พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 44

แอนนาละทิ้งเหตุผลของเธอไปอย่างสิ้นเชิง เธอยื้อยุดเบียงก้ากลับไปกลับมา ทั้งยังทำผมของเบียงก้ายุ่งเหยิงและฝากรอยข่วนมากมายไว้บนคอ หากแต่ใบหน้าของเธอยังคงอยู่ดี

แอนนาจิกผมของเบียงก้าไว้ไม่ยอมปล่อย “ผู้หญิงอย่างเธอนะต้องถูกประจาน! นี่เธอต้องการเงินมากอย่างนั้นเหรอ? หิวเงินจนยอมทิ้งศักดิ์ไปแล้วเหรอ? ถ้าเธออยากจะมีเสี่ยเลี้ยง ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาดึงลูกชายฉันลงนรกไปกับเธอด้วย! อย่างเธอจะชดใช้ช่วงเวลาห้าปีที่ลูกชายฉันสูญเสียไปกับเธอได้ยังไง?!”

เบียงก้าไม่อาจทนได้อีก เธอสะดุ้งเพราะความเจ็บปวด เบียงก้าดึงผมของตัวเองออกจากเงื้อมือของแอนนา แล้วผลักเธอออกไปอย่างแรง “พอได้แล้ว!”

แอนนาถูกออกไปไกลกว่าหนึ่งเมตร ใบหน้าและลำคอของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ ทั้งยังชี้นิ้วมายังเบียงก้า “เธอทั้งหยาบคายและน่ารังเกียจที่สุด! กล้าดีอย่างไรถึงทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่ผิด!” ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูพวกเธอ

หญิงสูงวัยคนหนึ่งเข้ามาห้ามโดยรั้งเธอไว้จากข้างหลัง “อย่าโกรธไปเลยค่ะคุณ คุณไม่ควรจะฟังความข้างเดียวแล้วตัดสินลูกสะใภ้ของคุณว่าเธอนอกใจนี่ จริงไหม?”

แอนนารู้จักผู้หญิงที่กำลังห้ามเธอ

เธอเป็นหนึ่งในพวกผู้หญิงที่อยู่กับเดซี่ในวันนั้น พวกเธอยังนินทาเรื่องผิดศีลธรรมของเบียงก้าอยู่เลย

“ฉันจะเป็นคนตัดสินเองว่าผิดหรือไม่ผิด” แอนนาจ้องมองผู้หญิงคนนั้น “นี่มันเรื่องในครอบครัว อย่ามายุ่ง”

หญิงสูงวัยคนนั้นเมื่อเห็นว่าแอนนาทำอะไรอย่างโดยไร้เหตุผล สายตาของเธอมองไปยังแอนนาอย่างพิลึก

ตอนนั้นเอง เบียงก้ากลับมาที่ตึกของเธอ และปรารถนาว่าครอบครัวของฌองจะไม่เข้ามายุ่งย่ามกับเธออีก

เมื่อถึงบ้าน สิ่งแรกที่เบียงก้าทำคือการมองหาที่อยู่ใหม่จากอินเตอร์เน็ต

โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

เป็นนีน่าที่โทรมา

เบียงก้ารับสาย

น้ำเสียงของนีน่าดูหงุดหงิดเต็มกลืน “บี เธอสบายดีไหม? แม่ฉันไปหาเธอใช่รึเปล่า? เธอได้เจอแม่แล้วใช่ไหม?”

“ใช่ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” เบียงก้ารู้ดีว่านีน่าเป็นห่วงเธอ แต่เธอไม่ต้องการให้นี่น่าเป็นห่วง

“ฉันโกรธทั้งแม่ทั้งพี่ชายฉันมากเลยตอนนี้!” นีน่าเสียงสะอื้น “รอก่อนนะเดี๋ยวฉันไปหา”

เบียงก้าไม่ทันได้ปฏิเสธ นีน่าก็วางสายไปเสียก่อน

แทนที่จะโทรหานีน่าอีกครั้ง เบียงก้าส่งข้อความผ่านวีแชตไปหาเธอแทน “อย่าโกรธไปเลย ทุกอย่างจะผ่านไปเอง”

“เธอใจดีจริง ๆ เลยบี ครอบครัวของฉันผิดเต็ม ๆ” นีน่าตอบกลับอย่างรวดเร็วทั้งยังตามมาด้วยอีโมติคอนร้องไห้

เบียงก้าก้มหน้าลง นอกจากใจดีแล้วทำอะไรได้อีกล่ะ?

หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุด นีน่าก็เดินทางมาถึงบ้านของเบียงก้า

เมื่อเธอกดกริ่ง เบียงก้าก็เปิดประตูให้เธอ

นีน่าเดินเข้ามาแล้วเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ ทันใดนั้นเองเธอก็ได้เห็นใบหน้าห้องเบียงก้า เธอก้าวเข้ามาใกล้และจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเธอเบิกโพรง “นี่แม่ฉัน...ทำร้ายเธอเหรอ?”

เบียงก้าพยักหน้า

“แม่บ้าไปแล้ว!” นีน่าหน้ามุ่ยอย่างหมดคำจะพูด ยิ่งฟังยิ่งสับสน นีน่ากล่าวต่อ “ฉันเริ่มจะคิดว่าทั้งแม่และก็ทั้งพี่เสียสติไปแล้ว เราหลงเชื่อพวกปากหอยปากปูแถวนี้มากกว่าคนในครอบครัว ฉันหมายถึงเพราะเขาไม่เชื่อฉันด้วยซ้ำ”

พวกเขาทั้งคู่เดินไปไหนห้องนอนของเบียงก้า

นีนาเห็นเว็บไซต์ที่เปิดค้างไว้ขึ้นบนคอมพิวเตอร์ของเบียงก้า มันเป็นเว็บไซต์สำหรับการหาบ้านเช่า

“เธอกำลังจะย้ายออกเหรอ?”

“ใช่ นี่เป็นทางเดียวแล้วที่ฉันจะสามารถหาที่สงบ ๆ ได้” เบียงก้ากล่าวอย่างเสียไม่ได้

นีน่าเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อให้หาอะไรดื่ม เมื่อเธอกลับมายังห้องนอนเธอมองไปที่สัญญาเช่าซื้อแล้วกล่าว “ทำไมเธอไม่เช่าบ้านที่มีสองห้องละ? ฉันย้ายมาอยู่กับเธอได้นะ ต่างคนต่างดูแลกันเป็นไง”

เบียงกล้ามองมายังนีน่า เธอไม่ต้องการให้นีน่าย้ายออกจากครอบครัวมาอยู่กับเธอ

เพราะนั่นอาจจะทำให้นีน่ายิ่งแปลกแยกออกมาจากครอบครัวเเละพี่ชายของเธอ

นีน่าอ่านออกว่าเบียงก้ากำลังกังวลอะไร “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้ย้ายออกมาเพราะเธอ จริง ๆ ฉันอยากจะออกมาตั้งแต่ตอนอยู่ปีสองแล้ว เพราะพ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกวัน…”

ในชีวิตนี้ เบียงก้าไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ของเธออยู่ด้วยกันมาก่อน

การมีทั้งพ่อและแม่อยู่ด้วยมันเป็นอย่างไรกัน? มันทั้งอบอุ่นและแสนวิเศษไหม? หรือจะเต็มไปด้วยการทะเลาะวิวาท? ไม่ว่าจะทางไหน เธอก็ไม่เคยได้สัมผัส มันเป็นภาพหายากที่เธอไม่เคยได้เห็นมาตลอดชีวิต

บ่ายวันนั้น ทั้งเบียงก้าและนีน่าเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน

วันต่อมา สองสาวเข้าไปตรวจสอบสถานที่ ลงนามในสัญญา จ่ายเงินมัดจำและย้ายออก ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในวันเดียว

วันถัดจากนั้น เบียงก้าต้องการทำความสะอาดบ้านหลังใหม่

นีน่ากังวลว่าเบียงก้าจะรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นเธอจึงจ้างพนักงานทำความสะอาดออนไลน์มาแทน

“เฮ้อ ในที่สุดฉันก็มีที่ทางของตัวเองสักที…” นีน่าอดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้

เบียงก้าเองก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เช่นกัน ความอึดอัดใจของเธอดูเหมือนจะหายไปเช่นกัน

สัปดาห์แห่งการหยุดพักของเธอผ่านไปในพริบตา

เบียงก้าไม่มีทางเลือกจึงได้ดึงตัวเองกลับมา แล้วเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะกลับไปทำงาน

เบียงก้าประหลาดใจไม่น้อย ที่เธอแทบไม่ได้ย่างกรายเข้าไปไหนแผนกออกแบบ เมื่อเธอเห็นว่าฌองนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเค้า

ดูเหมือนฌองรู้ว่าเบียงก้าจ้องมองมาที่เขา เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอกลับไป

แววตาของฌองทำให้เบียงก้ารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก!

คืนนั้น ฌองตะโกนใส่เธอมาจากนอกประตู แล้วเรียกเธอว่า “นางแพศยา” ซึ่งคำพูดนี้ก็แฝงมากับสายตาของเขาในวันนี้ด้วย!

ทันใดนั้นเอง ซู คาร์เตอร์ส่งอีเมลถึงทุกคน “วันนี้มีประชุมตอน 9:20 ตรงนะคะ”

ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเก้าโมงยี่สิบนาที พนักงานในแผนกออกแบบก็เข้ามาร่วมตัวกันในห้องประชุมสำหรับพวกเขา หัวหน้าแผนกเป็นหญิงสาวใจแกร่งที่ไม่เคยก้มหัวให้ผู้ชายคนไหน ดังนั้นเธอจึงชอบผู้หญิงที่รักการแข่งขันในทีมเป็นพิเศษ

ในระหว่างประชุม พวกเขาจดจ่ออยู่กับโครงการที่สำคัญ หัวหน้าแผนกมีคำสั่งให้ซูเป็นคนจัดการเลือกลูกทีม และซูชอบเบียงก้า ดังนั้นเบียงก้าจึงได้รับโอกาสให้ทำโครงการนี้

การประชุมจบลง

เบียงก้าออกมาจากห้องพร้อมคนอื่น

“ซู พาเบียงก้าไปห้องประชุมที่ชั้นหกสิบสองกับเธอด้วย เร็วเข้า!” หัวหน้าแผนกก้าวเข้าไปในลิฟต์ในตอนที่เธอเรียก เธอหันกลับมาแล้วชี้ไปที่ซูและเบียงก้าที่เดินออกมาพร้อมกัน

ซูไม่มีเวลามากพอที่จะถามเหตุผล แต่มันคงจะเป็นเรื่องดี ดังนั้นเธอจึงพาเบียงก้าเข้าไปในลิฟต์มุ่งหน้าไปที่ชั้น 62

สำหรับฌองที่อยากจะคุยกับเบียงก้า เขาไม่มีทางเลือกอื่นจอกจากจำใจกลับแผนกไป

มีบางคนกำลังรออยู่ที่ประตูในห้องประชุมชั้น 62 เมื่อพวกเขาเห็นซูและเบียงก้า พวกเขาก็อนุญาตให้พวกเธอเข้ามา สองสาวเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ แล้วนั่งลงที่มุมหนึ่งของห้องก่อนจะตั้งใจฟังเนื้อหาการประชุม

บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างเคร่งเครียด เบียงก้าเงยหน้าขึ้นและกลัวเหลือเกินว่าเสียงหายใจของเธอจะดังเกินไป เธอได้เห็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท แต่เพราะเธอยังใหม่เกินไปจึงไม่สามารถจดจำพวกเขาได้ทั้งหมด

มีป้ายชื่อของพวกเขาอยู่บนโต๊ะ นอกจากประธานบริษัทแล้ว เธอยังเห็นหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้อีกหลายคน

ที่ด้านหน้าห้อง พนักงานหญิงคนหนึ่งกำลังนำเสนอจุดมุ่งหมายของโครงการ ในตอนนี้ เธอได้กล่าวถึงข้อดีของที่ดินผืนหนึ่งสำหรับโครงการ ที่ด้านขวาของเธอคือประธานบริษัทที่นั่งอยู่อย่างสง่างามและตั้งใจฟัง

เบียงก้ารีบถอนสายตากลับมา

เธอยังคงจดจำเรื่องน่าอับอายที่ลุคทำในบ้านของเธอ

การประชุมใช้เวลากว่าสองชั่วโมง

มันจบลงตอนมื้อเที่ยงพอดี

ประธานบริษัทเดินออกไปก่อน ตามด้วยพนักงานตามลำดับชั้น เมื่อเบียงก้าก้าวออกมาจากห้องประชุม เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับลุคอีกครั้ง

ที่ด้านนอกห้องประชุม ลุคกำลังพูดคุยกับชายสองคนและหญิงอีกหนึ่งคน

หากเบียงก้าจำไม่ผิด สามคนนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงทั้งนั้น

จากนั้นเอง เจสันมองไปยังพวกเธอ ก่อนจะหยุดซูและเบียงก้าไว้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ “ถ้าผมจำไม่ผิด คุณคาร์เตอร์เป็นพวกคอทองแดงนี่ครับ คุณควรอยู่ร่วมทานอาหารเที่ยงด้วยกันก่อน”

น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่ามันคือคำสั่ง ไม่ใช่คำเชิญชวน

หลังจากนั้น เจสันมองไปที่เบียงก้าอย่างจงใจชวนเธอ “คุณเองก็ควรมาด้วย คุณเรย์น ทำไมไม่ลองอยู่ฟังแผนการออกแบบของท่านประธานดูล่ะ?”

ตราบใดที่เบียงก้ายังคงเป็นพนักงานของบริษัทนี้ ไม่มีเหตุผลหรือสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำเชิญดังกล่าว

ในขณะที่เบียงก้ารู้สึกสับสนงงงวยอยู่นั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงสายตาคมปราดที่กำลังจ้องมองเธอ เธอหันไปแล้วพบว่าลุคมองเธออยู่ สายตาของเขาลุ่มลึกอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังเต็มไปด้วยอารมณ์ทีไม่อาจเข้าใจได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก