จากสัมผัสและการเสียดสีนั้น ฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวก็รู้สึกราวกับถูกความร้อนจากมืออันใหญ่โตของชายตรงหน้าแผดเผา...
เธอไม่รู้ว่าลุคปล่อยเท้าของเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งหมดที่เธอจำได้คือความเจ็บปวดบริเวณท้องน้อยที่ซัดมาเป็นระลอก จนเม็ดเหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของเธอ...
อาการมึนงงจากไวน์และตะคริว ทำให้เธอได้แต่ขดตัวอยู่บนเตียงใหญ่ที่แสนอบอุ่นและหนานุ่ม กว่าที่เธอจะรู้ตัว เธอก็ผล็อยหลับไปเสียแล้ว
ลุคมักจะมาพักที่ห้องพักส่วนตัวที่โรงแรมนี้เสมอ
มันเป็นโรงแรมในเครือของบริษัทที คอร์ปอเรชั่น
นับตั้งแต่วันที่เขากลับมายังครอว์ฟอร์ดอย่างเป็นทางการ และเริ่มงานที่บริษัทที คอร์ปอเรชั่น ห้องพักนี้ก็เป็นของเขา และมีเพียงแค่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามาที่นี่ได้
หลังจากที่เธอผล็อยหลับไป ลุคก็จัดการปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ และนำผ้ามาห่มให้เธอด้วยความระมัดระวัง
ช่วงเวลาล่วงเลยไปจนเบียงก้าตื่นขึ้น บรรยากาศภายนอกนั้นก็มืดไปเสียแล้ว
เธอมองไปรอบ ๆ ห้องพักที่ไม่คุ้นเคยของโรงแรมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอพยุงตัวเองขึ้น และแน่ใจว่าตัวเธอในตอนนี้มีสติดีแล้ว แม้จะยังคงมีอาการวิงเวียนศีรษะและปวดหัวอยู่บ้างก็ตาม
โทรศัพท์ของเธออยู่ข้างตัว ดังนั้นเธอจึงหยิบมันขึ้นมา
มีข้อความจากซู คาร์เตอร์
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บริษัทแล้วนะ หัวหน้าถามฉันด้วยล่ะว่าเธอไปอยู่ไหนแล้วทำไมเธอถึงไม่กลับมา ฉันก็เลยบอกเธอว่าคุณเจสัน ดอยล์ มอบหมายงานให้เธอในนาทีสุดท้าย เธอจึงกลับมาไม่ทันภายในวันนี้” ซูส่งข้อความมาเมื่อตอนสี่โมงครึ่งที่ผ่านมา
เบียงก้ากระพริบตา
ทั้งเบียงก้าและซูต่างก็เป็นพนักงานของบริษัทที คอร์ปอเรชั่น และซูเองก็คงได้เห็นวิธีการที่เจ้านายปฏิบัติกับเธอในห้องนั้น เบียงก้าเดาว่าซูคงพอจะเดาได้ว่าเธอหายไปไหน
นั่นเป็นเหตุผลที่ซูช่วยเธอโกหกอย่างนั้นเหรอ? เธอเลือกที่จะช่วยปกปิดความจริงแทนที่จะเอาไปถากถางก็ได้
เบียงก้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรต่อ เธอจึงได้แต่ตอบไปแบบง่าย ๆ “ขอบคุณนะคะ ซู”
“อย่าสุภาพกับฉันนักเลยน่ะ แค่ตอนที่เธอได้เป็นผู้หญิงของท่านประธานแล้วก็อย่าลืมฉันคนนี้ด้วยล่ะ... ฉันไว้วางใจเธอนะ น้องสาว…” ซูตอบกลับอย่างขำ ๆ
เบียงก้าชงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป “ฉันรู้ขีดจำกัดของตัวเอง และจะไม่ข้ามเส้นนั้นไป”
“ขีดกำจัดอะไรของเธอ? เธอโง่รึไง? ฉันไม่สนใจหรอก ยังไงซะ ฉันก็จะเอาใจช่วยเธอนะ” ซูตอบกลับอย่างอารมณ์เสียกับความไม่รู้อะไรของเบียงก้า
แววตาของเบียงก้าเต็มไปด้วยความงุ่นงงและเศร้าสร้อย ใครจะหวังพึ่งเธอหากวันหนึ่งลุคเบื่อและทิ้งเธอไว้กับความเจ็บปวด?
ขณะที่เบียงก้ากัดเล็บด้วยความสงสัยว่าจะเปิดประตูห้องนี้ออกอย่างไร ในขณะนั้นเอง เบียงก้าสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากด้านหลัง เธอหันกลับไปและตกตะลึงกับแววตาเฉียบคมของลุค
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน” ลุควางนิ้วชี้ลงไปบนเครื่องแสกนลายนิ้วมือ จากนั้นประตูก็เปิดออก
เขาทั้งคู่เดินตามกันออกมาจากห้อง
เบียงก้าเป็นคนเดินนำรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ในขณะที่มีเขาเดินตามหลัง
ดูเหมือนว่าลุคจะเป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่บนชั้นนี้ เพราะมันเงียบจนผิดปกติ แม้แต่พนักงานสักคนเธอก็ไม่เห็น ท้ายที่สุด พวกเขาก็ลงมาที่ชั้นล่าง
ในตอนที่พวกเขาเดินไป ทุกคนที่ผ่านทางจะค้อมคำนับและทักทายลุคอยู่ตลอด
เบียงก้าจึงเร่งฝีเท้าของตัวเอง เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเธอกับเขา ถึงอย่างนั้นเบียงก้าก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาสอดแนมของใคร ๆ ได้ ในตอนที่เธอจะเรียกแท๊กซี่สักคัน รถประจำตัวของลุคก็ขับมาหยุดที่ตรงหน้าเธอ
แท๊กซี่คันหนึ่งขับตรงมาหา ก่อนจะจอดที่ตรงหน้าเธอ
เบียงก้าเปิดประตู และเข้าไปในทันที
ในตอนนั้น ชายคนนั้นจับข้อมือและดึงเธอออกจากรถแท๊กซี่ เขาเปิดประตูของที่นั่งเบาะหลัง แล้วดันเธอเข้าไปข้างใน แล้วหันกลับไปขอโทษแท๊กซี่แทนเธอด้วยความสุภาพ ท้ายที่สุด กลายเป็นเขาที่ขับรถพาเธอกลับบ้านเสียเอง
พนักงานจำนวนนับไม่ถ้วนเห็นกับตาว่าลุคจัดการทุกอย่างอย่างราบรื่นเพียงใด
เบียงก้าอายจนแทบแทรกแผ่นดิน
เธอเป็นเพียงแค่พนักงานต่ำต้อยที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ท่านประธานกลับปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ ใคร ๆ คงต่างพากันคิดว่าเธอเป็น “ยายเจ้าเล่ห์” “พวกเล่นตัว” กับเจ้านาย “ยั่วยวน” เจ้านาย เพื่อหวังให้เขา “ดูแลเธอเป็นพิเศษ”
ข้อกล่าวหาเหล่านั้นจะกลายเป็นชนักปักหลัง
เช่นนี้ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้
รถแลนโรลเวอร์สีดำขับจากกลางเมืองออกมา ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ย่านบ้านใหม่ของเบียงก้า
ระหว่างทางกลับบ้าน เบียงก้ารู้สึกปวดท้องอีกครั้ง ซ้ำร้ายมันยังทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอและไรเรี่ยวแรง เธอไม่เคยเมารถ เมื่อโลกทั้งใบหมุนไปรอบ ๆ เธอ และในทันทีที่เธอลงจากรถ ขาทั้งสองข้างของเธอก็อ่อนยวบ
“ระวัง” ลุคออกมาจากตัวรถเป็นที่เรียบร้อย มือใหญ่โตของเขาพยุ่งเข้าที่หัวไหล่ของเธอ
เบียงก้าพยายามหลบหลีกการสัมผัสจากเขา เธอหันมากล่าว “ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ คุณครอว์ฟอร์ด ขอบคุณที่มาส่งฉันถึงบ้าน และฉันต้องขออภัยที่ทำไวน์หกใส่กางเกงของคุณก่อนหน้านี้”
ย่านบ้านใหม่ของเบียงก้านั่นดูดีกว่าย่านเดิมมาก แต่เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ค่าเช่าบ้านนั้นถูกกว่ากันมาก
ในทางกลับกัน ย่านใหม่นี้มีสิ่งดีกว่าอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นก็คือการที่มีโรงพยาบาลชุมชนอยู่หน้าประตู
“ไปหาหมอดีไหม? ผมเป็นห่วง” ลุคไม่ได้บังคับเธออยู่กลางถนน หากแต่เขายืนห่างออกไปเพียงหนึ่งเมตรและจ้องมาที่เธอ
เบียงก้าเงยหน้าขึ้นมอง เธอยืนอยู่บนทางเท้า ในขณะที่เขายืนอยู่ที่ด้านซ้ายของตัวรถที่จอดอยู่ริมถนน แสงไฟในยามค่ำคืนสาดส่องและพร่างพราวอยู่รอบตัวเขา ราวกับว่าเมืองทั้งเมืองถูกสร้างขึ้นเพื่อเสริมให้เขายิ่งดูสง่างามยิ่งขึ้นไป
เบียงก้ามองไปที่เขา ก่อนจะส่ายศีรษะและเอ่ยปาก “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้จักร่างกายตัวเองดีค่ะ”
ลุคหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหาหมายเลข สีหน้าของเขาหม่นลงในขณะที่พูด “พาคุณจอยซ์มาที อยู่ที่…”
“ไม่ต้อง!” ก่อนที่ลุคจะทันได้พูดจนจบประโยค เบียงก้า
เบียงก้าพยายามแย่งโทรศัพท์มาจากเขา ทว่าเขาก็เอาคืนจากเธอได้ง่าย ๆ เขากอดเธอเอาไว้แน่น ข้อมือบางของเธอเนียนนุ่ม เส้นเลือดสีเขียวจาง ๆ ประจักษ์แก่สายตาของเขา
“เพ้ออะไรอยู่” ลุคลดมือใหญ่โตที่ถือโทรศัพท์ลง เมื่อเขามองเธอ แววตาของเขากลับอ่อนโยนขึ้น
ใบหน้าของเธอซีดเผือด ในตอนที่เบียงก้าเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่เขาถืออยู่แล้วพบความจริงที่ว่าบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาไม่ได้เหมือนว่ากำลังโทรออก เขาไม่ได้กดหมายเลขเลยด้วยซ้ำ
เขาจะโทรแน่ ถ้าหากว่าเธอไม่ยอมไปโรงพยาบาลชุมชน
เบียงก้าไม่ต้องการให้คุณจอยซ์มาที่นี่อีก ครั้งแรกที่เธอเจอคุณหมอจอยซ์เป็นเพราะว่าเธอถูกวางยาปลุกกำหนัด และในครั้งที่สองคือที่บ้านเพราะว่าเธอมีเลือดออกในระหว่างที่กำลังบรรเลงเพลงรักกันอยู่
มันน่าอายมากขึ้นทุกครั้ง
ครั้งนี้ สาเหตุที่เธอรู้สึกปวดท้องอย่างกระทันหัน อาจจะเป็นเพราะผลพวงของยาปลุกกำหนัด ไม่ก็อาจจะเพราะเธอดื่มไวน์ตอนมีประจำเดือนก็เป็นได้
บางทีการไปพบแพทย์อาจจะเป็นความคิดที่เข้าท่า
เบียงก้าดึงข้อมือของตัวเองออกจากมือของเขา “ฉันเดินไปเองได้ค่ะ ขอบคุณ”
เธอหมุนตัวกลับแล้วตรงไปยังโรงพยาบาล
มันอยู่ห่างไปเพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น
เบียงก้าเดินมาถึงประตู
ลุคเดินตามหลังเธอไปถึงโรงพยาบาลด้วยชุดที่เรียบหรูอย่างมาก ซึ่งเป็นภาพที่ค่อนข้างหายาก หญิงสาวในแผนกต้อนรับชะงักไปครู่หนึ่ง เธอมองไปที่เขา
เบียงก้าเอ่ยปากด้วยคาวมกระอักกระอ่วนใจ “ฉันขอเข้ารับการตรวจในแผนกนารี…”
ในที่สุดสาวสวยก็มีปฏิกิริยา เธอดูจะกังวลกว่าเบียงก้าเสียด้วยซ้ำ ในตอนที่เธอลงข้อมูลของเบียงก้า เธอต้องพิมพ์คำเดิมซ้ำไปมาอยู่หลายรอบกว่าจะพิมพ์ได้ถูกต้อง
ลุคทำให้สาวสวยประหม่าเป็นอย่างมาก เขาเพียงแค่นั่งไขว้ห้างรอภรรยาอยู่ที่เก้าอี้ เขาดูสงบมากสำหรับการเป็นสามีที่ต้องอดทนรอภรรยาจนเธอจะตรวจร่างกายเสร็จ
ท่าทางที่เคร่งขรึมและสายตาของเขานั้นบอกทุกสิ่ง เขาสนใจแค่เพียงภรรยาของตัวเองในแบบที่ใครก็ต่างมองออกว่าเขาดูเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง และยิ่งเป็นสามีที่ดียิ่งกว่า
เบียงก้ารับบัตรคิวแล้วนั่งลงเพื่อรอให้ถึงตาของเธอ
ทันทีที่เธอนั่งลง หญิงสาวคนหนึ่งสะกิดเธอแล้วมองไปยังชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง ผู้ซึ่งจดจ่ออยู่กับภรรยาของเขาเพียงผู้เดียว น้ำเสียงของหญิงสาวผู้นั้นปนแววอิจฉา “คุณไปเจอผู้ชายคนนี้มาจากที่ไหนกันคะ? ฉันพนันเลยว่าคุณจะต้องมีค่ำคืนที่แสนวิเศษหลังจากแต่งงาน จิ๊ จิ! ผู้ชายของคุณดูกำยำล่ำสันไม่เบานะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก