หลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เควินก็รู้สึกปวดหัวทั้งคืน
เจนนิเฟอร์พลิกบ้านทั้งหลังเพื่อมองหาเอกสารสัญญา
หลังจากที่เธอค้นหาอยู่นาน เธอก็พึมพำกับมาลีว่า “เควินเล่นตุกติกอะไรกับฉันแน่ ทำไมเขาถึงยังไม่ตายไปอีก!”
“แม่หมายความว่ายังไง? เรายังจะได้รับค่าชดเชยสำหรับการหรือถอนด้วยจำนวนเงินหลักแสนใช่ไหม? เงินจำนวนมากที่พวกเราไม่เคยเห็นในชีวิตของเราเลย” มาลีกล่าวกับแม่ของเธอในขณะที่เธอขมวดคิ้วและช่วยแม่ของเธอหาเอกสาร เธอกล่าวต่อว่า “ถ้าเขาจะต้องตาย เขาก็ควรจะอดทนรอจนกว่าเราจะได้เงินก้อนนั้นมาสิ”
“นี่เป็นความผิดของเธอที่ฉันจะต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากร่วมกับเขา” จากนั้น เจนนิเฟอร์ก็ย้ายเก้าอี้และมองหาเอกสารนั้นที่ด้านบนของตู้รองเท้า
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป การค้นหาของแม่และลูกสาวก็สิ้นสุดลงอย่างไร้ประโยชน์
เจนนิเฟอร์เข้าไปในห้องนอนด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน เธอตรวจดูให้แน่ใจว่าเควินหลับแล้ว เธอจึงออกมาและไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารที่ลูกสาวของเธอสั่งมา
ในขณะที่พวกเขาทานอาหาร มาลีก็ถามขึ้นว่า “นี่แม่ แม่คิดว่าใครคืออดีตภรรยาของเขา? ทำไมเขาต้องปิดบังเรื่องอดีตภรรยาไม่ให้พวกเรารู้ด้วย?”
“ลูกโง่เหรอ? อดีตภรรยาของเขามีชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากแต่งงานใหม่ ผู้หญิงประเภทนั้นคงจะกลัวว่าอดีตที่สกปรกของเธอจะถูกเปิดเผยน่ะสิ” เจนนิเฟอร์จะไม่ยอมแพ้ เธอต้องการที่จะค้นหาเอกสารเหล่านั้นต่อไป เพราะเธอต้องการเห็นชื่อของผู้หญิงคนนั้น
ในขณะที่มาลีกำลังรับประทานกั้งและปลอกเปลือกอยู่ เธอก็ถามขึ้นอีกว่า “หนูได้ค้นหารูปภาพของผู้หญิงทุกคนในเมืองของเราแล้วนะ ทั้งในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ แต่หนูก็ไม่เห็นว่าจะมีใครที่มีใบหน้าคล้ายกับเบียงก้าเลย”
“แม่ผู้ให้กำเนิดของเบียงก้าเองก็คงจะเป็นคนไร้หัวใจเช่นกัน เธอไม่เคยมาหาหล่อนเลยหลังจากที่เธอทิ้งลูกสาวที่เธอให้กำเนิดไว้นานกว่า 20 ปี” จากนั้น เจนนิเฟอร์ก็ถอนหายใจ
…
ในวันรุ่งขึ้น เควินออกไปข้างนอก
มาลีทำตามคำสั่งแม่เธอและแอบตามเขาไป
ถ้าเมื่อวานนี้เธอตามเขาไป เธอก็คงจะได้เห็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเบียงก้าแล้ว!
เควินนั่งรถแท็กซี่มาที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ
มาลีกดหมายเลขโทรออกในขณะที่เธอมองเข้าไปในร้านกาแฟ “ลุงเควินไม่ได้นัดภพกับอดีตภรรยาของเขา แต่เขามาหาเบียงก้า”
“ตาแก่นั่น รนหาที่ตายจริง ๆ!” เจนนิเฟอร์โกรธจนตัวสั่น “หรือว่าเขาต้องการที่จะให้เงินชดเชยกับลูกสาวของเขา? ไม่นะฉันจะไม่ปล่อยให้ตาแก่นั่นให้เงินเธอไม่ได้!”
ภายในร้านกาแฟ เควินกำลังก้มหน้าลงและคนกาแฟคาปูชิโน่ที่เขาสั่งมา
เบียงก้าพบว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน พ่อของเธอทำตัวเหินห่าง เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอได้ไปเมืองเอ เธอก็จะนึกถึงเขาเพราะเธอรู้ว่าพ่อของเธออยู่ที่นี่ แต่เธอก็ไม่สามารถไปเยี่ยมเขาได้
“พ่อได้ยินว่าลูกเลิกกับฌองแล้วเหรอ?” เควินถามอย่างตรงไปตรงมา
"ใช่ค่ะ"
เบียงก้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและจ้องมองใบหน้าของพ่อที่ดูแก่ลงไป
ในฐานะลูกสาว เธอรู้สึกแย่เมื่อได้เห็นเช่นนั้น แต่เธอกลับซ่อนความทุกข์เอาไว้ภายในดวงตาของเธอและไม่ได้พูดถึงมัน เธอกลัวว่าพ่อของเธอจะทำตัวเหินห่างอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้เหตุผลที่พ่อเธอทำเช่นนั้นก็ตาม
เควินหยิบประวัติการรักษาออกมาด้วยมือที่สั่นเทาแล้ววางลงบนโต๊ะ
“นี่คือ…” ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค เธอก็สังเกตุเห็นคำว่า ‘ประวัติการรักษา’
เธอหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาแล้วพลิกดูด้วยความเป็นกังวล “มันเป็นไปได้ยังไง!?”
เวลาของเควินกำลังจะหมดลง เขาเป็นมะเร็งเมื่อ 5 ปีที่แล้วและแทบจะไม่รอดจากประตูแห่งความตาย แต่ในตอนนี้เขายังเป็นมะเร็งปอดอีกด้วย...
“มะเร็งปอด ระยะสุดท้ายน่ะลูก…” เควินพูดกับเธอ
อาการของมะเร็งปอดที่เห็นได้ชัดเจนคือ การหายใจลำบากและอาการเจ็บหน้าอกจนทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก “ก่อนหน้านี้ที่พ่อไม่ยอมมาเจอลูก เป็นเพราะว่าพ่อต้องการที่จะให้ลูกได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและอยู่ได้โดยที่ไม่มีพ่อ พ่ออยากให้ลูกปรับตัวได้ ลูกไม่ได้โตมากับแม่ของลูก แต่ลูกกลับเป็นคนดีมากกว่าลูกของคนอื่นหลายสิบล้านเท่าเพราะว่าลูกมีความชอบธรรม มีเหตุผล และมีความกตัญญู…”
น้ำตาของเบียงก้าหลั่งไหลลงมา ในขณะที่เธอยังคงถือประวัติการรักษาเอาไว้ในมือ
“ก่อนที่พ่อจะไม่อยู่แล้ว พ่อแค่อยากให้ลูกรู้ว่า พ่อยังเป็นห่วงลูกมากที่สุดนะ” เควินแสร้งยิ้มบาง ๆ แต่ภายในเขากลับรู้สึกโศกเศร้ายิ่งนัก “การมีครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญนะ บี ในเมื่อลูกเลิกกับฌองแล้ว และก่อนที่พ่อจะไม่อยู่ พ่ออยากให้ลูกได้เจอกับคนที่เหมาะสม และพ่อก็คงจะตายตาหลับถ้าหากว่าพ่อได้เห็นลูกมีความสุข”
เบียงก้ารับฟังอย่างเงียบ ๆ
“อีกเรื่องหนึ่ง บ้านของเราที่อยู่ในบ้านเกิดกำลังจะถูกรื้อถอนในไม่ช้า และพ่อก็ได้ตั้งใจเก็บเงินเอาไว้ให้ลูก ถ้าในอนาคตชีวิตครอบครัวของลูกต้องประสบกับปัญหา ลูกก็สามารถนำเงินนี้ออกมาใช้ในยามที่ลูกต้องการได้ และพ่อก็หวังว่า ผู้ชายที่ลูกสาวของพ่อจะเลือกจะเป็นคนที่ซื่อต่อลูกและสามารถทำให้ชีวิตของลูกมีความสุขได้” เควินกล่าว
เบียงก้าสังเกตเห็นว่าประวัติการรักษานั้นมีระยะเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ซึ่งเป็นตอนที่พ่อของเธอทำตัวเหินห่าง
“พ่อ…ทำไมถึงปิดบังเรื่องร้ายแรงแบบนี้กับหนู?”
เบียงก้าแทบจะทรุดตัวลงจากความอ่อนแรง
เขาควรจะได้รับการรักษาก่อนหน้านี้แล้ว โรคนี้มันควรหายไปแล้วนิ?
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เบียงก้ายังคงนั่งอยู่ในร้านกาแฟคนเดียว
เควินไม่ต้องการทำให้ลูกสาวของเขาเสียใจไปมากกว่านี้ เขาจึงหาข้ออ้างและออกไปก่อน
ข้างถ้วยกาแฟของเธอมีประวัติการรักษาและกระดาษโน้ต
ดวงตาของเบียงก้าแดงก่ำ ตาของเธอร้องไห้จนตาบวม เธอจ้องมองประวัติการรักษาเป็นเวลานาน จากนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนดี ๆ ถึงได้ถูกสาปแช่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อออกจากร้านกาแฟไป เบียงก้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอโทรหาพ่อของเธอและพูดกับเขาว่า “ไปโรงพยาบาลกันเถอะ พ่ออาจจะดีขึ้นก็ได้ถ้าเข้ารับการรักษา…”
ถ้าเป็นเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอจะสามารถเอาชีวิตของพ่อกลับคืนมาได้ใช่ไหม?
“ลูกจะไปนัดดูตัวไหม? แล้วพ่อจะตัดสินใจว่าพ่อจะไปโรงพยาบาลรึเปล่า” เควินเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าสุขภาพของเขาเสียอีก เขาเชื่อว่าอลิสันจะไม่ทำร้ายลูกสาวของตัวเอง
"ก็ได้ หนูจะไป” เบียงก้าพยักหน้าในขณะที่น้ำตาเริ่มรินไหลอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเสียงของพ่อเธอ
เบียงก้ายืนอยู่ที่ทางแยกและสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่าน เมื่อเธอจบการสนทนากับพ่อของเธอแล้ว เธอก็มองไปยังถนนที่พลุกพล่าน เธอยังคงร้องไห้อย่างน่าสงสาร ราวกับว่าถูกขังอยู่ในโลกแห่งความเจ็บปวด
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์มาถึง เบียงก้าก็เตรียมตัวออกไปสังสรรค์ด้วยใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอาง
นีน่ายืนมองดูเธออยู่ที่ประตูและแสดงความคิดเห็นว่า “ลืมนัดบอดไปก่อนเลย บี ว่าแต่คืนนี้ เธอไม่ได้จะไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมฉันของเธอเหรอ? เธอแน่ใจหรือว่า เธอจะไม่แต่งหน้าเพื่อไปพบปะเพื่อนเก่า”
เบียงก้าส่ายหน้า เธอไม่มีอารมณ์ที่จะแต่งหน้า และปกติเธอก็เป็นคนที่ไม่แต่งหน้าอยู่แล้ว
“เฮ้อ ตามใจ แต่เธอก็ดูอ่อนหวานอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่แต่งหน้าแต่เธอก็ยังดูดี ทำตัวให้สดชื่นหน่อยสิ คุณลุงจะต้องหายดีอย่างแน่นอน!” นีน่าปลอบโยนเธอด้วยท่าทางที่จริงใจ
พวกเธอพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ จากนั้นนีน่าก็เดินไปส่งเบียงก้าที่ประตูลิฟต์
เบียงก้าลงไปข้างล่างในขณะที่ในจิตใจของเธอยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับอาการของพ่อของเธอ
เธอก้มหน้าลง เผยให้เห็นขนตาอันงอนยาวของเธอ ทันใดนั้นเอง ข้อมือของเธอก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้จากด้านหลังของเธอ เมื่อเธอหันกลับมา เธอก็ได้เห็นรูปร่างที่สง่าและประณีตของชายผู้นั้น จากนั้นเธอก็ถูกพาไปที่ท้ายรถของเขา เธอยังคงรู้สึกสับสน เธอถูกชายผู้นั้นโอบกอดเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็จูบเธอด้วยริมฝีปากที่คุ้นเคย
เขาจับใบหน้าของเธอและจูบเธออย่างไม่ลดละ
ริมฝีปากและลมหายใจที่คุ้นเคยของชายผู้นั้น ทำให้เธอแทบจะสำลัก...
ลุคเดินทางไปทำธุรกิจได้เพียงไม่กี่วัน แต่ความคิดของเขาที่มีต่อเธอนั้นช่างเอ่อล้นอย่างควบคุมไม่ได้ หลังจากที่เขาทำธุระเสร็จเรียบร้อย เขาก็รีบกลับมาในช่วงสุดสัปดาห์ทันที สิ่งแรกที่เขาต้องการทำเมื่อเห็นเธอ คือการจูบเธอและได้สัมผัสเธอ...
อาจเป็นเพราะสภาพจิตใจของเบียงก้าที่กำลังรู้สึกเหงาในตอนนี้ เธอจึงไม่ได้ต่อต้านเขา
เกือบจะสิบนาทีและในที่สุด เธอก็สัมผัสได้ว่าริมฝีปากอันนุ่มนวลของเธอถูกเขาสัมผัสอย่างไม่ลดละ เขาหยุดไปเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็กดริมฝีปากอันเย้ายวนลงบนหูของเธอและค่อย ๆ เอ่ยคำพูดที่เขาอัดอันเอาไว้ออกมา “ผมอยากกินคุณทั้งตัวและพาคุณไปทุกที่ที่ผมไป ผมอยากจะขังคุณเอาไว้ในร่างกายของผม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก