พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 54

ลานี่พูดกับเรนนี่ว่า “คุณปู่ชาร์ลส์บอกว่า คุณแม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว และคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาคบกับคุณพ่อด้วย”

เรนนี่พยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่ชายเธอพูดหมายถึงอะไร

“เรามาหาแฟนใหม่ให้พ่อกันเถอะ พี่คิดว่าคุณบีเป็นตัวเลือกที่ดีเลย” บลองช์ตัดสินใจยอมแพ้ เขาครุ่นคิด 'ไม่ใช่เพราะว่าคุณพ่อไม่ต้องการคุณแม่ แต่เพราะว่าคุณแม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว’

...

ในช่วงเวลาอาหารเช้า

อลิสัน แทนเนอร์เดินลงมาจากชั้นบน เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้คน จากนั้น เธอก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อคะ หนูมีธุระ ขอตัวไปก่อนนะ”

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเงยหน้าขึ้นและกำลังจะพูดกับเธอว่า 'ตกลง' แต่แล้ว ซูซาน อาร์มสตรองก็ขัดจังหวะในทันที

เธอเลิกคิ้วพร้อมหัวเราะ “ดูสิ แต่งตัวซะสวยเชียว ดูปากสิ แดงอย่างกับเพิ่งไปเลือดของเด็กเป็น ๆ มาอย่างนั้นแหละ ออกไปหาผู้ชายเหรอจ๊ะ?”

ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดจะไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจกับการพูดจาประชดประชันกันที่เกิดขึ้นทุกวันมานานกว่า 10 ปี

อลิสันยังคงสงบนิ่ง “ซูซาน ไม่ต้องห่วงหรอกจ่ะ ฉันไม่ใช่เธอนะ ฉันไม่จำเป็นต้องหาผู้ชายคนอื่นเพียงเพราะว่าฉันทนความเหงาไม่ไหว ถึงแม้ว่าแซคคารี่จะจากไปก่อนวัยอันควร แต่ฉันก็จะไม่ทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจในยมโลกหรอกนะจ๊ะ”

“หล่อนหมายถึงใครที่ทนความเหงาไม่ได้?!” ซูซานทุบตะเกียบลงบนโต๊ะอาหารและหันมามองเธอด้วยความโกรธเคือง

สาวใช้คนหนึ่งรีบเข้ามาห้ามซูซานที่กำลังจะกระโจนไปข้างหน้าเพื่อปะทะกับอลิสันอย่างรวดเร็ว

ซูซานชี้หน้าอลิสันและตะโกนขึ้นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่เป่าหูสามีของฉัน ฉันก็คงจะไม่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ หล่อนมันน่ารังเกียจ! เห็นหน้าหล่อนกระเดือกข้าวเช้าไม่ลง!”

อลิสันเห็นว่าผู้อาวุโสคอรว์ฟอร์ดกำลังจะหมดความอดทน เธอจึงไม่ตอแยที่จะทะเลาะวิวาทกับซูซานอีก ดังนั้น เธอจึงหยิบกระเป๋าถือหลุยส์วิตตองรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นขึ้นมา และออกจากคฤหาสน์ไปอย่างสง่างาม

ซูซานรู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก เมื่อไม่มีที่ใดให้ระบายอารมณ์ เธอจึงทุบหน้าอกของตัวเองด้วยความขุ่นเคือง

จากนั้น สาวใช้ก็ประคองซูซานขึ้นไปชั้นบนเพื่อสงบสติอารมณ์

หลุยส์ขมวดคิ้วและสั่งพ่อบ้านว่า “ไปตามหมอมาดูอาการให้แม่ของฉันที”

...

อลิสันได้นอนเพียงแค่สามชั่วโมงเมื่อคืนนี้ เธอแทบจะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

อลิสันได้ยินทุกอย่างเมื่อบลองช์และเรนนี่คุยกันเกี่ยวกับเรื่องแม่ของเขา เขาได้ถามพ่อของเขาที่ในสวนเมื่อตอนบ่าย

ตัวตนของมารดาผู้ให้กำเนิดของเด็ก ๆ นั้นช่างลึกลับ จนแม้แต่ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดที่ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลในสมัยนั้นก็ไม่รู้ความจริง...

ชาร์ลส์ ฟินน์และเฟย์ โทมัสเป็นคู่สามีภรรยาที่เก็บความลับได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะมีการซักถามยังไง ก็จะไม่มีใครได้รับคำตอบจากพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการติดสนบนด้วยเงินก็ตาม

ก่อนที่อลิสันจะออกไปข้างนอกในเช้าวันนี้ เธอก็ได้พยายามสอบถามข้อมูลบางอย่างจากหลานชายของเธอในตอนที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ

ลานี่ตอบเพียงแค่ว่า “พ่อบอกแค่ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อผมพยายามถามต่อ เขาก็บอกว่าอย่าถามอะไรอีก...”

เป็นที่รู้กันดีว่า ลุคเป็นคนที่เคร่งขรึมอยู่เสมอ ดังนั้นเด็กน้อยจึงไม่กล้าสอบถามอะไรเพิ่มเติมอีก

อลิสันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า 'แม่ผู้ให้กำเนิดเรนนี่และลานี่ จะเป็นคนรักของลูกชายของฉันรึเปล่า? หรือเธอจะเป็นแฟนสาวที่ฉันในฐานะแม่ของเขาเองก็ไม่รู้จัก? หรือว่าอาจจะมีเงื่อนไขบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้?

'แต่ไม่ว่าลูกชายของฉันจะใช้วิธีใด มันก็จะต้องมีเบาะแสที่ฉันสามารถตามหาผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกของลูกชายของฉันได้

'ลูกชายของฉันกำลังปิดบังอะไรแม่ของเขาอยู่?

'การให้กำเนิดบุตรชายในตระกูลชนชั้นสูงนั้น เทียบเท่ากับการให้กำเนิดผู้สืบทอดสกุลคนต่อไป ดังนั้น ผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีความอดทนมาก และฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะไม่อยากแต่งงานกับตระกูลครอว์ฟอร์ดและมีชีวิตที่ดีอย่างนั้นเหรอ?’

ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน อลิสันเชื่อว่าเธอเข้าใจผู้หญิงได้เป็นอย่างดี ไม่มีผู้หญิงคนใดที่สามารถต้านทานการล่อลวงให้เข้าสู่ตระกูลที่ร่ำรวยได้

เมื่อเข้ามาในรถแล้ว อลิสันก็โทรหาใครบางคน

ไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงจากปลายสาย

อลิสันมองออกไปภายนอกหน้าต่างและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะไปถึงในไม่ช้า อย่าคิดตุกติกไป เควิน เรย์น ฉันเตือนคุณแล้วและนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่อย่างนั้น อย่าโทษที่ฉันจะเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์ของเราในอดีต!”

...

อีกด้านหนึ่ง

เบียงก้ากำลังทำบะหมี่อยู่ในครัว

เธอโยนผักหนึ่งกำมือและไข่สองฟองใส่ลงในหม้อ ในไม่ช้า บะหมี่ที่หอมฟุ้งก็พร้อมรับประทาน

นีน่ากำลังอาบน้ำและรอกินบะหมี่ที่เบียงก้ากำลังเตรียม

เบียงก้าอยู่ในครัว และโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

เมื่อพวกเธอได้ทำงาน ในบางครั้งจึงมีเพื่อนร่วมงานโทรหาเธอเพราะมีเรื่องด่วน นีน่ามองดูโทรศัพท์ของเบียงก้า ที่หน้าจอปรากฎชื่อของผู้โทร ‘เนลลี่ โลว์’ นีน่าจึงเรียกเบียงก้ามารับโทรศัพท์

อย่างไรก็ตาม ข้อความสองบรรทัดภายใต้ชื่อของเนลลี่ ได้ดึงดูดความสนใจของเธอ

“บี เธออยากให้ฉันส่งหลักฐานที่พิสูจน์ว่าฌองมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นให้ไหม? แต่มันจะเป็นประโยชน์ในการเลิกรากับเขารึเปล่า?”

เลือดของนีน่าเดือดพล่านเมื่อเธออ่านข้อความนั้น

'เป็นไปไม่ได้?!'

นีน่าปลดล็อคโทรศัพท์ของเบียงก้าและตอบกลับทันทีว่า “ใช่ ส่งมาเลย!”

จากนั้นเนลลีก็ส่งหลักฐานมาให้เธอ

นีน่ากดฟังบทสนทนาระหว่างฌองและมาลีอย่างตั้งใจ

‘มันเป็นความจริง พี่ชายของฉันนอกใจเบียงก้า...

'และพวกเขาก็ยังมีลูกด้วยกันอีกด้วย

'นี่มันเรื่องบ้าอะไร!'

ทันใดนั้น นีน่าก็รีบโทรหาฌองทันที “พี่คงจะชอบผู้หญิงที่อยู่ในโอวาทมากสินะ แต่กลับไปหลงนางผู้หญิงชอบมั่วนั่นน่ะเหรอ? พี่กับมาลีคงจะเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว เลวกันทั้งคู่! อย่ากังวลไปเลยนะ ในไม่ช้าทั้งซิฟิลิสกับเอดส์รอพวกพี่อยู่ เชิญพิศวาสกันให้สะใจพวกนายจะได้เน่าตายไปในนรกพร้อมกันให้หมดนั่นแหละ!”

ในเวลานั้น เบียงก้าก็ได้ยินเสียงของเธอดังขึ้นจากภายนอกห้องครัว เธอจึงรีบวิ่งออกมาทันที “นีน่า เกิดอะไรขึ้น?” 'เธอด่าใครแต่เช้า?’

นีน่าวางสายและส่ายหน้า "ไม่มีอะไร ฉันแค่ยืมโทรศัพท์โทรด่าใครบางคน”

หลังจากที่พวกเธอทานอาหารเช้าเสร็จ ในระหว่างทางไปทำงาน เบียงก้าก็ได้เปิดดูประวัติการโทร แต่นีน่าได้ลบประวัติการโทรออกไปแล้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครโทรหาเธอ เธอจึงว่างโทรศัพท์ลงและไม่คิดอะไรอีก

นีน่าจะต้องไปเยี่ยมไซต์งานกับหัวหน้า ดังนั้น เบียงก้าจึงไม่สามารถติดรถไปกับเธอได้ เบียงก้าจึงตัดสินใจขึ้นรถไฟใต้ดินไปแทน

ในขณะที่เธอขึ้นรถไฟใต้ดิน จิตใจของเธอก็เอาแต่นึกถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติของนีน่า เธอได้ยินคร่าว ๆ ว่า นีน่าดุด่าคู่สามีภรรยาที่เลวทราม

'หรือว่านีน่ากำลังมีแฟนแต่ถูกผู้ชายหักหลัง?'

เบียงก้าถอนหายใจด้วยความรู้สึกอ่อนล้า 'ทำไมนีน่าถึงโชคร้ายพอ ๆ กับฉันเลยล่ะเนี้ย? ที่ต้องเจอกับไอ้คนเลวบ้ากามแบบนั้น'

ภายในรถไฟฟ้าในเวลานั้นเริ่มอัดแน่นไปด้วยผู้คน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจงใจเข้ามายืนใกล้ ๆ กับเบียงก้า ภายในรถไฟ ยังเหลือราวจับมากมายที่ยังว่าง แต่เขาตั้งใจเข้ามาจับที่ราวเดียวกับเธอ

เบียงก้าเงยหน้าขึ้นมองชายนิสัยไม่ดีผู้นั้น จากนั้น เธอก็พยายามดึงมือของเธอออก แต่ชายผู้นั้นกลับเอนเข้าหาเธอ

เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนจึงทำให้ภายในรถไฟฟ้าแน่นขนัด เบียงก้าขมวดคิ้ว เธอกำลังคิดว่าเธอจะทำอะไรได้บ้าง ทันใดนั้นเอง ออร่าที่คุ้นเคยก็เข้ามาทำให้ร่างกายของเธอมั่นคง

เธอก้มหน้าลงและตกใจเมื่อเธอได้เห็นมือคู่ใหญ่ของใครบางคนจับเธอเอาไว้

เบียงก้าเสียการทรงตัวไปเพราะการถูกกอดอย่างกะทันหัน เธอตกลงไปในอ้อมกอดของชายผู้นั้น

“คุณภรรยาครับ ยังโกรธผมอยู่อีกเหรอ?” เสียงที่นุ่มลึกของลุคให้ความรู้สึกที่เสียวซ่านผ่านเข้าใบหูของเธอ

ร่างกายที่แข็งแกร่งของชายผู้นี้รั้งเธอเอาไว้ใกล้ ๆ น้ำเสียงที่ผ่อนคลาย ท่าทางที่กำลังปกป้องเธอ และคำว่า 'ภรรยา' ทำให้ชายวัยกลางคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องหยุดสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ

เขาเหลือบมองดูลุค เพียงแค่การชำเลืองมองครั้งเดียว มันดูราวกับว่าเขาได้มองเห็นกริชอันเย็นเยือก จนทำให้เขาขดตัวเหมือนคนขี้ขลาด จากนั้น เขาก็รีบถอยออกไปยืนที่อื่น และในไม่ช้าเขาก็หายตัวเข้าไปในฝูงชนทันที

'ทำไมลุค ครอว์ฟอร์ดถึงมาขึ้นรถไฟใต้ดิน? นี่ฉันจะต้องประสาทหลอนไปแล้วแน่ๆ...'

เบียงก้าได้รับความคุ้มครองอยู่ภายในอ้อมกอดของลุค ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในรถไฟฟ้า แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย รถไฟใต้ดินวิ่งไปอย่างมั่นคง แต่เนื่องจากว่ามีผู้คนมากเกินไป ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะเสียการทรงตัวจนร่างกายของพวกเขาถูกผลักเข้าหากัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก