พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 46

รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ

เจสันได้ตระเตรียมสิ่งจำเป็นทุกอย่างที่โรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว

เบียงก้านั่งตัวเธออยู่ในรถ เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปด้านหน้า เพราะเกรงว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาอยู่ในสายตาของเธอ ดังนั้นเธอจึงเอาแต่มองข้างทางตลอดเวลา

ลุคขี้เกียจจะอ่านหนังสือพิมพ์แล้ว นิ้วเรียวยาวได้รูปของเขาจับที่มุมของกระดาษ ไอความเย็นแผ่ออกมาจากตัวเขาราวกับตัวเขาถูกแช่แข็ง ทั้งที่ยังไม่พูดอะไรออกมา

ในตอนนั้นเอง เบียงก้ารู้สึกกระหาย

ทุกครั้งที่เธอวิตกกังวล เธอมักจะอยากดื่มน้ำเสมอ

เมื่อพวกเขามาถึงโรงแรม ซูไม่ได้รอให้เบียงก้าเดินมากับเธอ ในทางกลับกัน เธอได้แต่ทักทายคู่ค้าทั้งสามคนอย่างกระตือรือร้นและเดินเข้าไปในโรงแรมแทน

ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นทหารท่ามกลางสนามรบ แน่นอนว่าเธอสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

ชายเอาแต่ใจที่เบียงก้าพูดถึง ผู้ที่ไล่ตามเธอยังเอาแต่ใจบางทีอาจจะเป็นประธานของบริษัทที คอร์ปอเรชั่น หรือก็คือชายผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของบริษัท

เธอยังมั่นใจว่าผู้ช่วยพิเศษของท่านประธาน เจสัน ดอยล์ เองก็รู้เรื่องนี้ดี เขาเดินอยู่หน้าเธอด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างที่สุด

หลักฐานที่ว่าเจสันได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้วถึงได้ให้เบียงก้าขึ้นไปบนรถของท่านประธาน

ตอนนั้นเอง ซู คาร์เตอร์ดีใจมาก เธอดีใจเสียยิ่งกว่าเรื่องที่เธอได้เข้าร่วมโครงการสำคัญนี้เป็นร้อยเท่า ซูเป็นคนจริงจังและเธอรู้ดีว่าผู้หญิงนั้นต้องอดทนมากกว่าผู้ชายเล็กน้อยเมื่อต้องการทำผลงานให้กับบริษัท

เบียงก้า เรย์นคือเครื่องลางนำโชคของเธอ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ท่านประธานฝันหา!

ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นความปรารถนาที่แท้จริงหรือเป็นการหลงผิดเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะอย่างไร ความจริงก็คือเบียงก้าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ท่านประธานกำลังสนใจในตอนนี้

นอกจากนั้น ผู้ชายก็มีจุดอ่อนเหมือนกันหมด พวกเขามักมีความคิดที่ว่าสิ่งที่ล้ำค่านั้นยากที่จะไขว้คว้ามาครอบครองได้ และเมื่อยิ่งยากจะครอบครอง พวกเขาก็จะยิ่งหมกมุ่นขึ้นอีก ซูคิดว่าเธอมีบางอย่างต้องทำแล้วในตอนนี้

เธอจะปล่อยให้เบียงก้าเล่นตัวอีกสักหน่อย งานของเธอในตอนนี้คือการรับบทเป็นแม่สื่อ แล้วผูกพวกเขาไว้ด้วยกัน

งานของเธออยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา และเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเธอต้องการ “พันธมิตร” ที่ซึ่งสามารถเจรจากับเจ้านายของเธอได้อย่างดี และผู้เข้าแข่งขันที่ดีที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเบียงก้า

เพียงครู่เดียว พวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงแรม

เบียงก้านั้นไร้ตัวตนในบริษัทหนี้ ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงแค่เดินตามลุคห่างออกไปสองเมตร ตอนที่พวกเขาเดินลงจากรถและเดินทางผ่านแผนกต้อนรับของโรงแรม จนมาถึงลิฟต์เบียงก้าเอาแต่ก้มหน้าแล้วเดินมาอย่างเงียบเชียบ

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอได้เพียงแค่เดินเข้าไปในนั้น

เธอเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไป ดังนั้นเธอจึงต้องยืนอยู่ที่ด้านหน้าสุดของลิฟต์ ถ้าเธออยากที่จะไปยืนอยู่ด้านหลัง เธอจะต้องเบียดผู้ชายคนนั้นผ่านไป และเพราะต้องการหลบเลี่ยงการแตะเนื้อต้องตัวกับเขา เธอจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม

ประตูลิฟต์ปิดลง

เมื่อพวกเขามาถึงชั้นของภัตตาคาร เบียงก้าเดินเข้าไปด้านใน แล้วนั่งลงข้าง ๆ คนอื่น

อาหารนำมาเสิร์ฟก่อน และตามด้วยไวน์

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเบียงก้าก็ดังขึ้น

“ขออภัยค่ะ ดิฉันขอรับโทรศัพท์ด้านนอกนะคะ” เบียงก้าลุกขึ้นและเอ่ยปากขออภัยทุกคน

ทุกคนที่นั่งอยู่มองมายังเธอ

แต่ลุคไม่ได้ทำแบบนั้น เขาได้แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รีบเข้าสิ”

เบียงก้าออกไปข้างนอกในทันที

เมื่อออกมาจากห้องเบียงก้าหยุดอยู่ตรงทางเดินแล้วรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ”

เนลลี่ โลว์ เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งจากแผนกออกแบบเป็นคนโทรมา เธอเป็นคนเปิดเผยและค่อนข้างเป็นมิตรกับเบียงก้า

เนลลี่กระซิบบอก “ ฉันออกมากินกลางวัน แล้วเห็นว่าแฟนของเธอ ฌองน่ะ เขา...เขาลากผู้หญิงคนหนึ่งไปที่บันไดหนีไฟอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยแหละ เธอรู้ไหมว่าฉันคิดยังไง?”

“...” เบียงก้าไม่ตอบ

“เขานอกใจเธอ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!” เนลลี่พูด

“เขาจะนอกใจฉันได้อย่างไร…?” นี่ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ ไม่มีทางที่เขาจะติดพันกับผู้หญิงคนอื่นในบริษัทได้เร็วขนาดนี้

หรือถ้าเขามีคนรักใหม่ เขาก็ไม่น่าจะมาก่อกวนเบียงก้าที่เป็นแฟนเก่าแล้วสิ

และที่สำคัญที่สุด เธอเพิ่งจะหมั้นกับฌองไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนเอง

ถ้าเขามีใครใหม่ แล้วเขาจะขอเธอแต่งงานทำไม?

“ฉันจะเปิดลำโพงไว้นะ เธอแค่ฟังโดยไม่ต้องพูดอะไร ฉันได้ยินเพราะฉันกำลังแอบฟังอยู่…” แนนซี่กระซิบก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปยังมุมของประตูบันไดหนีไฟ เธอเปิดลำโพงของโทรศัพท์ แล้ววางมันไว้ในกระถางต้นไม้ใกล้ ๆ แล้ววิ่งหนีออกมาเพราะกลัวว่าพวกเขาจะจับได้

“นี่คุณจะทิ้งฉันอย่างนั้นเหรอ? นี่ไม่เหมือนกับที่คุณพูดตอนที่มีอะไรกับฉันเลยสักนิด”

เบียงก้าชะงักไปทันทีที่ได้ยิน

“คุณเป็นฝ่ายยั่วยวนผมก่อนไม่ใช่รึไง? แล้วตอนนี้จะมาโยนความผิดให้ผมงั้นเหรอ?”เสียงของฌองดูโกรธจัด

“ใช่ ฉันเป็นฝ่ายยั่วยวนคุณก่อน แต่คุณก็ติดกับฉันตั้งแต่แรกเลยนี่นา คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันไม่ใช่รึไง? มีแค่คนที่ควบคุมตัวเองได้เท่านั้นแหละที่จะมาว่าฉันได้”

“หุบปากได้แล้ว ฉันไม่ได้ว่างมากพอจะฟังเธอพล่าม แค่ทำตามที่ฉันบอกเอาเด็กนั่นออกซะ ฉันไม่ต้องการให้มันเกิดมา!”

“นี่คุณคิดว่าฉันจะยอมทำแท้งเพราะแค่คุณบอกอย่างนั้นสิ? เป็นคุณเองแท้ ๆที่ทำให้ฉันท้องด้วยการยัดไอ้นั่นเข้ามาในตัวฉัน ฉันก็เลยปล่อยให้คุณทำอะไรดิบเถื่อนแบบนั้น! หลังจากวันนั้น ฉันก็ไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉินอะไรแล้วก็ปล่อยให้คุณทำอย่างที่ต้องการ ตอนนี้ฉันท้องแล้วจริง ๆ แต่คุณดันมาบอกว่าไม่อยากแต่งงานกับฉันอย่างนั้นเหรอ? คุณทำแบบนี้กับฉันเพื่อใครกันล่ะ เพื่อนางเบียงก้าหน้าโง่นั่นน่ะเหรอ?”

เบียงก้ายังยืนอยู่ตรงทางเดินของโรงแรม เธอหลับตาลงอย่างช้า ๆ

มาลีตั้งท้อง และฌองเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าเด็กในท้องนั่นไม่ใช่ลูกของเขา เขาแค่ต้องการกำจัดเด็กในท้อง นั่นเป็นหลักฐานว่าพวกเขาเคยนอนด้วยกัน บางทีอาจจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว...

มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ยี่สิบ ถึงสามสิบวัน ก่อนที่ผลตรวจการตั้งครรถ์จะเป็นบวก

เบียงก้าเริ่มที่จะคิดว่าเธอโง่อย่างที่พวกเขาว่า เป็นคนโง่ยิ่งกว่าโง่เสียอีก มาลีคงจะหลับนอนกับฌองมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยรู้อะไรเลย

คนรักของเธอไปนอนกับผู้หญิงก่อนที่จะมาหาเธอ เขาแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาในตอนที่คุกเข่าขอเธอแต่งงาน ในขณะที่เธอตอบตกลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำตา

เบียงก้าเม้มปากด้วยความไม่พอใจ

เบียงก้าเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครั้งที่ฌองต้องเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ในตอนที่เพิ่งได้เริ่มทำงานที่บริษัทนี้ เธอเคยส่งข้อความผ่านทางวีแชทไปหาเขา หลังจากที่พวกเขาคุยแชทกันจนลงแล้ว ฌองก็ยังส่งข้อความอะไรแปลก ๆ มาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่านั่นอาจจะเป็นฝีมือของมาลีตอนที่เธออยู่บนเตียงกับฌอง

ในคืนที่เขาอยู่ที่โรงแรม และคุยกับเธอทางโทรศัพท์ มีใครบางคนมาเคาะประตูแล้วหลังจากนั้นเขาก็ปิดโทรศัพท์แล้วหายไปทั้งวัน ตอนนั้นเขาก็อาจจะอยู่กับมาลีด้วยเหมือนกัน...

เบียงก้าไม่อยู่ฟังพวกเขาต่อ

เธอวางสายแล้วส่งข้อความไปขอบคุณเนลลี่ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง

ที่นั่งของเบียงก้าอยู่ถัดไปทางขวาของลุค และเธอไม่สามารถขอเปลี่ยนที่กับใครได้ ไม่ว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหน

ซูนั่งอยู่ข้างเบียงก้า เธอพยักหน้าเป็นสัญญาณให้บริกรชายรินไวน์แดงลงในแก้วของเบียงก้า

บริกรชายเดินมาที่เบียงก้า

เบียงก้ารับไวน์ไว้ และได้ยินที่ซูประกาศก้อง “เบียงก้า เธอจะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกนานขนาดนี้ได้ยังไง? มา ๆ มาดื่มเพื่อขอโทษท่านผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายเลยนะ”

แค่ไวน์แดงแก้วเดียวคงไม่เป็นไร เธอคงไม่ตายเพียงเพราะดื่มของแค่นี้หรอก

เบียงก้าเดินไปหาพวกเขา และดื่มเพื่อเป็นการไถ่โทษก่อนที่เบียงก้าจะดื่มจนหมดแก้ว หลังจากนั้นบริกรคนอื่นจะเดินเข้ามาหาและรินไวน์ลงในแก้วของพวกเขาทุกคนเพิ่ม

เบียงก้ามองลงไปที่ของเหลวสีแดงก่ำในแก้วของเธอด้วยความรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เธอดื่มไวน์ในแก้วนั้นเร็วเกินไป

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์มากแค่ไหนในไวน์นี้

บริกรจากไปหลังจากที่รินไวน์ใส่แก้วให้พวกเขาแล้ว

เบียงก้าถือแก้วไวน์ไว้ในมือเธอกำลังการนั่งลงที่เก้าอี้ของเธอทันใดนั้นเธอก็สะดุดเข้ากับบางสิ่ง ร่างกายของเธอเอนเอียงและส่งไปทางซ้าย ไวน์ของเธอหกไปยัง...

ซูดึงส้นเท้าของตัวเองกลับอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เธอตรงใจขัดเบียงก้าให้ล้มลง เธอยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ทำไมเธอยังยืนนิ่งอยู่ละ เบียงก้า? รีบช่วยคุณครอว์ฟอร์ดเช็ดไวน์ที่หกสิ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก