เบียงก้าเงยหน้าขึ้นและมองลุคตาไม่กะพริบ
หลังจากช่วงเวลาอันยาวนานผ่านไป ตอนนี้มันรู้สึกราวกับว่านาฬิกาได้หยุดหมุน เธอแทบจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยไม่ได้เลย และอารมณ์ที่เกินบรรยายยังคงปลุกเร้าเธออย่างถึงที่สุด
ภายใต้ขนตายาวและสั่นเทาของเธอ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา
ลุค ครอว์ฟอร์ดคือรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดคนนั้น
ความสงสัยในใจของเธอเมื่อในอดีตแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพที่ประจักษ์ตรงหน้าเธอ
ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเธอเองก็เช่นกัน…
โชคดีที่หลายปีผ่านไป จากสนามของโรงเรียนจนไปสู่สังคมการทำงาน ชุดนักเรียนที่กว้างและหละหลวมไปจนถึงชุดทำงานมืออาชีพ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยังคงได้พบกับชายผู้ครอบครองหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธออยู่เสมอ
น่าเศร้าใจเหลือเกิน ตอนที่เธอออกจากโรงเรียนมัธยมไป ชีวิตเธอไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ควรและเธอก็ชักนำตนเองเข้าไปสู่คำว่ามลทินอีกด้วย
เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน เบียงก้าก็จำจุมพิตอันร้อนแรงที่พวกเขาทำร่วมกันในรถเมื่อไม่นานได้ ทันใดนั้น อารมณ์รุนแรงและเร่าร้อนผุดขึ้นในใจเธอ แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมา
เธอไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
ดูเหมือนว่าเวลาจะหมุนย้อนกลับอยู่ในสมัยที่ทั้งสองยังเรียนมัธยมกันอยู่
“นี่ รุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดจำเบียงก้าได้ยังไงคะเนี้ย!” สาวร่างสูง 1.7 เมตรยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาอย่างสง่างามจ้องมองลุคลงอย่างเย้ายวน
แต่สายตาของชายคนนั้นจับจ้องเบียงก้าเพียงเท่านั้น
แต่แล้ว เพื่อนร่วมชั้นสาวเหลี่ยมจัดหน้าแตกละเอียด เธอเม้มปากและเหลือบมองเบียงก้าที่แต่งตัวเหมือนสาวบ้านนา
ลุคไม่ค่อยพูดอะไร แต่คราวนี้เขามองไปที่เบียงก้าแล้วเอ่ยขึ้น “พี่จำเธอได้สิ พี่จำฤดูร้อนนั้นตอนที่เราเล่นเกมบาสเกตบอลกับโรงเรียนมัธยมอีกแห่งหนึ่งในเขตนั้นได้ นักเรียนหลายคนมาดูการแข่งขันนั้น ช่วงแต้มสุดท้ายของเกม พี่ได้ยินสาว ๆ เชียร์อยู่ข้างหลังเต็มไปหมด พอพี่หันหลังกลับ พี่ก็เห็นว่าเธอเป็นคนที่เชียร์เสียงดังที่สุดเลย"
ใบหน้าของเบียงก้าเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใสทันที
‘มันไม่ใช่แบบนั้นนะ’
'มันไม่ใช่แบบนั้นแน่ ๆ'
เธอมักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นแกล้งอยู่เสมอและหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเธอจะไปดูเพื่อนร่วมชั้นชายแข่งขันบาสเกตบอล สิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดที่เธอทำ คือยืนขอบสนามและไม่เชียร์อยู่ข้างหน้าแน่นอน
คำพูดของลุคทำให้เบียงก้ากลายเป็นจุดสนใจของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมด
“ไม่…ไม่ใช่ฉันแน่ ๆ นะ...” เบียงก้าเหลือบมองเพื่อนร่วมชั้นเก่าของเธออย่างเขินอาย เธอกังวลว่าเธอจะสร้างศัตรูขึ้นมา
...
แพทย์เฉพาะทางที่ได้รับเชิญมาจากต่างประเทศตรวจดูขาของคุณครูคลินตันเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากที่แพทย์เฉพาะทางกลับไปจนหมด คุณครูคลินตันสวมหมวกวันเกิดและเข็นรถไปตรงเค้กวันเกิดก้อนยักษ์
คลอเดียอยู่กับแม่ของตนขณะที่เธออธิษฐานพร้อมกับเป่าเทียนและตัดเค้ก
เมื่อเธอส่งต่อเค้กชิ้นนี้ให้ทุกคน นักเรียนทุกคนอวยพรคุณครูคลินตันและแนะนำตัวอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เบียงก้าได้พบคุณครูคลินตันตั้งแต่เธอจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลาย เธอตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะตลอดเวลาที่เติบโตมา เธอไม่เคยมีแม่ เนื่องจากเธอไม่มีรูปของแม่เลย ความห่วงใยที่เธอได้รับจากคุณครูคนนี้จึงเป็นความรักที่ใกล้เคียงคำว่าแม่ที่สุดแล้ว
พูดตามตรง เธอไม่เคยรู้เลยว่าการสัมผัสความรักที่แท้จริงของแม่เป็นเช่นไร
คลอเดียเข็นรถคุณครูคลินตันออกมาและนั่งตรงโต๊ะชั้นหนึ่งของคฤหาสน์
ทุกคนต่างพากันสนุกสนานกันถ้วนหน้า
“บี ครูดีใจนะที่ชีวิตหนูไปได้ดี” คุณคลินตันจับมือเล็ก ๆ ของเบียงก้าและตบเบา ๆ “หลายปีมานี้ หนูได้พยายามตามหาแม่บ้างไหม?”
หลังจากเบียงก้าได้ยินสิ่งที่คุณครูพูด มือของเธอก็สั่นไหว
"เปล่าค่ะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ" เบียงก้าฝืนยิ้มและมองไปยังคุณครูของตน “แต่หนูคิดว่าแม่คงจะต้องสบายดี และคงไม่อยากให้หนูไปรบกวน”
แต่ความจริงก็คือ เบียงก้าพยายามตามหาเธอตลอด
เบียงก้ายังจำได้ว่าเธอเดินไปตามถนนเพื่อแปะโปสเตอร์คนหายเมื่ออายุได้สิบขวบ เธอเขียนทุกอย่างที่เธอรู้เกี่ยวกับแม่ลงบนโปสเตอร์ แต่สุดท้ายก็ไร้วี่แววของแม่เธอ
เมื่อโตขึ้น เธอย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่และตระหนักว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใด
ไม่มีใครรู้ที่อยู่ที่แน่นอนของแม่เลย
“ไม่ได้ออกตามหาก็ไม่เป็นไรนะเพื่อน” คลอเดียปลอบเธอว่า “แค่กตัญญูกับพ่อเธอให้มาก ๆ การที่เธอเติบโตมาและอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตนเองได้นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว”
ตอนนั้นเธอเป็นเพียงหนอนผีเสื้อผู้น่าสงสาร แต่ตอนนี้เธอสยายปีกกลายเป็นผีเสื้อผู้งดงามไปเสียแล้ว
ช่างรู้สึกปลาบปลื้มใจเสียจริงที่ได้เกิดมาเป็นคุณครู
เมื่อลุคเดินไปหาทั้งสาม เขากำลังถือแก้วน้ำอยู่จากนั้นจึงวางแก้วน้ำนั้นลงตรงหน้าเบียงก้าราวกับเป็นแฟนหนุ่มที่ดูแลเอาใจใส่คู่รักของตนอยู่
ข้างหลังเขาเป็นบริกรมืออาชีพที่ได้รับการว่าจ้างมา
บริกรนำเครื่องดื่มน้ำผลไม้มาวางบนถาดต่อหน้าคุณครูคลินตันและคลอเดีย
ขณะที่คลอเดียดื่มน้ำผลไม้ ดวงตาของเธอก็สลับไปมาระหว่างลุคและเบียงก้า เธอเดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นซับซ้อนกว่าที่เธอรู้มาก
รู้สึกราวกับว่าทั้งสองได้พบกันมาก่อนมางานเลี้ยงนี้
มีชายและหญิงเดินเข้ามาหาทั้งสี่คนด้วย พวกเขาแต่งงานกันและพาเด็กอายุสามขวบมาด้วย พวกเขาทั้งคู่เป็นพนักงานบริษัทที่มีหน้ามีตาในเมือง
ชายคนนั้นยื่นมืออกไปหน้าลุคแล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผมทำงานอยู่ที่บริษัทของคุณด้วยนะครับ”
"สวัสดีครับ" ลุคมักจะพูดจาดีกับคุณที่สุภาพกับเขาเสมอ
ภรรยาของชายคนนั้นก็จับมือกับลุคอย่างสุภาพและจับมือกับเบียงก้าเป็นการทักทาย
พวกสามคนนั่งลงคุยกัน
เด็กน้อยคลานไปที่ขาของเบียงก้า เด็กน้ำลายไหลและดูดนิ้วหัวแม่มือของเขา...
“ลูกฉันต้องคิดว่าคุณเบียงก้าสวยเกินไปแน่ ๆ เลยค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำลายของเด็กวัยหัดเดิน เด็กคนนั้นเดินไปดูดนิ้วหัวแม่มือไปและส่งยิ้มให้เบียงก้า
“ขอโทษนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชอบเด็กน่ะค่ะ” เบียงก้าไม่ได้ว่าอะไรเรื่องนั้น
“คุณแต่งงานแล้วรึคะ? ถ้าแต่งแล้ว ก็ควรรีบมีลูกเป็นของตัวเองได้แล้วนะคะ ขั้นตอนการเลี้ยงลูกนี้เป็นะไรที่สนุกเอาการเลยแหละค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มเบา ๆ ให้เบียงก้า
ลุคเหลือบมองเบียงผู้จดจ่ออยู่กับแก้วน้ำส้มของตน แม้ว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็น แต่เขาก็กุมมือเธอที่ใต้โต๊ะอย่างอ่อนโยน
เบียงก้าดึงมือออกจากฝ่ามืออันแห้งกร้านของเขา เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอรู้สึกสิ้นหวังไม่น้อยเมื่อได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องการคลอดลูกออกมา นอกจากนี้ เธอยังสงสัยว่าลุครู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไรอยู่...
เขาคงอ่านใจเธอไม่ได้หรอก
ชายคนนั้นถามว่า “ลุคครับ ผมได้ยินมาจากคุณครูคลินตันว่าคุณย้ายมาเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแค่ปีเดียวก่อนจะย้ายไปอีกครั้ง”
ลุคพยักหน้าโดยไม่อธิบายเหตุผลที่แท้จริงในการย้ายโรงเรียนของเขา
“ฉันรู้ความลับนั้นนะ...” คลอเดียไม่กลัวว่าแม่ของเธอจะห้ามปรามแต่อย่างใด ทุกคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าการเปิดเผยความลับเมื่อหลายปีก่อนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ฉันได้ยินความลับนี้มาจากลุงที่เป็นอาจารย์ใหญ่สมัยนั้น” คลอเดียมองลุค "รุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดแอบชอบผู้หญิงที่โรงเรียนไง แต่เป็นเพราะว่าคุณลุงเป็นอาจารย์ใหญ่ที่เข้มงวดพอสมควร รุ่นพี่ก็เลยถูกเรียกตัวไปคุยถึงห้องทำงานเลยแหละ!"
ดูเหมือนว่าข่าวลือจะกระจายไปทั่ว
เบียงก้าใจหายอีกครั้งเพราะเหตุผลบางประการ
'เขาแอบชอบผู้หญิง...'
“เท่าที่ฉันจำได้เนี้ยนะ รุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดหัวแข็งเอาการเลยแหละเพราะเขาบอกกับอาจารย์ใหญ่ว่าจะไม่เข้ามายุ่มย่ามกับเธอเลยจนกว่าเธอจะเรียนจบ เขายังสัญญาอีกว่าจะแต่งงานกับเธอหลังจากเรียนจบอีกด้วย” คลอเดียเล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยน้ำเสียงที่กำกวมพลางเหลือบมองเบียงก้า “ลุงฉันก็ตอกกลับไปว่ารุ่นพี่เป็นแค่เด็กมัธยมปลายจะไปรู้ได้ไงว่าความรักเป็นยังไง คุณลุงถึงกับบอกเลยนะว่ารุ่นพี่น่ะเสียใจแน่หลังจากเรียนจบ! แล้วพวกคุณรู้ไหมว่ารุ่นพี่พูดกลับไปว่าไง... รุ่นพี่ก็ตอบกลับไปว่าเขาน่ะคิดเรื่องนี้มานานแล้วและเขาตัดสินใจแล้วว่าอยากจะแต่งงานและมีลูกกับเด็กสาวคนนั้น……”
ลุคไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของคลอเดียเลย
ย้อนกลับไป เมื่อไฟสงครามภายในครอบครัวของเขาดับลง นั่นก็ส่งผลให้เขาผู้ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตนเองได้ต้องถูกส่งตัวไปเรียนที่โรงเรียนในเมืองเล็ก ๆ แต่ก็น่าแปลกที่เขาตกหลุมรักเด็กหญิงคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นรักข้างเดียวเสียด้วย
เขาทำตัวเป็นพวกคนโง่และเป็นไข้ใจอย่างหนักตลอดทั้งปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก