เบียงก้าไม่สามารถทนฟังเรื่องราวได้อีกแล้ว
"ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ" เธอวางแก้วลงแล้วลุกขึ้น
เธอยอมรับ! เธออิจฉา และหึงหวงอย่างมาก
ในช่วงยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา เธอไม่มีความสุขเลยนับตั้งแต่พบว่าแท้จริงชีวิตเป็นอย่างไร เธอไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอมีความสุข สมัยยังเด็ก มื้ออาหารทุกมื้อของเธอช่างเย็นชืดและเธอยังถูกเด็กคนอื่นรังแกอีก และจากนั้นสมัยมัธยมปลาย เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นทั้งล้อเลียนและตำหนิต่าง ๆ นานา
เธอรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยว่าเธอไม่มีสิ่งที่เด็กคนอื่นเขามีกันตอนที่เกิดมา
นั่นคือแม่
หากเป็นสิ่งที่คนอื่นต้องอ้อนวอนและทำงานหนักเพื่อสิ่งนั้น เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางได้สิ่งนั้นมาครอบครอง
เหมือนลุค ครอว์ฟอร์ด
ในที่สุด เธอก็กลายเป็นผู้ใหญ่และถึงวัยที่ทุกคนบอกว่าเป็นวัยแห่งอิสระและเสรีภาพ เธอไม่เคยรู้สึกถึงอิสระหรือความสุขจากสิ่งเหล่านั้นเลย ทั้งหมดที่เธอมีก็เป็นเพียงโซ่ตรวนแห่งความจริงอันโหดร้ายเพียงเท่านั้น
‘เบียงก้า ชาติที่แล้ว เธอคงทำบาปทำกรรมเอาไว้หนักหนาพอตัวสินะ
‘นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อไถ่บาปที่ผ่านมาของเธอในชีวิตนี้’
ในคฤหาสน์มีห้องน้ำอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นลานบ้าน ชั้นหนึ่ง หรือชั้นสอง
ที่จริงแล้วเบียงก้าแค่อยากจะล้างมือ
ห้องน้ำในลานบ้านถูกครอบครองโดยเพื่อนร่วมชั้นหญิงสองสามคนที่เธอไม่รู้จัก เมื่อเบียงก้าเดินผ่าน เพื่อนร่วมชั้นก็เอ่ยว่า “เร็วเข้า ถ่ายรูปฉันในห้องน้ำนี้ให้หน่อยสิ มาถ่ายรูปกันอีกสักสองสามภาพแล้วโพสต์บนเวย์ปั๋ว ดาราดังอย่างซินดี้ยังเคยได้กับแฟนหนุ่มที่นี่เลยนะเธอ”
การได้ร่วมห้องน้ำกับดาราหญิงจากภาพยนตร์ระดับแนวหน้าทำให้พวกเธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
เบียงก้าไม่ต้องการรบกวนพวกเธอจึงหันหลังกลับ
มีห้องน้ำอยู่ที่ชั้นหนึ่งและชั้นสอง
แม้จะยังมีคนอยู่บนห้องน้ำชั้นหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นหญิงของเธอบางคนกำลังแต่งหน้า เบียงก้าติดต่อพูดคุยกับพวกเธอน้อยมากในช่วงที่เธอเรียนหนังสือ และเธอไม่อยากนึกถึงพวกเขา สิ่งเดียวที่เธอจำได้ก็คือการที่พวกเธอเหล่านั้นทึ้งผมและทุบตีเธอ
วันเวลาทำให้ทุกอย่างเจือจางลงไปและเบียงก้าก็ไม่รู้สึกอยากหวนคิดถึงความเจ็บปวดนั้นอีก
โรงเรียนมัธยมต้น มัธยมปลาย วิทยาลัย และชีวิตการทำงานของพวกเขาโลดโผนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงลืมไปนานแล้วว่าสมัยเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมและมัธยมต้น พวกตนเคยกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งที่ไม่มีแม่ไว้อย่างไรบ้าง
ขณะที่เธอยืนอยู่ในห้องน้ำบนชั้นสอง เบียงก้ามองแก้มที่ซีดเซียวของเธอในกระจกและหลับตาลง
โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากพ่อของเธอเอง
“พ่อคะ ทำไมพ่อยังไม่นอนอีกล่ะคะ?” เสียงของเบียงก้าแหบแห้งเล็กน้อย
เควินตั้งใจจะถามเรื่องนัดดูตัว
“พ่อคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่กับชาวต่างชาติคนนั้นนะคะ อีกอย่างเขาก็กระเหี้ยนกระหือรือเกินไปด้วย เขาสารภาพกับหนูว่าเขาตกหลุมรักหนูตั้งแต่แรกพบ แถมบอกว่าหลังจากแต่งงานเรียบร้อย ให้หนูไปใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่ต่างประเทศอีก" เบียงก้าเอนกายลงพิงอ่างล้างหน้า เธอก้มหน้าลง "น่าเชื่อตายแหละค่ะ"
พ่อที่ปฏิบัติต่อเธออย่างอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง
เควินถอนหายใจ “พ่อผิดเองแหละลูก เพื่อนเก่าพ่อเขาแนะนำผู้ชายคนนั้นเอง พ่อผิดเองที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นให้ดีเสียก่อนก่อนที่จะปล่อยให้เขาเจอกับลูกแบบนี้ หลังจากที่ได้ฟังลูกเล่ามาแบบนั้น พ่อก็คิดว่าคนแบบนั้นก็ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่เจอหน้ากันเฉย ๆ ค่ะ" เธอไม่อยากให้พ่อฝืนตัวเองมากเกินไป
หลังจากที่พ่อลูกวางสาย เควินก็โทรหาอลิสัน
อลิสันกำลังเล่นไพ่นกกระจอกที่บ้าน เมื่อเธอเห็นโทรศัพท์ดังขึ้น หลังจากเห็นหมายเลขโทรศัพท์ปรากฏขึ้นมา ใบหน้าของเธอก็เย็นชาลงทันที
“ฉันต้องรับสายนี้ อีกแป๊บนะ! เล่นกันไปก่อนเลยก็ได้!” อลิสันยืนขึ้นอย่างสง่างามพร้อมสวมผ้าคลุมไหล่หลุยส์วิตตองและเดินออกจากห้องที่ไพ่นกกระจอก
ณ ส่วนท้ายของทางเดินของคฤหาสน์ อลิสันรับสายและถามเสียงอันแผ่วเบาว่า “ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าโทรหาไง อย่าให้ฉันต้องเปลี่ยนเบอร์โทรหนีอีกนะ”
“คุณแนะนำผู้ชายแบบไหนกับลูกสาวของฉันเนี้ย? เขาดันสารภาพรักทันทีที่เจอหน้ากันเลย! แล้วเรื่องแต่งงานและย้ายไปต่างประเทศหลังจากแต่งงานมันเรื่องบ้าอะไร! อลิสัน สติไม่ดีแล้วรึไง?!" มะเร็งปอดของเควินทำให้เขารู้แน่นหน้าอก และเมื่อเขาตวาดใส่เธอ เสียงของเขาก็แหบมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก