่พักอยู่ เธอคิดว่ามันอยู่ใกล้กับคฤหาสน์ที่เฟย์และชาร์ลส์พักอยู่

เบียงก้าก้มหน้าก้มตาเดินไปที่สถานีไปพร้อมกับความกังวลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในใจ

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

คนขับรถพาลานี่และเรนนี่กลับมา

วันนี้อลิสันอยู่บ้าน เธอจึงนำนมสองแก้วขึ้นไปชั้นบน จากนั้น เธอก็ถามหลาน ๆ ที่กำลังทำการบ้านว่า “สองวันนี้ หลานสองคนไปอยู่ที่ไหนมาเอ่ย? อยู่กับพ่อหลานเหรอ?”

พ่อของเด็ก ๆ เป็นคนไม่ค่อยมีเวลา เขามักจะไม่ค่อยอยู่ เขาจะมีเวลาว่างหรือมีพลังงานเพียงพอไปรับลูก ๆ จากโรงเรียนและดูแลความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ หรือไม่?

แค่รับประทานอาหารเย็นคนเดียวก็เป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้

นอกจากนี้ พ่อของเด็ก ๆ ยังเข้มงวดมากอีกด้วย เขาไม่ค่อยให้เด็ก ๆ รับประทานอาหารขยะ

“เรา…” ก่อนที่บลองช์จะได้พูดอะไร เขาเห็นพ่อกำลังขึ้นไปชั้นบน และมุ่งหน้าไปที่ห้องของพวกเขา

พื้นถูกปูด้วยพรมอย่างดี จึงไม่มีเสียงใด ๆ เวลาเดิน อลิสันมองตามไปยังที่ที่หลาน ๆ มองอยู่ และเห็นลูกชายของเธอ พลางถามว่า “ลูกดูแลเด็กทั้งสองด้วยตัวเองเหรอ? ลูกทำได้ด้วยเหรอ?”

อลิสันต้องการให้หลานของเธออยู่ที่คฤหาสน์

คฤหาสน์นี้เป็นรากฐานของตระกูลครอว์ฟอร์ด ทุกคนอยู่ในคฤหาสน์นี้ คฤหาสน์ของเขามีความหมายอย่างมากนอกเหนือจากราคาของมัน

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี อลิสันก็ไม่ต้องการแบ่งคฤหาสน์นี้แก่ซูซานและลูกชายของเธอ

ในสายตาของคนอื่น ใครก็ตามที่ครอบครองคฤหาสน์แห่งนี้คือคนที่เป็นผู้นำตระกูลตัวจริง ซึ่งนั่นหมายความว่าคนผู้นี้ได้รับการยอมรับจากตระกูลครอว์ฟอร์ด

หลังจากที่ซูซานรู้เรื่องสามีคบชู้ เธอก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ดังนั้น เธอจึงถอยห่างจากงานแสงสีต่าง ๆ อย่างการเข้าสังคมที่มีคุณหญิงคุณนายผู้มั่งคั่งเข้าร่วมด้วย ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว ดังนั้นเธอจึงเริ่มกลับออกไปที่นั่น ในด้านหนึ่ง เธอกำลังฟื้นคืนและเอาตัวเองกลับคืนมา แต่ในทางกลับกัน เธอกำลังจะกลับไปอยู่ในตำแหน่งนี้ ตำแหน่งที่ภรรยาเก็บเข้ามาแทนที่เธอ

อลิสันยอมรับว่าตนเป็นภรรยาน้อยที่หลอกเธอ แต่เธอรู้สึกว่ามันขึ้นอยู่กับทักษะของคนคนหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งการแต่งงานและความรัก

ซูซานเป็นคนที่ไร้ความสามารถที่จะรักษาผู้ชายของเธอไว้ได้ เหตุนี้จึงเกิดขึ้นกับเธอ

ซูซานมีสิทธิ์อยู่ทุกหนทุกแห่งในคฤหาสน์นี้ และเธอยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ความสุข ก็อาจกล่าวได้ว่า ซูซานต้องการคฤหาสน์แห่งนี้

อลิสันไม่ได้ดีขึ้น เธอเองก็ไม่มีความสุข แต่ไม่ยอมย้ายออก

ถ้าเธอย้ายออกไป คฤหาสน์นี้ก็จะเป็นของซูซานและลูกชายของเธอ

ผู้อาวุโสรู้สึกสำนึกผิดต่อซูซานผู้เคยเป็นลูกสะใภ้เสมอ ดังนั้น เขาจึงพยายามชดเชยความผิดของลูกชาย และเพื่อชดใช้ให้ซูซานและลูกชายของเธอ

แต่ผู้อาวุโสไม่ได้ยกคฤหาสน์ให้ซูซานและลูกชายเธอ

กระนั้น ผู้อาวุโสไม่สนใจลุคหลานชายคนโตของเขา แต่ท้ายที่สุด ลุค ผู้เป็นหลานชายคนโต ก็มีธุรกิจและทรัพย์สินของตนเอง เขายังมีเงินมากมายจนใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด

สิ่งที่ผู้อาวุโสกังวลคือ ความรู้สึกหลานชาย ทั้งสองคนเคยชินกับการอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ ดังนั้นเขาจะโอนคฤหาสน์ให้ซูซานได้อย่างไร?

ซูซานเกลียดทุกอย่างเกี่ยวกับอลิสัน รวมทั้งหลานที่น่ารักของอลิสันด้วย

ซูซานไม่สามารถทำร้ายเด็ก ๆ ได้ และก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะขับไสเด็กสองคนออกจากคฤหาสน์หลังจากตัดทั้งหมดไปให้พ้นจากสายตาและออกจากจิตใจ

ถ้าใครจะก้าวเข้ามาในถิ่นของเธอ ภรรยาที่แต่งงานแล้วตามกฎหมายคนใดจะยอมทนต่อลูกชายของภรรยาน้อยและหลานของเธอหลังจากที่สามีนอกใจได้กันเล่า?

คนเดียวที่สามารถทนต่อพวกเขาได้ก็คงมีแค่แม่พระเท่านั้นแหละ

ซูซานไม่ใช่นักบุญ เธอเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่สักพักแล้ว ผู้อาวุโสก็ไม่ยอมมอบคฤหาสน์ให้ซูซานอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกชายของอลิสันก็ได้พาหลาน ๆ ไปอยู่ที่อื่นแล้ว ไม่แน่ พวกเขาอาจจะวางแผนจะอยู่ที่นั่นในระยะยาวเลยก็ได้ แต่นั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่อลิสันจะรู้สึกกังวล

ถ้าหากเป็นกรณีนี้ ผู้อาวุโสอาจโอนคฤหาสน์ให้ซูซานจริง ๆ

ถ้าซูซานเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้ อลิสันรู้ว่าเธอคงไม่สามารถอยู่ต่อไปในคฤหาสน์ที่เธอเคยอาศัยอยู่มาหลายสิบปีนี้ได้อีก

การไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือสิ่งที่ผู้คนจะพูดถึงเธอ

อลิสันรู้ดีว่าในท้ายที่สุด เหล่าผู้หญิงในแวดวงผู้ดีจะต้องวิพากษ์วิจารณ์เธออย่างแน่นอน ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็ไม่สามารถอยู่เป็นส่วนหนึ่งในคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดได้ กระทั่งวันที่ตอนที่เธอเสียชีวิต อลิสัน แทนเนอร์จะไม่ถูกฝังในสุสานของครอบครัวครอว์ฟอร์ด

ยิ่งอลิสันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น

ลูกชายของเธอจะไม่คุยเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับเธอ เมื่อใดก็ตามที่เธอพยายามถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจะตอบอย่างเย็นชาว่า “มีคนมาช่วยผมดูแลเด็ก ๆ นะครับ”

อลิสันอยากถามลูกชายว่าใครเป็นคนดูแลลูก ๆ ให้กับเขา

แต่ลุคแค่ขมวดคิ้วและชี้ไปที่ตัวหนังสือในสมุดบันทึกของลานี่ที่สะกดผิด “คำว่า 'ลึก' ลูกเขียน 'สระ อึ' ตกไปน่ะ ลูกกินเข้าไปรึไง?”

"อ๋อ" ลานี่อายุเพียงห้าขวบ และเขาอายุน้อยกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนหนึ่งปี เมื่อพ่อของเขาบอกว่าสระ อึ หายไป เขาจึงคว้าดินสอมาเขียนเติมสระ อึ เข้าไป

อลิสันเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากสัมผัสได้ว่าลูกชายของเธอปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเธอ

วันรุ่งขึ้นทุกคนในบริษัท ที คอร์ปอเรชั่นที่เข้าร่วมการฝึกอบรมภาคสนามจะแบ่งกันไปตามแผนกของตนเอง และในแผนกนั้นก็จะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ เพื่อให้การทำดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างลื่นไหล

พวกเขาต้องปีนเขา ว่ายน้ำ ปิกนิก เข้าร่วมกิจกรรม และพูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร หลังจากผ่านกิจกรรมมาทั้งวัน ทุกคนก็หมดแรงลง

เวลา 6 โมงเย็น ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ แต่พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว

ในฐานะเจ้านายที่มีอำนาจมากที่สุดในบริษัท ลุคแทบไม่ได้แสดงตัว ตามที่พนักงานบอก ในส่วนแต่ละแผนกของบริษัท นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดกับทุกคน เขาพูดเพียงไม่กี่คำ

แต่ก็ยังไม่ถึงตาของแผนกออกแบบเสียที

“วอนน์ เมื่อคืนเธอคงนอนคุยกับหัวหน้าแล้วก็ชวนให้เขามาที่นี่ด้วยใช่ไหม?” พนักงานหญิงที่ถูกอีวอนน์ล้างสมองถามหลังจากคาดเดาอย่างสมเหตุสมผล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก