พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 45

ก่อนจะไปรับประทานอาหารกลางวัน เบียงก้าและซูได้แวะกลับไปที่แผนกออกแบบก่อน

เบียงก้าเดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอแล้ววางแล็บท็อปที่นำขึ้นไปประชุมลง หลังจากนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

มันเป็นหมายเลขที่เธอไม่รู้จัก

มันขึ้นต้นด้วยเลข138 และลงท้ายด้วย 6688 ใจความของข้อความนี่คือ “คุณบีครับ ผมใกล้จะได้ปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว อีกสิบวันต่อจากนี้คุณว่างรึเปล่าครับ?”

เบียงก้าเดาว่านี่คงเป็นข้อความจากบลองช์

เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว “งานของฉันยุ่งมากจริง ๆ จ่ะ และฉันก็เพิ่งได้เข้าร่วมในโครงการสำคัญด้วย ฉันจำเป็นต้องหาเงินสำหรับค่ากินค่าอยู่ เพราะอย่างนั้นฉันจึงพาหนูไปเที่ยวเล่นไม่ได้ ขอโทษนะจ๊ะ”

เบียงก้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับลูกชายของลุค ครอว์ฟอร์ด

เธอเกลียดการที่ลุคเข้าใจเธอผิด เธอไม่ได้เข้าหาลูกชายของเขาเพราะต้องการจะยั่วยวนอะไรเขาสักหน่อย

สังคมสมัยนี้ ผู้ชายที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างลุค ครอว์ฟอร์ดคงจะเคยชินกับการที่ต้องคอยป้องกันตัวเองจากผู้หญิงที่เข้าหาเขาเพื่อหวังผลประโยชน์

แล้วถ้าหากว่าผู้หญิงคนไหนโชคดีมากพอ ก็อาจจะมีโอกาสได้สร้างความสัมพันธ์กับเขา แต่ถึงอย่างนั้นข้อจำกัดของความสัมพันธ์นั้นคงมีแต่เรื่องเงินและร่างกายเท่านั้น

สรุปแล้ว ความรู้สึกทางหัวใจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย

เบียงก้าถูกรายล้อมไปด้วยเรื่องซุบซิบนินทาของพวกคนรวยมาโดยตลอด เธอจึงรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เกมที่ผู้หญิงอย่างเธอควรจะลงไปเล่น

ลุค ครอว์ฟอร์ด เป็นบุคคลต้องห้าม เป็นข้อห้ามที่ฝังลึกลงไปในใจของเธอ

ไม่ว่าจะเขาเร้าอารมณ์แค่ไหน แต่เขาก็เป็นเพียงฝิ่นสำหรับเธอเท่านั้น เขาเป็นยาเสพติดที่เธอต้องอยู่ให้ห่าง

หลังจากผ่านมาระยะหนึ่ง บลองช์จึงตอบกลับมา “อ๋อ ได้ครับ……” จุดหกจุดที่ปิดท้ายนั้นแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกเสียใจแหละผิดหวังขนาดไหน

เธอไม่มีทางเลือก เพราะเธอต้องระวังพ่อของเด็กน้อยเอาไว้

เธอได้แต่คิดว่า ถ้าลานี่และเรนนี่เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ เธออาจจะรับเลี้ยงพวกเขา เพราะเธอเองก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กกำพร้าเหมือนกัน เธอจะพาพวกเขามาอยู่ด้วยแล้วเลี้ยงดูพวกเขาเอง ในขณะที่เธอยังสามารถหาเงินได้ขณะกำลังทำตามฝันด้วยการเป็นนักออกแบบไปพร้อม ๆ กัน

โชคไม่ดีนัก พวกเขาไม่ใช่เด็กกำพร้า แถมยังเป็นลูกของชายที่แสนโดดเด่นคนหนึ่งอีกด้วย

เบียงก้าได้แต่ห้ามใจตัวเองไม่ให้ตอบกลับไป

เธอวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินออกจากแผนกออกแบบไป

ฌองยืนขึ้นตาม เขาสังเกตเห็นว่าเบียงก้าดูสับสน แต่เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร หรือใครที่เธอกำลังคิดถึง ถึงจะไม่รู้อะไรเลยแต่เขาก็ยังรู้สึกโมโห

เบียงก้าเกือบที่จะเดินไปถึงห้องน้ำแล้วในตอนที่มีมืออันใหญ่โตมาจับเธอไว้จากด้านหลัง

“นี่คุณกำลังจะทำอะไร? นี่มันที่ทำงานนะ ปล่อย…” เบียงก้าใครพยายามที่จะดึงมือเธอกลับทั้งยังมองฌองด้วยสายตาแห่งความเกลียดชัง

“มากับพี่!”

เขาลากเบียงก้าไปที่ห้องครัว

“ปล่อยฉัน!” เบียงก้าขัดขืน “ถ้าคุณไม่ปล่อย ฉันจะตะโกนให้คนช่วย!”

ฌองบังคับให้เธอจนมุม ก่อนจะกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงถากถาง “ตะโกนอย่างนั้นเหรอ? แน่ใจหรือว่ายังทำได้? พี่คิดว่าเธอไม่มีเสียงหลงเหลืออยู่แล้วนับตั้งแต่พี่ผู้ชายคนนั้นพรากสติสตางค์ของเธอไป”

เบียงก้าย่อตัวหลบ “ฌอง แลงดอน อย่าทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้”

“พี่น่ะหรือไร้เหตุผล?” ฌองพูดอย่างลำพอง เราเพิ่งได้ยินเรื่องตลกร้าย “คู่หมั้นของพี่นอกใจพี่ แต่พี่ไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องนี้อย่างงั้นหรอ? นี่เธอเป็นไบโพลาร์หรือว่าอย่างไร? เธอสวมแหวนหมั้นของพี่อยู่ในมือ แล้วไปนอนกับผู้ชายคนอื่น! เธอไม่มียางอายเลยเหรอ เบียงก้า เรย์น? ทำไมตอนที่เราเรียนด้วยกัน พี่ถึงไม่เคยรู้เลยว่าเธอหลายใจขนาดนี้?”

เบียงก้าโกรธจนหัวเราะออกมา เธอมองไปที่เขาและพูดอย่างใจเย็น “อ๋อ ในเมื่อตอนนี้คุณรู้แล้ว มันยังไม่สายเกินไปนะคะ”

ฌองไม่คิดว่าเบียงกล้าจะยอมรับอย่างง่ายดายแบบนี้ คำพูดของเธอจะทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้น

แต่หลังจากที่เขาถูกขังอยู่ถึงเก้าสิบหกชั่วโมง เขาจึงไม่กล้าที่จะใช้ความรุนแรงกับเธอเท่าไรนัก เส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปนขึ้น เขาพยายามข่มอารมณ์แล้วผรุสวาทใส่เธอ “พี่มันตาบอดเองแหละ! ทำไมพี่ต้องตกหลุมรักผู้หญิงแบบเธอด้วย? ขอบคุณพระเจ้าที่พี่ไม่ต้องแต่งงานกับเธอ ไม่อย่างนั้นตอนที่พี่แก่หรือต้องนอนติดเตียง เธออาจจะพาผู้ชายคนอื่นเข้ามาในบ้านของเรา”

“คุณรู้ตัวไหมว่าตัวเองน่าขยะแขยงขนาดไหน?” เบียงก้าสั่นสะท้าน เธอไม่อยากจะได้ยินอะไรอีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงหมุนตัวกลับมาเดินจากไป

ใครบางคนเปิดประตูโรงอาหารออก

ซูเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เมื่อสังเกตเห็นรังสีอำมหิตของฌอง เธอจึงเอ่ยเรียกเบียงก้าในทันที “ไปกันเถอะ เบียงก้า”

เนื่องจากพวกเขาไม่ได้อยู่ลำพังอีกแล้ว ฌองจึงไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาทำได้แค่เพียงมองแผ่นหลังของเบียงก้า ในขณะที่เธอจากไป มือของเขากำแน่น ไม่มีใครทนได้หรอกที่ถูกนอกใจเช่นนี้

จริงอยู่ที่เบียงก้าไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่เขาเลือก

วันที่เขาเลือกเธอ เขาตัดสินใจแล้วว่าเธอมีสิทธิ์จะรักได้เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

ช่วงเวลาหลายปีที่พวกเขารู้จักกันมา เบียงก้าไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ดีอย่างที่เขาคิดก็ตาม

มาลี เรย์น บอกเขาว่าเบียงก้าเคยไปหลับนอนกับคนอื่นในตอนที่พวกเขาอยู่ต่างประเทศด้วยกัน แถมยังบอกว่าเบียงก้ามีคู่นอนอยู่หลายคนอีกด้วย!

หลังจากที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเมื่อหลายวันก่อน เขาเคยรู้สึกเสียใจและกังวลว่าตัวเองจะเข้าใจเธอผิด แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงครวญครางของเธอด้วยหูของตัวเองในคืนนั้นแล้ว เขาก็มั่นใจว่าเธอก็แค่ผู้หญิงสกปรกคนหนึ่งเท่านั้น!

ไม่มีทางที่เขาจะอยากแตะต้องผู้หญิงหากินแบบเธอ

แต่ยังไงเขาก็ยังโกรธและคับแค้นใจที่เธอจับเขาจนอยู่หมัดมาตลอดห้าปี

ไม่มีใครที่จะมาลบล้างความแค้นของเขาได้

เบียงก้าลงมาชั้นล่างด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด

ซูเหลือบตาไปมองที่ประตูของสำนักงานแล้วเอ่ยถามเธอ “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เบียงก้าพยักหน้ารับ

“ฉันเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ แล้วบังเอิญอยู่ใกล้เกินไปก็เลยได้ยินทุกอย่าง… แต่ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาพูด แฟนเก่าเธอน่ะบ้าสิ้นดี”

เบียงก้าไม่อยากให้ใครคิดว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงหากิน เธออยากจะอธิบายแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ตรงไหน

ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจบอกแก่ซูอย่างที่เธอคิด “ฌองไม่ได้เข้าใจผิดทั้งหมด เขาเข้าไปเจอผู้ชายคนหนึ่งในบ้านของฉัน แต่นั่นมันหลังจากที่เราทะเลาะกันยกใหญ่และคนเลิกกันอย่างเป็นทางการแล้ว” ซูมองมาที่เธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เบียงก้าบังคับตัวเองให้พูดต่อ “ฉันคิดว่าผู้ชายคนน่าจะชอบฉันอยู่นิดหน่อยด้วย แต่ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้รักฉันจริงหรอก ไม่รู้ว่าเป็นความเอาแต่ใจของเขาหรืออะไรกันแน่ แต่ฉันไม่สามารถปฏิเสธความเผด็จการของเขาได้”

ซูไม่แปลกใจที่เบียงก้ามีคนรัก

แต่เธอกลับแปลกใจกับประเภทของผู้ชายที่ไล่ตามเธอ

ผู้ชายแบบไหนกันที่ทำให้เธอใช้คำว่า “เอาแต่ใจ” และ “เผด็จการ”?

สองสาวเดินไปที่ประตู ซูเอ่ยถามด้วยความกังวล “ฌองอยู่แผนกเดียวกับเธอ จากนี้เธอจะทำยังไงกับเรื่องของเขา? เธออาจจะเลี่ยงเขาได้ แต่เขาคงไม่ทำแบบนั้น”

เบียงก้าตัดสินใจแล้ว “พอได้เงินเดือนแล้วฉันคิดว่าฉันจะลาออก”

ซูหยุดนิ่งในทันทีเธอมองไปที่เบียงก้า “อย่าพูดแบบนั้น เธอจะล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้นะ! ฉันให้โอกาสเธอ ดังนั้นอย่าทำให้ฉันผิดหวังด้วยการลาออกสิ”

เบียงก้ารู้สึกผิดเมื่อได้ยินในสิ่งที่ซูพูด

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยากสำหรับเธอที่จะจัดการกับปัญหาความสัมพันธ์นี้ เว้นเสียแต่ลาออกไปเอง

รถยนต์หรูสองคันจอดรออยู่ที่หน้าประตูบริษัทที คอร์ปอเรชั่น ทันทีที่เจสันเห็นเบียงก้ากับซูเดินออกมา เขาเริ่มพูด “คุณเรย์นขึ้นรถได้เลย”

เขาพาซูไปขึ้นรถอีกคัน ทั้งยังกำชับว่าเธอมีหน้าที่ต้องพูดคุยกับคู่ค้าของพวกเขา แต่อย่างไรเสีย ซูก็มองออกว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร

เจสันยืนอยู่ด้านนอกเขาเปิดประตูให้เบียงก้าด้วยความเคารพ

เบียงก้ามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเบาะหลังของรถเบนท์ลีย์ เธอรู้สึกหวาดกลัว แต่กลับไม่มีทางเลือก จึงได้แต่เข้าไปในรถ

ลุคที่กำลังพักสายตาอยู่นั้นลืมตาขึ้นมาทันทีที่รู้สึกได้ถึงร่างบอบบางอยู่เข้ามาใกล้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก