พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 49

ใบหน้าของเบียงก้าขึ้นสี

ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอไม่ได้ระวังในหัวข้อที่เธอพูดกับเบียงก้าเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เธอกลับพูดทุกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สนใจว่าจะมีผู้ชายนั่งอยู่ใกล้ ๆ เลยแม้แต่น้อย

“บอกฉันหน่อยสิ ฉันอยากรู้จริง ๆ!” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เบียงก้ามีสีหน้าเชิงคาดหวัง

เบียงก้าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เมื่อพบว่าเรื่องเพศที่สังคมเคยรังเกียจเดียดฉันท์กลับกลายเป็นประเด็นพูดถึงอย่างเปิดเผยเช่นนี้

“เขาไม่ใช่…” เบียงก้าส่ายศีรษะ

ยังไม่ทันทีเบียงก้าจะได้พูดจบประโยค ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอหันไปมองลุคด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยตัณหา

ทันใดนั้นเอง หญิงสาวหันกลับมาที่เบียงก้า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ “ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไอ้เรื่องอย่างว่าที่เราทำกับสามี ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเสียหน่อย เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยได้รึเปล่าล่ะ? พวกคุณทำกันอาทิตย์ละกี่ครั้งเหรอ? ฉันดูทรงสามีเธอแล้ว เขาน่าจะเก่งเรื่องพวกนี้นะ...”

หญิงคนนั้นยังหันไปชื่นชมเรือนร่างของลุคอีกหน ซึ่งเขาไม่ได้นั่งอยู่ห่างไปสักเท่าไหร่ เธอพึมพำ “แค่เห็นร่างกายของเขา ก็ดูราวกับว่าจะทำให้สาว ๆ ถึงจุดสุดยอดได้ทุกที่ทุกเวลาเลยล่ะ…”

เบียงก้าหมดคำพูด

เธอรู้สึกราวกับว่าจะไม่อาจทนฟังเรื่องนี้ได้อีก

อย่างแรก ลุค ครอว์ฟอร์ด ไม่ใช่สามีของเธอ และไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ อย่างที่สองเธอไม่ได้อยากรู้ว่าเขาสามารถทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดแบบนับครั้งไม่ถ้วนได้รึเปล่า

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย” เบียงก้าหยิบกระเป๋าถือและหาข้ออ้างเพื่อหนีจากสาวที่น่ารำคาญคนนี้

หลังออกมาจากห้องน้ำ เบียงก้ามองหาที่เงียบ ๆ นั่งแทน

เธอนั่งรออยู่ราวยี่สิบนาทีก็ถึงคิว

เบียงก้ายืนขึ้น เธอเปิดประตูห้องให้คำปรึกษาของแพทย์แล้วเดินเข้าไปข้างใน เธอทำตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยการถอดกระโปรงและชุดชั้นในออกก่อนจะนอนลงบนเตียงเพื่อรอการตรวจวินิจฉัยอาการ

“นอนลงค่ะ ลงไปอีก” แพทย์หญิงวัยห้าสิบเศษเอ่ยปาก หลังจากที่มองเบียงก้า

เบียงก้าขยับตัวลงไปอีก เมื่อได้ยินคำแนะนำ

“งอเข่าแล้วกางขาออกกว้างอีกหน่อย” แพทย์หญิงกล่าว เมื่อเบียงก้าอยู่ในท่าที่เหมาะสมแล้ว แพทย์หญิงจึงถามอีกครั้ง “ชื่ออะไรคะ?”

“เบียงก้า เรย์นค่ะ” เธอตอบ

การตรวจทางนรีเวชไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเบียงก้า เธอเคยได้รับการตรวจทางนรีเวชครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน ในตอนที่เธอได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นคนคลอดลูกให้ผู้ชายคนนั้น เธอต้องมั่นใจว่าร่างกายของเธอพร้อม

เธอไม่อาจลืมความทรงจำในช่วงเวลานั้นของชีวิตไปได้เลย เธอถูกถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่า ต้องตอบคำถามร้อยพัน และทุกข์ตรวจด้วยเครื่องมือที่เย็นเฉียบ เธอก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานและยากลำบากนั้นมาแล้ว

เธอทั้งรู้สึกละอายและโกรธในเวลาเดียวกัน

แม้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะผ่านมากว่าห้าปีแล้ว ทุกครั้งที่เธอเข้ารับการตรวจทางนรีเวช เธอก็อดนึกย้อนไปถึงมันไม่ได้

การตรวจวินิจฉัยเสร็จสิ้นหลังจากผ่านไปเพียงไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น

หลังจากลงมาจากเตียงเล็ก ๆ เธอก้มลงมองแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เธอทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะสวมเสื้อผ้ากลับดังเดิม แล้วเดินตามแพทย์ออกไป

หลังจากการตรวจ เบียงก้านั่งอยู่หลังเพื่อรอผลตรวจของเธอ

ที่ด้านนอก ใครก็ตามที่ตรวจหาเสร็จแล้วกำลังนั่งรอผลตรวจของตัวเองอยู่เช่นกัน

เมื่อเสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้น เธอลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าที่มุมหนึ่งของบริเวณนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่

เขากำลังเดินไปที่ห้องทำงานของแพทย์

เบียงก้ายืนมองไปที่เขา

‘เขาคงไม่ได้คิดที่จะไปกับเธอหรอกใช่ไหม?’

เพราะว่าเธอกับเขาไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน มันคงไม่ดีนักถ้าหากว่าเข้าใจจะต้องมารับรู้ผลการตรวจโรคของเธอ

“ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ผมก็อยากจะติดตามอาการของคุณด้วย ผมไม่อนุญาตให้คุณดูแลร่างกายแบบลวก ๆ หรอกนะ” น้ำเสียงที่หนักแน่นคลองลุกๆทำให้คำพูดของเขาดูมีพลังจนยากที่จะปฏิเสธ

เบียงก้าหน้ามุ่ย และอยากที่จะ‘ปฏิเสธ’

ในโรงพยาบาลชุมชนแห่งนี้ เบียงก้าถูกตั้งคำถามเรื่อง ‘ชีวิตรัก’ จากหญิงแปลกหน้า นั่นหมายความว่าบางทีสังคมนี้อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว

หลายอย่างไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อตอนที่เธออายุ 17 หรือ 18 ที่สังคมไม่เปิดรับเรื่องเพศ

ลุค ครอว์ฟอร์ดเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ผู้ได้ครอบครองทุกอย่างในอาณาจักรครอว์ฟอร์ดแม้ว่าไม่ได้มีอะไรที่ดีเลยตั้งแต่แรก นั่นพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา คนที่ประสบความสำเร็จมักมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน มันคือพวกเขามักจะแยกแยะได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีมากกว่ากัน

สำหรับชายเหล่านี้ ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอาจจะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ไร้ค่าไร้ราคาที่สุด

บางที ลุคอาจจะกังวลว่าเธอจะป่วยด้วยโรคร้ายแรงซึ่งอาจจะนำมาติดเขา คุณหมอจอยซ์อาจจะรีบตรวจเธอเกินไป เธอพูดถึงแค่ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ลงลึกอะไรเป็นพิเศษ

โรคติดต่อแบบไหนที่จะสามารถแพร่ไปสู่ผู้ชาย แล้วทำให้เขากลัวได้?

ซิฟิลิสเหรอ? หรือจะเป็นเอดส์?

ลุคทำท่าราวกับว่าเขาเป็นสามีของเธอและเขาไปในห้องให้คำปรึกษาของแพทย์พร้อมกันกับเธอด้วย ความมืดมนก่อตัวขึ้นในใจของเบียงก้า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าหมอวินิจฉัยผิดพลาดแล้วบอกว่าเธอเป็นเอดส์ล่ะ?

เธออยากเห็นว่าปฏิกิริยาของเขาจะเป็นเช่นไรในตอนที่ได้ยินข่าวร้าย

เขาอาจจะหวาดกลัวและก็รีบวิ่งหนีไปที่ประตู จากนั้นไม่มาให้เธอเห็นอีกรึเปล่า?

เมื่อเวลาผ่านไป เบียงก้าจึงพบว่าการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นสามารถทำได้ที่โรงพยาบาลขนาดกลางที่มีห้องแล็บพิเศษสำหรับตรวจ ในโรงพยาบาลชุมชนแห่งนี้ไม่มีอะไรแบบนั้น

“คุณหมอคะ อาการของฉัน…” เบียงก้าค่อนข้างกังวล

แพทย์หญิงก้มดูบันทึกของเธอแล้วกล่าว “ ทุกอย่างดูเรียบร้อยดีค่ะ คุณแค่ต้องดูแลตัวเองไม่ให้หนาว และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยค่ะ”

แพทย์หญิงเงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตอาการของเบียงก้า “ดูจากการแต่งกายแล้วคุณคงจะเป็นพนักงานบริษัทสินะคะ ฉันขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูงเท่าที่จะเลี่ยงได้นะคะ”

เพียงกล้าพยักหน้า “ได้ค่ะ”

“ไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรนะคะ ไม่ต้องกังวลจนเกินไป ฉันจะสั่งยาที่คุณสามารถซื้อเองได้ง่าย ๆจากร้านขายยา” เมื่อเขียนใบสั่งยาเสร็จ แพทย์หญิงสังเกตเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของเบียงก้า และเห็นว่าเขาเอาแต่มองเธอโดยไม่ละสายตา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะให้กำลังใจ “ไม่ต้องกังวลค่ะภรรยาของคุณแข็งแรงดี ฉันตรวจรังไข่และมดลูกของเธอแล้ว ทุกอย่างอยู่ในสภาพที่ดี กระดูกเชิงกรานของเธอเองก็ได้รูป จากประสบการณ์หลายปีของฉันบอกว่าเธอค่อนข้างอยู่ในวัยเจริญพันธุ์มาก ๆ ค่ะ”

หน้าขึ้นสีอีกครั้ง ประโยคที่ว่า “ก้นใหญ่เหมาะแก่การเป็นแม่พันธุ์” ผุดขึ้นมาในหัว

เธอจำไม่ได้แน่ชัดว่าเคยได้ยินมาจากไหน บางทีอาจจะเป็นตอนที่เธอเรียนอยู่เมืองนอกในตอนที่เด็กนักเรียนชาวจีนพูดอย่างติดตลกในระหว่างงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืออาจจะเป็นเมื่อครั้งที่เธอไปเยี่ยมคุณปู่และบังเอิญได้ยินจากพวกผู้หญิงที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

ไม่ว่าจะกรณีไหน คำว่า ‘เจริญพันธ์ุ’ ที่แพทย์กล่าวก็ทำให้เธออับอายมากพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังพูดคำนี้ต่อหน้าผู้ชายคนนี้อีก

เบียงก้ากลับจากโรงพยาบาลชุมชนหลังจากที่ได้รับผลการตรวจแล้ว

“คุณครอว์ฟอร์ดคะ ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ” เธอพูดกับผู้ชายที่อยู่ข้างกายโดยไม่หันกลับไปมอง

“เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณที่หน้าประตูนะ”

ลุคถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมเข้าไปที่ไหล่ของเธอ เขามั่นใจว่าเธอจะต้องปฏิเสธ เขาจึงกดเข้าที่ไหล่ของเธอทันทีที่คลุมเสื้อ

เบียงก้าได้กลิ่นของเขาจากเสื้อคลุม มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เธอเงยหน้ามองเขาและตัดสินใจที่จะปฏิเสธเขาอย่างถึงที่สุด

สายตาของลุคแข็งกร้าว “หมอบอกแล้วนิว่าคุณไม่ควรปล่อยให้ตัวเองหนาว”

เบียงก้ายังคงไม่คุ้นชินกับความกังวลที่ดูมากเกินไปของเขา แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่อยากใช้เวลาอยู่กับเขานานนัก เธอก็แค่ต้องทำตามที่เขาบอก และเมื่อเธอถึงบ้านเขาก็จะกลับไป นี่เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงหันกลับและมุ่งหน้าไปที่เขตของระแวกบ้านทันที

ชายหนุ่มพยายามรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสม เขาต้องการที่จะแน่ใจว่าเขาได้ให้ระยะห่างกับเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใกล้พอที่จะดูออกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันด้วย

แม้จะมีลมหนาวพัดผ่านเธอไป แต่เธอกลับไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอกลับรู้สึกออกอุ่น เธอสั่นสะท้านและรู้สึกราวกับหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก