แอนนาละทิ้งเหตุผลของเธอไปอย่างสิ้นเชิง เธอยื้อยุดเบียงก้ากลับไปกลับมา ทั้งยังทำผมของเบียงก้ายุ่งเหยิงและฝากรอยข่วนมากมายไว้บนคอ หากแต่ใบหน้าของเธอยังคงอยู่ดี
แอนนาจิกผมของเบียงก้าไว้ไม่ยอมปล่อย “ผู้หญิงอย่างเธอนะต้องถูกประจาน! นี่เธอต้องการเงินมากอย่างนั้นเหรอ? หิวเงินจนยอมทิ้งศักดิ์ไปแล้วเหรอ? ถ้าเธออยากจะมีเสี่ยเลี้ยง ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาดึงลูกชายฉันลงนรกไปกับเธอด้วย! อย่างเธอจะชดใช้ช่วงเวลาห้าปีที่ลูกชายฉันสูญเสียไปกับเธอได้ยังไง?!”
เบียงก้าไม่อาจทนได้อีก เธอสะดุ้งเพราะความเจ็บปวด เบียงก้าดึงผมของตัวเองออกจากเงื้อมือของแอนนา แล้วผลักเธอออกไปอย่างแรง “พอได้แล้ว!”
แอนนาถูกออกไปไกลกว่าหนึ่งเมตร ใบหน้าและลำคอของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ ทั้งยังชี้นิ้วมายังเบียงก้า “เธอทั้งหยาบคายและน่ารังเกียจที่สุด! กล้าดีอย่างไรถึงทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่ผิด!” ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูพวกเธอ
หญิงสูงวัยคนหนึ่งเข้ามาห้ามโดยรั้งเธอไว้จากข้างหลัง “อย่าโกรธไปเลยค่ะคุณ คุณไม่ควรจะฟังความข้างเดียวแล้วตัดสินลูกสะใภ้ของคุณว่าเธอนอกใจนี่ จริงไหม?”
แอนนารู้จักผู้หญิงที่กำลังห้ามเธอ
เธอเป็นหนึ่งในพวกผู้หญิงที่อยู่กับเดซี่ในวันนั้น พวกเธอยังนินทาเรื่องผิดศีลธรรมของเบียงก้าอยู่เลย
“ฉันจะเป็นคนตัดสินเองว่าผิดหรือไม่ผิด” แอนนาจ้องมองผู้หญิงคนนั้น “นี่มันเรื่องในครอบครัว อย่ามายุ่ง”
หญิงสูงวัยคนนั้นเมื่อเห็นว่าแอนนาทำอะไรอย่างโดยไร้เหตุผล สายตาของเธอมองไปยังแอนนาอย่างพิลึก
ตอนนั้นเอง เบียงก้ากลับมาที่ตึกของเธอ และปรารถนาว่าครอบครัวของฌองจะไม่เข้ามายุ่งย่ามกับเธออีก
เมื่อถึงบ้าน สิ่งแรกที่เบียงก้าทำคือการมองหาที่อยู่ใหม่จากอินเตอร์เน็ต
โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
เป็นนีน่าที่โทรมา
เบียงก้ารับสาย
น้ำเสียงของนีน่าดูหงุดหงิดเต็มกลืน “บี เธอสบายดีไหม? แม่ฉันไปหาเธอใช่รึเปล่า? เธอได้เจอแม่แล้วใช่ไหม?”
“ใช่ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” เบียงก้ารู้ดีว่านีน่าเป็นห่วงเธอ แต่เธอไม่ต้องการให้นี่น่าเป็นห่วง
“ฉันโกรธทั้งแม่ทั้งพี่ชายฉันมากเลยตอนนี้!” นีน่าเสียงสะอื้น “รอก่อนนะเดี๋ยวฉันไปหา”
เบียงก้าไม่ทันได้ปฏิเสธ นีน่าก็วางสายไปเสียก่อน
แทนที่จะโทรหานีน่าอีกครั้ง เบียงก้าส่งข้อความผ่านวีแชตไปหาเธอแทน “อย่าโกรธไปเลย ทุกอย่างจะผ่านไปเอง”
“เธอใจดีจริง ๆ เลยบี ครอบครัวของฉันผิดเต็ม ๆ” นีน่าตอบกลับอย่างรวดเร็วทั้งยังตามมาด้วยอีโมติคอนร้องไห้
เบียงก้าก้มหน้าลง นอกจากใจดีแล้วทำอะไรได้อีกล่ะ?
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุด นีน่าก็เดินทางมาถึงบ้านของเบียงก้า
เมื่อเธอกดกริ่ง เบียงก้าก็เปิดประตูให้เธอ
นีน่าเดินเข้ามาแล้วเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ ทันใดนั้นเองเธอก็ได้เห็นใบหน้าห้องเบียงก้า เธอก้าวเข้ามาใกล้และจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเธอเบิกโพรง “นี่แม่ฉัน...ทำร้ายเธอเหรอ?”
เบียงก้าพยักหน้า
“แม่บ้าไปแล้ว!” นีน่าหน้ามุ่ยอย่างหมดคำจะพูด ยิ่งฟังยิ่งสับสน นีน่ากล่าวต่อ “ฉันเริ่มจะคิดว่าทั้งแม่และก็ทั้งพี่เสียสติไปแล้ว เราหลงเชื่อพวกปากหอยปากปูแถวนี้มากกว่าคนในครอบครัว ฉันหมายถึงเพราะเขาไม่เชื่อฉันด้วยซ้ำ”
พวกเขาทั้งคู่เดินไปไหนห้องนอนของเบียงก้า
นีนาเห็นเว็บไซต์ที่เปิดค้างไว้ขึ้นบนคอมพิวเตอร์ของเบียงก้า มันเป็นเว็บไซต์สำหรับการหาบ้านเช่า
“เธอกำลังจะย้ายออกเหรอ?”
“ใช่ นี่เป็นทางเดียวแล้วที่ฉันจะสามารถหาที่สงบ ๆ ได้” เบียงก้ากล่าวอย่างเสียไม่ได้
นีน่าเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อให้หาอะไรดื่ม เมื่อเธอกลับมายังห้องนอนเธอมองไปที่สัญญาเช่าซื้อแล้วกล่าว “ทำไมเธอไม่เช่าบ้านที่มีสองห้องละ? ฉันย้ายมาอยู่กับเธอได้นะ ต่างคนต่างดูแลกันเป็นไง”
เบียงกล้ามองมายังนีน่า เธอไม่ต้องการให้นีน่าย้ายออกจากครอบครัวมาอยู่กับเธอ
เพราะนั่นอาจจะทำให้นีน่ายิ่งแปลกแยกออกมาจากครอบครัวเเละพี่ชายของเธอ
นีน่าอ่านออกว่าเบียงก้ากำลังกังวลอะไร “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้ย้ายออกมาเพราะเธอ จริง ๆ ฉันอยากจะออกมาตั้งแต่ตอนอยู่ปีสองแล้ว เพราะพ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกวัน…”
ในชีวิตนี้ เบียงก้าไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ของเธออยู่ด้วยกันมาก่อน
การมีทั้งพ่อและแม่อยู่ด้วยมันเป็นอย่างไรกัน? มันทั้งอบอุ่นและแสนวิเศษไหม? หรือจะเต็มไปด้วยการทะเลาะวิวาท? ไม่ว่าจะทางไหน เธอก็ไม่เคยได้สัมผัส มันเป็นภาพหายากที่เธอไม่เคยได้เห็นมาตลอดชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก