พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 59

ทันทีที่เบียงก้าพูดคำว่ามีนัดดูตัว เธอก็ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้เห็นคิวที่คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจของชายผู้นั้นที่ดูน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย

“ปล่อยฉันไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะรั้งฉันเอาไว้!”

ราวกับว่าเธอไม่ได้พูดกับลุค แต่เธอเพียงแค่พูดให้ตัวเองได้ยิน

ลุคเบิกตากว้างในทันที

เบียงก้าถูกกดลงบนขาของชายผู้นั้น เธอเม้มริมฝีปากแน่นในขณะที่เธอแทบจะขาดอากาศหายใจ

หลังจากนั้นไม่นาน มืออันใหญ่โตของชายผู้นั้นที่เอวของเธอก็หลุดออก ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งที่กำลังกุมข้อมือของเธอเอาไว้ก็คลายลง...

เธอถูกปล่อยแล้ว

ในที่สุด เบียงก้าก็เป็นอิสระ ใบหน้าของเธอว่างเปล่า

เธอลุกขึ้นและจัดระเบียบเสื้อผ้าของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมา

แต่เมื่อเธอเปิดประตูรถ ชายผู้นั้นก็โผงผางเข้ามาด้วยอารมณ์ที่หึงหวง เขาลากเธอกลับมา จากนั้น เขาก็โยนเธอลงบนที่นั่งบนรถอีกครั้ง

“ไปดูตัว แต่ทำไมถึงนุ่งน้อยห่มน้อยแบนนี้ล่ะ? นี่เป็นแผนการของคุณเพื่อการยั่วยวนผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?” ลุคพูดจาข่มขู่เธอ

ดวงตาที่สับสนของชายผู้นั้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่ตื่นตระหนกของเธอ

เบียงก้าได้ยินคำพูดที่ขุ่นเคืองเหล่านั้น

เธอกำลังสวมใส่กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตแขนยาว และก่อนที่เธอจะออกมา นีน่าก็ได้แนะนำเธอว่า ไม่ควรจะให้ความสำคัญกับการนัดดูตัวมากเกินไป และในตอนนี้เบียงก้าก็ดูราวกับสาวสูงวัยที่อยู่ในชุดอนุรักษ์นิยม

นับตั้งแต่ที่เธอได้รู้ว่าพ่อของเธอเป็นมะเร็งปอด เบียงก้าก็ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย

และถ้าหากว่าชายที่เธอนัดพบสนใจเพียงแค่ภาพลักษณ์ของเธอ บางทีเขาผู้นั้น ก็อาจจะไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมของเธอ

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในชุดดังกล่าว ลุคก็ยังมองว่าเธอกำลังใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น

หรืออีกในความหมายหนึ่ง เขากำลังบอกว่าเธอแต่งตัวเหมือนผู้หญิงอย่างว่า

“บางที คุณอาจจะต้องไปพบจิตแพทย์บ้างนะ คุณครอว์ฟอร์ด คุณจะคงไม่ได้เห็นใครที่แต่งตัวอนุรักษ์นิยมได้มากกว่าฉันอีกแล้ว ส่วนไหนของชุดนี้ที่แสดงถึงการยั่วยวนผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?” เบียงก้าพูดอย่างเย้ยหยันและมองดูเขาด้วยอารมณ์ที่หดหู่

ท่าทีของลุคเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ลึกลงไปภายในใจ เขายอมรับว่าเบียงก้าแต่งตัวได้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้แสดงเนื้อหนังของร่างกายของเธอออกมา แต่ความรู้สึกของเขานั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาในตัวเธอ…

“ถ้าผู้ชายคนนั้นได้เห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ แล้วเขายังหลงใหลในตัวฉันอยู่ ฉันเกรงว่านั่นคงจะไม่ใช่ปัญหาของฉันแล้ว” เบียงก้ายังคงเย้ยหยันกับความคิดของลุคมีที่บอกว่าเธอสวมใส่น้อยชิ้น

“แต่งตัวยังไงก็แล้วแต่เถอะ แต่ยังไงคุณก็ยังเป็นคนที่ใจไม่ซื่อเองอยู่ดี” ลุคตอบเธอหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดที่เฉียบขาดของเธอเป็นครั้งแรก

จนทำให้เขาอยากจะลงโทษเธอ เขาจึงก้มหน้าลงและจูบเข้าที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง

“คุณ…” จูบนั้นรวดเร็วจนทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน

ปากของเธอแทบจะบวมไปกับการถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เธอไม่รู้เลยว่าการจูบระหว่างชายและหญิงของเขาจะรุนแรงได้ถึงเพียงนี้ ในช่วงเวลาอันสั้น เธอรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ดุร้ายที่ไม่เหมือนกับผู้ชายทั่วไป

กลิ่นเลือดจาง ๆ แทรกซึมออกมา แต่ลุคกลับรู้สึกว่ามันหวานและอร่อย

ชายคนนั้นใช้ลิ้นของเขาลิ้มรสเนื้ออันอ่อนนุ่มในปากของเธอ

บรรยากาศภายในรถร้อนระอุ เปลวไฟได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง

เขาค่อย ๆ ปรับที่นั่งภายในรถที่เบียงก้านั่งลง เธอบิดตัวไปมาและพยายามขัดขืน

“คุณอยากให้ผมทำมากกว่านี้ไหม?… มันยังตื่นเต้นไม่พอสำหรับคุณใช่ไหม?…คุณต้องการให้ผมแสดงความเร่าร้อนออกมาให้มากกว่านี้รึเปล่า?” ลุคหายใจหอบอย่างรุนแรง เขาเกรงว่าการต่อต้านของเธอจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้และทำทุกอย่างที่เขาต้องการภายในรถ

เบียงก้าเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เป็นประกายของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวแค่ไหน

เธอกลัวว่าเธอจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้

เวลาของการนัดดูตัวใกล้เข้ามาแล้ว

เธอไม่ต้องการเกินเวลานัดไป สำหรับการนัดดูตัวที่พ่อของเธอแนะนำ

เพื่อให้พ่อของเธอยอมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ดังนั้น เธอจึงเต็มใจทำทุกอย่าง

เบียงก้าเป็นคนตรงไปตรงมา เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยประสบกับปัญหาชีวิตที่เลวร้าย เธอจึงรู้ดีว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญกับเธออีกต่อไป เช่นเดียวกับที่เธอเคยประสบเมื่อห้าปีก่อน

พ่อของเธอกำลังจะตาย ดังนั้น ความบริสุทธิ์ทางร่างกายของเธอจึงไม่สำคัญ เมื่อเทียบกับชีวิตอันมีค่าของพ่อของเธอ

พ่อแม่เป็นผู้ให้ชีวิตแก่ลูก

เธอเกลียดแม่ของเธอ และเธอก็รู้สึกขอบคุณพ่อของเธอ

พ่อของเธอเสียสละเพื่อเธอมาตลอด และเธอก็เข้าใจพ่อของเธอผิดโดยที่เธอไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงเลย เธอไม่รู้ว่าเธอจะทวงถ้อยคำที่โหดร้ายที่เธอเคยต่อว่าพ่อของเธอทางโทรศัพท์กลับคืนมาได้อย่างไร

“ทำไมอยู่ ๆ ถึงไปนัดดูตัว?” ลุคคิดแค่ว่าเธอต้องการรีบหาคนใหม่หลังจากที่เธอเลิกกับฌองแล้ว

เบียงก้าส่ายหน้าและไม่ได้ตอบคำถามของเขา

“อื้ม…” ริมฝีปากของเธอถูกกดทับอีกครั้งและลิ้นของพวกเขาก็พันกัน ร่างกายที่ทับซ้อนกันของพวกเขาไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีก หน้าอกของพวกเขาถูกกดทับเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา

ลุคลิ้มรสริมฝีปากของเธอโดยใช้ปลายลิ้นของเขาสัมผัสที่ริมฝีปากสีชมพูของเธอ เขาถามเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ผมจะถามคุณอีกครั้ง ทำไมคุณถึงไปนัดดูตัว?”

เบียงก้ามองดูเขาอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วเธอก็พูดไม่ออก

“ดูเหมือนว่าผมจะยังป้อนคุณไม่เพียงพอ ดวงตาของคุณดูหิวโหยหาจริง ๆ…” ลุคจูบเธอและเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเธอออก เม็ดแรก เม็ดที่สอง และเลื่อนลงต่อไปด้วยมืออันใหญ่โตของเขา

“อืม…ฉัน…อื้ม…ฉันจะบอก…”

เธอดิ้นรนเพราะเธอไม่สามารถทนต่อความหวั่นไหวที่เกิดจากการสัมผัสโดยนิ้วของเขาได้

ชายผู้นั้นจึงหยุดการกระทำของเขา เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้งว่า “ทำไมคุณถึงไปนัดดูตัว?”

เบียงก้าถอนหายใจยาว เธอรู้สึกว่าเธอหายใจสะดวกขึ้น

เธอบอกเขาว่า พ่อของเธอเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายและเขาก็ได้ปิดบังเรื่องนี้กับเธอ พ่อของเธอกังวลว่าเธอจะต้องอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ดังนั้น เขาจึงต้องการหาสามีที่ดีให้กับเธอ

เมื่อหลังของเธอติดอยู่กับเบาะรถ เธอก็พบว่ามันยากที่จะหลบหนี ระยะห่างระหว่างเธอกับร่างของลุคนั้นน้อยกว่าหนึ่งเซ็นติเมตร และลมหายใจที่เร่าร้อนของเขาก็พ่นออกมาที่ริมฝีปากของเธอ

"คุณจะต้องไปด้วยเหรอ?"

“ใช่ ฉันจะต้องไปแล้ว” เธอพูดอย่างเคร่งขรึมในขณะที่เธอหลับตาลง

ลุคก้มหน้าลง เขาจับที่ริมฝีปากของเธอและสัมผัสที่ลิ้นของเธออีกครั้ง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ผู้ชายคนที่คุณไปนัดดูตัวด้วย เขาจะสามารถดึงดูดใจคุณได้มากกว่าผมรึเปล่า?”

เบียงก้ารู้สึกบวมที่โคนลิ้นของเธอ เธอจึงลืมตาขึ้นมองดูเขา ถ้าหากว่าเขาเป็นผู้ชายของเธอและพวกเขาทำแบบนี้ทุกวัน เขาก็คงจะกลืนกินเธอจนเธอไม่เหลืออะไรแล้ว

แม้แต่การจูบก็ยังเจ็บปวด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าพวกเขาทำมากกว่านั้น...

เธอส่ายหน้าและสาปแช่งตัวเองอยู่ภายในใจที่ปล่อยให้จินตนาการเหล่านั้นปรากฎขึ้นมา

“เขาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนอย่างคุณ นั่นเป็นข้อได้เปรียบของคุณ” เบียงก้าตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา “ฉันยังไม่เคยเจอเขา ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้อะไรมาก”

ลุครู้สึกงุนงงกับสิ่งนี้ “แล้วความร่ำรวยมันเป็นบาปเหรอ?”

หัวใจของเบียงก้าเริ่มเต้นแรง เธอตอบด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “บางทีอาจจะใช่ เพราะอย่างน้อย การมีเงินก็เป็นบาปต่อพ่อของฉัน พ่อของฉันเกลียดคนรวย”

“ทำไมเขาถึงเกลียดคนรวยล่ะ?” ในฐานะเศรษฐี เขารู้สึกผิดเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ ผู้ชายแบบไหนที่จะไม่มีความทะเยอทะยานในการอยากจะเป็นที่หนึ่งในโลกของธุรกิจกันบ้าง? มันเป็นเป้าหมายที่ทุกคนควรจะต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งความสำเร็จ

เบียงก้าส่ายหน้า เธอไม่อยากพูดถึงเหตุผลที่แท้จริง

หลังจากที่เธอเกิดมา แม่ของเธอก็หนีไปกับเศรษฐีคนหนึ่ง เธอทิ้งสามีกับลูกสาวของเธอไปเพื่อเงิน

เธอไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องราวที่สกปรกของครอบครัวเธอให้ลุคได้รับรู้

เธอกลัวว่าชายผู้นี้จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอด้วยวิธีที่เผด็จการของเขาที่เธอไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้

เขาเป็นราชาแห่งโลกธุรกิจ และทุกอย่างก็อยู่ในกำมือของเขา

เธอจะไม่มีวันชำระหนี้ของเธอกับเขาได้หมด

“สภาพจิตใจของผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายนั้นไม่ดีนัก ก็ได้ ผมจะไปส่งคุณไปนัดดูตัว” ลุคกล่าวขึ้นมาโดยที่เขาไม่ปรึกษาเธอ เขามองดูเธออีกครั้งและพูดว่า “แต่ผมมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ”

เบียงก้าจ้องหน้าเขา

เงื่อนไขอะไร?

“คุณจะต้องจูบผมก่อนสักสิบนาที” มือของชายผู้นั้นแตะที่หน้าผากของเธอก่อนที่เขาจะเลื่อนไปที่ด้านหลังศรีษะของเธอ เขายกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้เธอเริ่มจูบเขาโดยไม่ต้องเขินอาย เขาต้องการให้เธอป้อนริมฝีปากสีแดงของเธอแก่เขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก