เบียงก้าไม่คิดว่าไวน์เพียงแก้วเดียวจะทำให้เธอเมาได้
เธอส่ายศีรษะก่อนจะเห็นใต้ผ้าปูโต๊ะที่คลุมทับโต๊ะกลมใหญ่ โต๊ะมันควรมีแปดขา และมีขาโต๊ะที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ตรงหน้าเธอ
บางทีเธออาจจะบังเอิญสะดุดขาโต๊ะพวกนี้ล้มก็ได้
เธอดันทำไวน์แดงหกใส่กางเกงของเจ้านาย แถมยังหกอยู่ตรงส่วนที่น่าอายที่สุดของผู้ชายด้วย กางเกงของเขาเปียกจนชุ่ม เบียงก้าได้แต่คิดว่าเธอสมควรตายสักหมื่นหน
ลุคคงจะคิดว่าเธอจงใจยั่วยวนเขา หลังจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่สามารถจะสู้หน้าใครได้อีก
“ยืนนิ่งอยู่ทำไมเล่า? ช่วยคุณครอว์ฟอร์ดเช็ดสิ!”
ซูยืนกระดาษชำระให้หนึ่งห่อ ทั้งยังเร่งเบียงก้าให้รีบกว่าเดิม
เบียงก้าไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองอะไร สิ่งแรกที่เธอทำคือดึงทิชชูออกมา แล้ววางมือบนเป้าของเจ้านาย...
กระดาษชำระเปียกชุ่มทันทีที่สัมผัสกับไวน์ มันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ไม่นานนัก เบียงก้าก็ตระหนักได้ว่านิ้วของเธอกำลังสัมผัสกับอะไรบางอย่าง ในตอนที่เธอเช็ดให้กางเกงเขาด้วยกระดาษชำระ มันย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่นิ้วของเธออาจจะปัดป่ายไปทั่วเรียวขาของเขา
เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวภายใต้กางเกงของเขา...
ที่ตรงนั้นค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
ใบหน้าของเบียงก้าร้อนขึ้นอย่างยากจะอธิบาย...
ในห้องนี้ประกอบไปด้วยหุ้นส่วนทางธุรกิจสามรายทั้งชายและหญิง นี่อาจเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดสำหรับเจ้านายของเธอ เบียงก้ากัดริมฝีปากพลางโทษตัวเอง แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้น เธอประหม่ายิ่งกว่าเก่า แถมนิ้วมือก็สั่นไปหมด
เธอใช้กระดาษชำระไปกว่าครึ่งห่อแล้ว แต่กางเกงของลุคก็ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่
ผู้ชายคนนี้คลั่งไคล้ความสะอาดเป็นพิเศษ เขาจะสามารถทนรับประทานอาหารทั้งที่ต้องใส่กางเกงที่เปียกไวน์อยู่เหรอ?
ในขณะที่เบียงก้าทั้งตื่นตระหนกและไม่สบอารมณ์ ชายผู้นี้ก็เข้ามาคว้าข้อมือเธอไว้อย่างรุนแรง
เธอเงยหน้ามองและพบเข้ากับสายตาที่เย็นชาหลุ่มลึกของเขา
ชายผู้นี้เป็นคนสูงแถมยังมีลักษณะที่นุ่มลึก ขณะที่เขามองดูใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คำสั่งของเขาเล็ดรอดผ่านไรฟันออกมา “มากับผม!”
ทุกคนในห้องล้วนดูประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
หุ้นส่วนทางธุรกิจทั้งสามคนตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าคุณเรย์นไม่ใช่เพียงพนักงานหญิงทั่วไปของคุณครอว์ฟอร์ด
เจสันและซูเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน พวกเขาไม่คิดว่าเจ้านายของตัวเองจะแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของเบียงก้า
เขาเปิดเผยอย่างชัดเจนราวกับจะประกาศให้ทุกคนในที่นี้รู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของตน ซู คาร์เตอร์ได้แต่แอบขอบคุณดาวนำโชคของเธอ และดีใจเหลือเกินที่เธอเข้ากันได้ดีกับเบียงก้า
…
ลุคกล้าไปตามทางเดินจนถึงลิฟต์ เขาผลักเธอเข้าไปด้านใน
เมื่อประตูลิฟปิดลง ลิฟต์ก็ค่อย ๆ ขึ้นไปอย่างช้า ๆ เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปชั้นไหน แต่เมื่อลิฟต์ยังคงเคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างไม่ยอมหยุด เธอจึงแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องขึ้นไปบนชั้นที่สูงมากแน่
ยิ่งลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกวิงเวียน
แค่ไวน์แก้วเดียวยังล้มเธอได้! ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอคงจะประเมินความสามารถของแอลกอฮอล์ต่ำไป
ประตูลิฟต์เปิดออก มือของชายคนนี้ก็กระชากเธออีกครั้ง พวกเขามาถึงที่ห้องพัก เขาล้วงเอาคีย์การ์ดขึ้นมา แล้วรูดเปิดประตู ก่อนจะดึงเธอเข้าไปในห้องด้วยมือเพียงข้างเดียว
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปถึงข้างใน ชายหนุ่มก็บังคับให้เธอลงไปกองที่ทางเดินของห้อง
ไฟเหนือศีรษะเป็นแสงสลัว ๆ สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดแก่พวกเขาทั้งสองคน รูปลักษณ์ของลุคนั้นดูงดงามราวกับภาพวาดสามมิติ
จุมพิตที่เร้าร้อนของเขาโปรยลงบนริมฝีปากของเธอ
เธอพยายามที่จะต่อสู้ดิ้นรนด้วยร่างกายอันเหลาะแหละของเธอ แต่ชายหนุ่มดึงเธอไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา
“อื้ม...อื้อ…” ริมฝีปากบางถูกเขาโจมตีอย่างดุเดือด ทั้งยังรุกล้ำเข้ามาอย่างช้า ๆ
กางเกงที่เขาสวมใส่ยังคงเต็มไปด้วยรสชาติหวานของไวน์แดง และชายตรงหน้ายังไม่ยอมปล่อยเธอไป เขาแค่ต้องการจะดูดกลืนความดื้อรั้นของเธอไปก็เท่านั้น
“อ๊า….ไม่! อ๊า…” ผมของเบียงก้ายุ่งเหยิงไปหมด มือที่ใหญ่โตของลุคเคลื่อนไปตามเสื้อผ้าของเธอทั้งยังสัมผัสทุกส่วนอย่างไม่ลังเล
ในที่สุด เขาก็สามารถปลดกระดุมทั้งสามเม็ดบนเสื้อของเธอได้ พวกเขาล้มตัวลงบนพรมโดยปราศจากเสียงใด ๆ
เธอใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าอกของเขา และเริ่มร้องไห้
ลุคหยุดจูบเธอในทันที มือใหญ่โตของเขาประคองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออยู่ เขาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “คุณจะร้องไห้ทำไม? หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่ได้ต้องการให้ผมแตะต้องตัวคุนอย่างนั้นเหรอ? หรือกลัวว่าร่างกายของคุณจะชอบสนองกับมือของผมอย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้าคุณโกรธเพราะฉันซุ่มซ่าม ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้ ฉันจะอยู่ให้ห่างคุณเลยค่ะ” เธอเข้าใจว่าพฤติกรรมอันป่าเถื่อนนี้ถือเป็นการลงโทษจากเขา
รสชาติของไวน์แดงที่ติดอยู่บนริมฝีปากของเขานั้นยังเข้มข้นและชวนหลงใหล ผู้หญิงที่ไหนจะไม่หลงเสน่ห์คนอย่างเขากันล่ะ?
อย่างไรก็ดี เธอรู้ว่าความหลงใหลได้ปลื้มนี้จะไม่อยู่ตลอดไป
เธอกลัวเหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาในทะเลทราย บางทีเมื่อตื่นมาในวันรุ่งขึ้น เธอพบว่าเขาหายไปแล้วก็ได้
เธอรู้จักฌอง แลงดอน มากกว่าสี่ปีก่อนจะโดนความจริงตบเข้าที่หน้าฉาดใหญ่ เขาดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ในทางกลับกัน ในสายตาของเธอนั้น เธอไม่เห็นความดีอะไรในตัวของผู้ชายที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จคนนี้เลย บางทีเขาเองก็อาจมีส่วนที่ดีซ่อนเอาไว้อยู่ภายในก็เป็นได้
ช่องว่างระหว่างเขาสองคนนั้นกว้างเกินไป นับตั้งแต่ที่พวกเขาลืมตาดูโลก
พวกอาบน้ำร้อนมาก่อนต่างก็ให้คำแนะนำกับคนรุ่นหลังมองหาคู่ชีวิตที่ฐานะเท่าเทียมกันทั้งนั้น หากเธอยอมคบกับเขา เธอก็คงเป็นได้แค่เพียงของเล่นชั่วคราวของเขาเท่านั้น
จะมั่นใจและภูมิใจแบบผิด ๆ มากขนาดไหนถึงจะกล้าฝันถึงการแต่งงานกับผู้ชายอย่างเขา?
หากเธอคิดจะหลงระเริงไปกับความฝันเหล่านั้น ความจริงก็จะปลุกเธอให้ตื่นขึ้นอยู่ดี
นั่นเป็นเหตุผลที่เบียงก้าไม่อยากจะฝัน โดยเฉพาะเมื่อเธอฝันหวาน เพราะกลัวว่าเธอต้องตื่นมาด้วยหัวใจอันว่างเปล่า และเหลือเพียงความปวดร้าวไว้ดูต่างหน้า และหากเธอฝันร้าย อย่างน้อยเมื่อตื่นขึ้นเธอก็จะปลอบตัวเองแล้วพูดกับตัวเองว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันไป
ฝ่ามือใหญ่โตของลุควางอยู่บนสะโพกของเธอ เขารู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย ก่อนจะยื่นใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองเข้าหาเธอ ริมฝีปากบางของเขาถูไปมาที่ใบหูของเธอ “ตอนที่คุณเช็ดไวน์แดงออกจากกางเกงให้ผม มันเป็นเพราะความซุ่มซ่ามจริง ๆหรือเพราะคุณอยากจะสัมผัสสิ่งนั้นกันแน่?”
แน่นอนว่าเบียงก้ารู้ว่า “สิ่งนั้น” คืออะไร
เบียงก้าคิดว่าเธอคงเมามากเป็นแน่ ชายร่างสูงตรงหน้าเธอดูคล้ายกับแสงเจิดจ้าที่พร้อมจะแผดเผาจิตใต้สำนึกที่มีเหตุผลของเธอให้มลายหายไป และทำให้เธอขาดสติ
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ประจำเดือนของฉันยังไม่หมด…” เบียงก้าหอบอย่างหนัก เธอก้มหน้าลงก่อนจะซบลงที่วงแขนของเขา
.
เบียงก้าใช้สติวูบสุดท้ายในการเตือนให้เขารู้ว่าเธอยังมีประจำเดือนอยู่
เบียงก้ากังวลว่าเธออาจจะเมามากไปกว่านี้ และถ้าเขาเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วทำสิ่งนั้นกับเธอที่นี่ตอนนี้ มันก็คงไม่ต่างกับสมรภูมิที่เต็มไปด้วยการนองเลือด...
เบียงก้าไม่อยากที่จะทำอะไรให้เสียสุขภาพของเธอเองอีก
“ฉันรู้สึกมึนไปหมดเลยค่ะ ขอโทษนะคะ แต่ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
ถ้ารู้มาก่อนว่าเธอคออ่อนขนาดนี้ เธอคงไม่ปล่อยให้ตัวเองดื่มไวน์แดงไปจนหมดแก้ว
วันนี้เธอเป็นคนทำตัวเองแท้ ๆ
ลุคก้มลงมอง ก่อนจะระงับไฟราคะที่ลุกโชนของเขาลง เขาถอนหายใจแล้วยกมือของตัวเองออกมาขยี้ผมของเบียงก้าอย่างแผ่วเบา “ตอนนี้ก็พักสักหน่อยเถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็อุ้มเธอขึ้นไว้ในอ้อมแขน แล้วปล่อยเธอลงบนเตียงภายในห้องพักนั้น
ลุคหันกลับแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เขาเปิดออกแล้วนำชุดที่ถูกรีดไว้อย่างดีออกมา
เบียงก้าที่ยังคงมึนงงอยู่เห็นกับตาว่าเขากำลังถอดเสื้อ กางเกง และชุดชั้นในออก...
ลุคยืนหันหลังให้เธอ สัดส่วนอันเย้ายวนของเขาทำให้เธอตาโต
ในที่สุด ชายตรงหน้าก็สวมเสื้อผ้าของเขาจนเสร็จ และกลับมาในแบบที่สมบูรณ์อย่างเดิม หลังจากนั้นเขายังเดินกลับมาหาเธออีกครั้ง ทั้งยังอุตส่าห์ถอดรองเท้าส้นสูงให้เธอด้วย เมื่อรองเท้าของเธอถูกถอดออก มือของเขาจับเข้าที่เท้าของเธอ...
เบียงก้าขยับหนีในทันที เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากขดนิ้วเท้าของตัวเองไว้ และพยายามที่จะดึงเท้าของตัวเองออกจากมือใหญ่ที่จับอยู่...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก