รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ
เจสันได้ตระเตรียมสิ่งจำเป็นทุกอย่างที่โรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว
เบียงก้านั่งตัวเธออยู่ในรถ เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปด้านหน้า เพราะเกรงว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาอยู่ในสายตาของเธอ ดังนั้นเธอจึงเอาแต่มองข้างทางตลอดเวลา
ลุคขี้เกียจจะอ่านหนังสือพิมพ์แล้ว นิ้วเรียวยาวได้รูปของเขาจับที่มุมของกระดาษ ไอความเย็นแผ่ออกมาจากตัวเขาราวกับตัวเขาถูกแช่แข็ง ทั้งที่ยังไม่พูดอะไรออกมา
ในตอนนั้นเอง เบียงก้ารู้สึกกระหาย
ทุกครั้งที่เธอวิตกกังวล เธอมักจะอยากดื่มน้ำเสมอ
…
เมื่อพวกเขามาถึงโรงแรม ซูไม่ได้รอให้เบียงก้าเดินมากับเธอ ในทางกลับกัน เธอได้แต่ทักทายคู่ค้าทั้งสามคนอย่างกระตือรือร้นและเดินเข้าไปในโรงแรมแทน
ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นทหารท่ามกลางสนามรบ แน่นอนว่าเธอสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายเอาแต่ใจที่เบียงก้าพูดถึง ผู้ที่ไล่ตามเธอยังเอาแต่ใจบางทีอาจจะเป็นประธานของบริษัทที คอร์ปอเรชั่น หรือก็คือชายผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของบริษัท
เธอยังมั่นใจว่าผู้ช่วยพิเศษของท่านประธาน เจสัน ดอยล์ เองก็รู้เรื่องนี้ดี เขาเดินอยู่หน้าเธอด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างที่สุด
หลักฐานที่ว่าเจสันได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้วถึงได้ให้เบียงก้าขึ้นไปบนรถของท่านประธาน
ตอนนั้นเอง ซู คาร์เตอร์ดีใจมาก เธอดีใจเสียยิ่งกว่าเรื่องที่เธอได้เข้าร่วมโครงการสำคัญนี้เป็นร้อยเท่า ซูเป็นคนจริงจังและเธอรู้ดีว่าผู้หญิงนั้นต้องอดทนมากกว่าผู้ชายเล็กน้อยเมื่อต้องการทำผลงานให้กับบริษัท
เบียงก้า เรย์นคือเครื่องลางนำโชคของเธอ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ท่านประธานฝันหา!
ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นความปรารถนาที่แท้จริงหรือเป็นการหลงผิดเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะอย่างไร ความจริงก็คือเบียงก้าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ท่านประธานกำลังสนใจในตอนนี้
นอกจากนั้น ผู้ชายก็มีจุดอ่อนเหมือนกันหมด พวกเขามักมีความคิดที่ว่าสิ่งที่ล้ำค่านั้นยากที่จะไขว้คว้ามาครอบครองได้ และเมื่อยิ่งยากจะครอบครอง พวกเขาก็จะยิ่งหมกมุ่นขึ้นอีก ซูคิดว่าเธอมีบางอย่างต้องทำแล้วในตอนนี้
เธอจะปล่อยให้เบียงก้าเล่นตัวอีกสักหน่อย งานของเธอในตอนนี้คือการรับบทเป็นแม่สื่อ แล้วผูกพวกเขาไว้ด้วยกัน
งานของเธออยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา และเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเธอต้องการ “พันธมิตร” ที่ซึ่งสามารถเจรจากับเจ้านายของเธอได้อย่างดี และผู้เข้าแข่งขันที่ดีที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเบียงก้า
เพียงครู่เดียว พวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงแรม
เบียงก้านั้นไร้ตัวตนในบริษัทหนี้ ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงแค่เดินตามลุคห่างออกไปสองเมตร ตอนที่พวกเขาเดินลงจากรถและเดินทางผ่านแผนกต้อนรับของโรงแรม จนมาถึงลิฟต์เบียงก้าเอาแต่ก้มหน้าแล้วเดินมาอย่างเงียบเชียบ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอได้เพียงแค่เดินเข้าไปในนั้น
เธอเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไป ดังนั้นเธอจึงต้องยืนอยู่ที่ด้านหน้าสุดของลิฟต์ ถ้าเธออยากที่จะไปยืนอยู่ด้านหลัง เธอจะต้องเบียดผู้ชายคนนั้นผ่านไป และเพราะต้องการหลบเลี่ยงการแตะเนื้อต้องตัวกับเขา เธอจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม
ประตูลิฟต์ปิดลง
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นของภัตตาคาร เบียงก้าเดินเข้าไปด้านใน แล้วนั่งลงข้าง ๆ คนอื่น
อาหารนำมาเสิร์ฟก่อน และตามด้วยไวน์
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเบียงก้าก็ดังขึ้น
“ขออภัยค่ะ ดิฉันขอรับโทรศัพท์ด้านนอกนะคะ” เบียงก้าลุกขึ้นและเอ่ยปากขออภัยทุกคน
ทุกคนที่นั่งอยู่มองมายังเธอ
แต่ลุคไม่ได้ทำแบบนั้น เขาได้แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รีบเข้าสิ”
เบียงก้าออกไปข้างนอกในทันที
เมื่อออกมาจากห้องเบียงก้าหยุดอยู่ตรงทางเดินแล้วรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ”
เนลลี่ โลว์ เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งจากแผนกออกแบบเป็นคนโทรมา เธอเป็นคนเปิดเผยและค่อนข้างเป็นมิตรกับเบียงก้า
เนลลี่กระซิบบอก “ ฉันออกมากินกลางวัน แล้วเห็นว่าแฟนของเธอ ฌองน่ะ เขา...เขาลากผู้หญิงคนหนึ่งไปที่บันไดหนีไฟอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยแหละ เธอรู้ไหมว่าฉันคิดยังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก