พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 53

เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กชายตัวเล็กไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว

ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ในตอนเช้า เด็กชายรีบวิ่งกลับไปยังห้องของเขา เขาหยิบแปรงสีฟันแท่งเล็ก ๆ ออกมาและเริ่มล้างหน้า เด็กชายมีฟันที่ขาวสะอาดและเรียงกันอย่างสวยงาม เมื่อล้างหน้าเสร็จ เขาก็วิ่งไปหาเรนนี่ เขารีบเปิดประตูในขณะที่เขาพูดกับเธอว่า “แม่ของเรายังมีชีวิตอยู่”

ผมของเรนนี่ถักเป็นเปียอย่างประณีต เธอเอียงศีรษะไปด้านข้างและกล่าวว่า “พี่ชาย พี่กำลังพูดเรื่องอะไรเหรอคะ?”

“พี่บอกว่าแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่!” บลองช์พูดอีกครั้งในขณะที่เดินเข้าไปและคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อช่วยน้องสาวของเขาสวมรองเท้าก่อนที่เขาจะพาเธอไปที่อาคารหลังอื่นภายในคฤหาสน์

พี่เลี้ยงของพวกเขาไม่ได้ขัดขวางการกระทำของเด็ก ๆ

บลองช์ให้น้องสาวของเขาคอยเฝ้าประตู ในขณะที่เขาแอบเข้าไปในห้องของคุณอาหลุยส์อย่างเงียบ ๆ เขาหยิบโทรศัพท์ของอามาและรีบแอบออกจากห้องไป...

“ได้มาไหม พี่ชาย?” เรนนี่เบิกตากว้างในขณะที่เธอเอ่ยถาม

บลองช์พยักหน้า จากนั้นสองพี่น้องก็ไปยังมุมที่เงียบสงบและใช้โทรศัพท์เพื่อกดโทรออก

ในเวลาเดียวกันนั้น โทรศัพท์ของชาร์ลส์ ฟินน์ก็ดังขึ้น

ที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง ชาร์ลส์และภรรยาของเขากำลังวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า และเมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ทั้งคู่จึงหยุดวิ่งและเดินช้า ๆ

ชาร์ลส์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเมื่อได้เห็นหมายเลขผู้โทรเข้า เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดกับเฟย์ โทมัสภรรยาของเขาว่า “นี่เบอร์ของท่านหลุยส์ นายน้อยคนที่สองของตระกูลครอว์ฟอร์ดนี่”

“เขาโทรหาคุณทำไม?” เฟย์รู้สึกสับสน

พวกเขาทั้งคู่เคยทำงานร่วมกับครอว์ฟอร์ดเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเกษียณ เขาจึงมอบบริษัทให้กับลูกชายของเขาดูแล เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ที่ไม่กี่ปีต่อมา ลูกชายของเขาก็ล้มป่วยหนักและเสียชีวิตลงในที่สุด ดังนั้นผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดจึงต้องหวนคืนตำแหน่งอีกครั้ง

จนกระทั่งลุค ครอว์ฟอร์ดกลับมาหาครอบครัว พวกเขาจึงเริ่มทำงานให้กับลุค

ลุคเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ เขาได้รับกรรมพันธุ์ที่ดีที่สุดที่ในตระกูลของพวกเขาจะมี สติปัญญาของเขาอยู่เหนือผู้อื่น และคู่สามีภรรยาก็เชื่อว่า เขาไม่ได้มีบุคลิกด้านลบดั่งเช่นพ่อของเขา

พ่อของเขาเป็นคนเจ้าชู้และประพฤติตัวไปในทางที่ไม่ดี แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นลุคมีทัศนคติเช่นนั้นมาก่อน

เวลาผ่านไปไวดั่งใจนึก เป็นเวลา 13 ปีแล้วที่ลุคกลับมาหาหาครอบครัวของเขา ซึ่งตอนที่เขามีอายุได้เพียง 16 ปี แต่ทั้งชาร์ลส์และเฟย์ก็ไม่สามารถทำงานที่นั่นได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม พวกเขาไร้แรงกำลังที่จะสนับสนุนชายหนุ่มผู้นี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเนรเทศในฐานะลูกชายนอกสมรส แต่แล้ว ลุคก็ได้พัฒนาความสามารถของเขาจนสามารถยืนหยัดอย่างอิสระและไม่มีใครกล้าที่จะคุกคามตำแหน่งของเขาอีกต่อไป

สองสามีภรรยาจึงเป็นกังวลว่า คอรว์ฟอร์ดจะต้องการพบพวกเขาทำไม

พวกเขารู้ดีว่าใครก็ตามที่กำลังต้องการพบพวกเขาจะต้องมีเจตนาแอบแฟง ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มีคนตั้งคำถามถึงตัวตนของมารดาผู้ให้กำเนิดเด็กฝาแฝดกับพวกเขานับครั้งไม่ถ้วน

“สวัสดีครับ นายน้อยหลุยส์” ในที่สุดชาร์ลส์ก็รับสาย

แต่อีกด้านของปลายสายไม่ใช่เสียงของหลุยส์ แต่กลับเป็นเสียงที่นุ่มนวล “คุณปู่ชาร์ลส์...”

“นาย...นายน้อยบลองช์?” ชาร์ลส์รู้สึกสับสน

“คุณปู่ชาร์ลส์ ผมมีคำถามขอถามคุณจะได้ไหมครับ?" เด็กชายถามอย่างสุภาพ

"แน่นอน นายน้อยมาถามได้เลย ผมจะตอบทุกอย่างที่ผมรู้”

เด็กชายรู้ดีว่า ชาร์ลส์แค่ตอบตามมารยาท แต่ชายชราจะไม่ยอมบอกทุกอย่าง...

“เมื่อคืนนี้ ในที่สุด พ่อก็บอกกับผมว่า แม่ของผมยังมีชีวิตอยู่...” บลองช์พูดด้วยเสียงต่ำ เขาถามต่อว่า “คุณปู่ชาร์ลส์ ทุกคนบอกว่าคุณและคุณย่าเฟย์รู้จักแม่ของผม คุณบอกผมได้ไหมว่าแม่ของผมจะกลับมาหาผมรึเปล่า?”

มันเป็นคำถามที่ยากจะตอบ…

“และพ่อกับแม่ของผมจะกลับมาแต่งงานกันอีกไหม?”

ชาร์ลส์ไม่สามารถพูดในสิ่งที่เขาไม่สามารถเปิดเผยได้ เขาทำได้เพียงแค่ตอบว่า “ผมคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ แม่ของคุณมีคู่รักใหม่แล้ว”

ชาร์ลส์และเฟย์ได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันที่อังกฤษเมื่อปีที่แล้ว และพวกเขาก็บังเอิญได้พักอยู่ใกล้กับสถานที่ที่เบียงก้าศึกษาอยู่

ลุคได้ให้มืออาชีพดูแลชาร์ลส์และเฟย์เมื่อพวกเขาเกษียณอายุ ดังนั้น ลุคจึงรู้ว่าพวกเขาจะไปพักผ่อนกันที่ประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่แน่ใจว่า ลุคได้ตั้งใจให้พวกเขาพักอยู่ใกล้กับสถานศึกษาของเบียงก้ารึเปล่า และเมื่อพวกเขากลับมา ชาร์ลส์ก็ได้บอกกับลุคว่า ดูเหมือนว่าเบียงก้าจะมีคู่รักคนใหม่แล้วและความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูค่อนข้างที่จะมั่นคง

ชาร์ลส์พูดอย่างระมัดระวัง เขาเองก็อยากเห็นท่าทีของลุคหลังจากที่เขาบอกลุคสิ่งนั้น

สีหน้าของลุคมืดมนลงจนเขาไม่สามารถมองไม่ออก

หลังจากเหตุการณ์นั้น ชาร์ลส์จึงมั่นใจได้ว่า ลุคมีความรู้สึกบางอย่างให้เบียงก้า และถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะว่าเบียงก้ามีแฟนแล้ว หนุ่มสาวทั้งคู่ที่มีลูกนั้น ก็อาจจะเป็นคู่รักที่ดีต่อกันได้

ชาร์ลส์ยังนึกถึงเรื่องที่ลุคหลับนอนกับเบียงก้าในตอนนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนกับเธอทุกวันในหนึ่งเดือนนั้น แต่แค่จำนวนครั้งในหนึ่งวัน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กผู้หญิงคนนั้นตั้งท้องได้

ชาร์ลส์สามารถพนันได้ว่า ในเหตุการณ์เหล่านั้นจะต้องแฝงไปด้วยความรู้สึกเป็นแน่

ในฐานะผู้ชาย ชาร์ลส์รู้ดีว่าความต้องการทางเพศของผู้ชายทำงานเช่นไร เมื่อถูกระงับเป็นเวลานาน ความอยากก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ลุคสามารถหยุดได้ทันทีหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ทุกวันเมื่อห้าปีที่แล้ว และที่สำคัญ ห้าปีต่อมา ก็ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนใดที่ปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเขาอีกเลย

มันเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถลืมความรักในอดีตของเขาได้อย่างนั้นเหรอ?

จากคำพูดของบลองช์ก่อนหน้านี้ ทำให้ชาร์ลส์ตรวจพบข้อมูลสำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อลุคบอกลูกชายของเขาว่า แม่ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดไปจากเรื่องราวเริ่มต้นที่ควรจะเป็นแม่ของพวกเขา ‘เสียชีวิตแล้ว’

‘คุณเรย์นกลับมาแล้วเหรอ?

'พวกเขาได้พบกันไหม?'

ในขณะที่ชาร์ลส์ยังคงพยายามคิดหาคำตอบอยู่ในหัว เขาก็ได้ยินเสียงอันผิดหวังของเด็กหนุ่ม "โอ้...เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณคุณ ปู่ชาร์ลส์"

จากนั้น เด็กชายก็วางสายไป

ต่อมา เมื่อชาร์ลส์กำลังรับประทานอาหารเช้า เขาก็เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับภรรยาของเขาครั้ง

เฟย์กล่าวว่า “ลุคไม่เหมือนกับพ่อของเขา เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ในตอนนั้น ฉันเองก็ตกใจเหมือนกันที่ชายหนุ่มผู้จองหองมาที่คฤหาสน์ทุกคืนเหมือนกับแมวที่เสพติดกลิ่นปลา เขาเข้ามาที่คฤหาสน์และเริ่มทำตามใจชอบโดยไม่แจ้งให้เธอทราบล่วงหน้า เขาหยาบแค่ไหนกันเราก็รู้

“และตอนที่เราวางแผนไปเที่ยวพักผ่อน ลุคก็ได้ให้พนักงานจัดเที่ยวบินและที่พักให้กับเราและพยายามโน้มน้าวให้เราไปอังกฤษ ในตอนนี้ ฉันมาคิดดูแล้วว่าที่เขาอยากให้เราไปที่นั่น มันไม่ใช่เพราะวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่เป็นเพราะว่าเขา มีคนที่เขาคิดถึงอยู่ที่นั่น’

เฟย์จิบนมอุ่น ๆ และหัวเราะ “มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณว่าคุณเรย์นจะมีแฟนแล้วหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีแฟน แต่ลุคก็จะต้องรออีกหลายชั่วอายุคนเพื่อที่เขาจะสามารถแต่งงานกับแม่ของลูก ๆ ของเขาได้ เพราะบุคลิกที่ไม่ชอบเข้าสังคมแบบนั้นของเขา”

ชาร์ลส์เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่ภรรยาของเขาพูด จนท่าทางที่เคร่งขรึมของเขาก็ไม่อาจกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้ “ผมรู้ดีว่าชายผู้นั้นยังคงหยิ่งผยองไม่เปลี่ยน ตั้งแต่ที่ผมได้เห็นเขาเติบโตขึ้น”

เฟย์ส่ายหน้าเบา ๆ “มันคงจะไม่ง่าย ในตอนนั้นฉันสังเกตเห็นว่า ฝ่ายหญิงมีบุคลิกที่ขี้อายและอ่อนโยน และถ้าหากว่าลุคไม่ลงมือก่อน ทั้งคู่ก็จะไม่มีวันสมหวัง”

“ผมคิดว่าเด็กชายก็คงจะเคยเจอเบียงก้าแล้วแน่” ชาร์ลส์เช็ดมือในขณะที่เขาพูดต่อด้วยท่าทางที่สุขุม “พอลองดูจากหลายมุม เราก็บอกได้เลยว่าลุคเป็นคนที่หวงของและอยากได้สิ่งที่ต้องการมาครอบครอง แต่ผมสงสัยจริง ๆ ว่า ถ้าหากว่าเขาได้เห็นเบียงก้าอยู่กับแฟนหนุ่มของเธอ แต่เขาไม่รู้แม้แต่การลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเข้าหาเธอ แล้วเขาจะไม่ทุกข์ตายเพราะความหึงหวงเลยรึยังไง?”

...

อีกด้านหนึ่ง ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

เด็กทั้งสองได้ลบประวัติการโทรและนำโทรศัพท์เข้ามาวางไว้ให้หลุยส์อย่างเงียบ ๆ

“คุณพ่อจะอนุญาตไหม ถ้าเราจะขอให้ซื้อโทรศัพท์ให้เราน่ะ?” เรนนี่ถามในขณะที่เธอเดินตามบลองช์ไป

บลองช์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะไม่ถามพ่อของเขา เพราะเขากังวลว่าพ่อจะโกรธ

'แต่ถึงยังไง คุณอาหลุยส์ก็มักจะนอนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ตลอดนั้นแหละ ดังนั้น เราจะเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาใช้ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว'

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก