พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 64

หญิงสาวทุกคนหลงรักกับคำสารภาพเช่นนี้แน่นอน

จากจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ หญิงสาวคนหนึ่งไม่ต้องการอะไรนอกจากความเอาใจใส่และความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย

เบียงก้ารู้ดีว่าลุคคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด และหญิงสาวที่เขาจะแต่งงานด้วยต้องมีสถานะชั้นชนสูงที่ทัดเทียมกับเขาด้วยเช่นกัน

น่าเสียดายที่เธอไม่ได้มีฐานะทางครอบครัวที่เป็นเช่นนั้นเลย

ดังนั้นแล้ว เส้นทางแห่งความรักของพวกเขาจึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่มีทางมาบรรจบกัน

หากคำสารภาพเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีก่อน เรื่องทุกอย่างก็คงจะจบลงด้วยการเลิกราเพราะเขาอยู่ในวัยที่จำเป็นต้องเชื่อฟังพ่อแม่และยังไม่มีอิสระมากพอ มีคนที่เกี่ยวข้องมากเกินไปและมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไป

ถ้าเช่นนั้น ความรักของทั้งสองก็รังแต่จะทรมานพวกเขาเพียงเท่านั้น

ถึงกระนั้น พวกเขาอาจสานสัมพันธ์ความรักของทั้งสองไปอย่างลับ ๆ ก็ได้

แม้ว่าความรักแบบนั้นจะเหน็ดเหนื่อย แม้จะแข็งแกร่งตั้งแต่แรก แต่ความเป็นจริงข้อนี้คงจะบดบี้ให้พวกเขากลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย สิ่งที่เหล่านี้จึงทำให้พวกเขานั้นมีแต่ก้มหน้ายอมจำนนและเดินไปตามทางของตนเพียงเท่านั้น

คงหลงเหลือเพียงแต่บาดแผลบาดลึกที่ถูกสลักบนจิตวิญญาณของทั้งสองซึ่งไร้ที่พักพิง และไม่ว่าน้ำตาจะไหลรินเพียงเท่าใดก็ไม่สามารถสมานแผลใจของทั้งสองได้เลย

ถึงกระนั้น ลุค ครอว์ฟอร์ดในวันนี้แตกต่างไปจากตัวตนของเขาในอดีต

เขาครอบครองสิ่งที่เรียกว่าอำนาจ วุฒิภาวะ และความมั่นคง ด้านหนึ่ง เขาครอบครองบริษัททีคอร์ปอเรชั่นไว้อย่างเบ็ดเสร็จ นั่นหมายความว่าอำนาจของเขาอยู่เหนือทุกสิ่งและทุกคนไม่ว่าจะเมื่อใด นอกจากนี้ ยังหมายความว่าวงศ์ตระกูลต้องพึ่งพาเขา

มาลัยเสี่ยงทายอยู่ในมือของเขาแล้ว และเขามีสิทธิโดยชอบธรรมจะเลือกคู่ครองของตน

"ขอบคุณ…"

เธอไม่รู้ว่าทำไมสองคำนี้ถึงเปล่งออกมาจากริมฝีปากเธอ

เบียงก้าจูบเขากลับแต่การเคลื่อนไหวของเธอกระตุกและไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก

น้ำตาของเธอเริ่มไหลรินโดยไม่รู้ตัว

ลุคสามารถลิ้มรสความเค็มจากน้ำตาของเธอได้ เขาลืมตาขึ้นมองเธอ

เบียงก้ายังไม่กล้าสบตาเขา

เขายกสันกรามสีซีดและละเอียดอ่อนของเธอขึ้นเล็กน้อย และบังคับให้เธอสบสายตาอันดุดันของเขา

หัวใจของเบียงก้าเต้นระรัว หลังจากที่ดวงตาของเธอปรับให้เข้ากับความมืดของห้องได้ เธอก็มองเห็นแววตาของนักล่าชัยชนะได้ชัดเจน ร่างกายที่ดูเป็นผู้ใหญ่และเสน่ห์อันทรงพลังทำให้ผู้คนหน้ามืดตามัว

เสน่ห์ของชายหนุ่มคนนั้นเหลือล้นและเขาก็หอมแก้มเธอ “คุณร้องไห้ทำไม?”

ดวงตาของเบียงก้าเปล่งประกายและเธอค่อย ๆ ส่ายศีรษะ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะชอบคนอย่างฉัน” เธอรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรคู่ควรกับความรักจากเขา

ความปีติยินดีพวยพุ่งมาหาเธออย่างไม่ทันรู้ตัวและเหมือนทุกอย่างตอนนี้เป็นดั่งฝัน แม้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง แต่เธอก็ยังกลัวว่าเรื่องทั้งหมดในตอนนี้จะกลายเป็นความฝันไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว

หากเป็นความความฝัน มันคงเป็นฝันที่เธอคงไม่อยากตื่น

เธอจะไม่เสียใจเลยถึงแม้จะต้องตายในความฝันเช่นนั้น

จุมพิตครั้งต่อไปของชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของ ความหยิ่งทะนง ความดุร้ายยิ่งขึ้น เขาต้องการบอกให้เธอรู้ว่าเขามีอยู่จริงและวิญญาณของเขาถูกเธอปลุกเร้าจนร้อนเป็นไฟ และเพลิงในใจยังเผาไหม้อยู่

ชายหนุ่มกระเหี้ยนกระหือรือเช่นก่อนหน้า

จุมพิตของเขายาวนานและอ้อยอิ่งจนกระทั่งเธอครางในลำคอและส่ายหน้าไปมา

เบียงก้าไม่คู่ควรกับเขา

ลุคก็กลัวเช่นกันว่าจะทำให้เธอหวาดกลัวและจบลงด้วยจุมพิตอันอ่อนโยน เขาเลียริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยนราวกับว่าเป็นการปลอบประโลมริมฝีปากอันบอบช้ำของเธอ

เมื่อทั้งสองลงไปข้างล่าง เธอยืนรออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตามเขาลงมา

เบียงก้ากังวลและขอให้เขารอสักสิบนาทีก่อนที่จะตามลงไป เธอกลัวว่าคนจะนินทาว่าทั้งสองคนเดินไปด้วยกัน

แม้ว่าลุคจะไม่สนใจและต้องการเปิดเผยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่เขาก็เข้าใจดี เพื่อที่จะไม่ทำให้ชีวิตเธอเดือดร้อน เขาจึงต้องค่อยเป็นค่อยไปกับเธอในเวลานี้

เบียงก้าลงไปข้างล่าง อย่างแรก เธอบอกลาคุณครูคลินตันและคลอเดีย และจากนั้นก็ลาเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนที่เพิ่งพบ และสุดท้ายก็ออกจากงานปาร์ตี้ในคฤหาสน์ไป

“เธอแน่ใจเหรอว่าไม่อยากให้ฉันไปส่งเธอกลับบ้านน่ะ? นี่แม่กระต่ายน้อย เธอไม่กลัวรึไงว่าตอนขากลับ จะมีเจ้าหมาป่าตัวใหญ่รอขย้ำเธออยู่เหรอ?” คลอเดียพาเธอไปที่ประตูทางเข้าพลางล้อเล่นกับเธอ

เบียงก้า "..."

“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว...” คลอเดียเลิกคิ้วและหยอกล้อเบียงก้า

คลอเดียคงเดาได้ว่าเบียงก้าเขินอาย

ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงระเรื่อ

ลุคยืนอยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์ เมื่อเขาเห็นเบียงก้าจากไป เขาก็ขมวดคิ้วและค่อย ๆ จ้องมองเวลาในนาฬิกา

สิบนาทีหลังจากนั้น เขาก็ลงไปข้างล่าง

หลังจากที่บอกลาคุณครูคลินตันแล้ว เขาก็จัดเตรียมคนขับรถไปส่งครูของเขากลับบ้าน

หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็สตาร์ทรถ

ผู้หญิงบางคนทะเยอทะยานต้องการลองคุยกับผู้ชายที่กำลังจะจากไปสักคำสองคำ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ การแนะนำตัว หรือแม้แต่การขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว

แต่ชายผู้นั้นเย็นชาเกินไปและไม่มีใครกล้าที่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้

รถแลนด์โรเวอร์ตรงดิ่งออกไปจากคฤหาสน์

เบียงก้าอยู่ห่างจากคฤหาสน์หลายสิบเมตรเมื่อเธอเห็นรถกำลังวิ่งเข้าหาเธอ

รถหยุดลงและชายคนหนึ่งลงจากรถไป

“ฉันกลับบ้านเองได้ คุณก็รู้นิ” เบียงก้ายังไม่คุ้นเคยกับความเอาใจใส่ของเขาเลย

ลุคเปิดประตูรถให้เธอและช่วยพาเธอเข้าไปในรถ

มือใหญ่ของเขาโอบเอวเธอไว้เพราะกลัวว่าเธอจะชนกับอะไรเข้า เขาคอยดูแลเธอราวกับว่าเขากำลังดูแลเด็กผู้หญิงตัวน้อย

หลังจากที่นั่งลงแล้ว เธอก็หันไปมองเขา

ลุคยืนอยู่นอกรถด้วยขาที่เรียวยาวและรูปร่างอันสมบูรณ์แบบ เขาเอื้อมมือไปทางด้านหลังศีรษะและจูบริมฝีปากของเธอ

'หา ทำไมเขาถึงได้...'

เบียงก้าหลับตาและยอมรับจูบนี้ของเขา

หลังจากจูบนั้นจบลง ลุคเดินไปรอบรถและกลับไปตรงที่นั่งคนขับ เขาเปิดประตูเข้าไปในรถและขาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ จากนั้นเขาใช้มือข้างหนึ่งบังคับพวงมาลัยอย่างชำนาญ ขณะที่อีกมือจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้และขับรถออกไป

ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร

เบียงก้ารู้สึกถึงอุณหภูมิจากฝ่ามืออันร้อนระอุของเขา มันทำให้หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น

เมื่อรถหยุดอยู่ตรงไฟแดง ดวงตาของเธอก็จับจ้องอยู่ข้างหน้า

'เอาแบบนี้ จริง ๆ เหรอ?'

ผ่านไปนาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงละแวกบ้าน และเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ลุคขับรถเข้าไปในละแวกบ้านและจอดรถที่ทางเข้าอาคารที่เธออาศัยอยู่ เขาต้องการที่จะอยู่กับเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการแยกจากเธอเพราะทุกวินาทีที่ไม่มีเธอมันเหมือนถูกทรมาน

"ฉันจะขึ้นไปแล้วนะ กลับดี ๆ นะคะ” เบียงก้ากล่าวด้วยใบหน้าซีดขาวของเธอ

"อย่าเพิ่งไป"

มือใหญ่ของลุคไม่ยอมปล่อยมือ ภายในรถ มีเพียงความมืดสลัวมากเพราะเขาไม่ยอมเปิดไฟ เขาเกรงว่าเธอจะรู้สึกอายไป

หัวใจของเบียงก้าเต้นแรง

'คุณจะทำอะไร ทำไมคุณยังไม่กลับอีก?’

เธอไม่มีเคยประสบพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน

แม้แต่ตอนที่อยู่กับฌอง เธอก็ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้กับเขา

โทรศัพท์ของเบียงก้าดังขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

“ฉัน ฉันต้องรับสายค่ะ”

เธอดึงมือออกพร้อมกับใบหน้าสีแดงระเรื่อ

นีน่ามองลงมาจากตรงระเบียงห้อง “บี ฉันเห็นรถจอดอยู่ข้างล่างน่ะ แล้วก็เห็นเงาเล็ก ๆ ในรถผ่านกระจกหน้ารถด้วย มีแสงส่องผ่านเข้าไปเล็กน้อย ฉันก็เลยสังเกตว่าคนคนนั้นดูเหมือนเธอมากเลย ใช่รถของผู้ชายที่เธอไปนัดบอดด้วยรึเปล่า? เจ้าคนนั้นมันกำลังทำเรื่องตลก ๆ อย่างเช่นบอกว่าอย่าเพิ่งลงจากรถใช่ไหม? ถ้าใช่ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

“เปล่า ไม่เป็นไร! ฉันจะขึ้นไปแล้ว!” เมื่อเบียงก้าวางสาย เธอพยักหน้าเพื่อบอกลาชายในรถ

เธอเปิดประตูและลงจากรถด้วยความตื่นตระหนก

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

บลองช์และเรนนี่นั่งบนโซฟาขณะจ้องมองพ่อที่กลับมาแต่เช้าตรู่ด้วยอารมณ์ดีผิดปกติ

“คุณหลับอยู่รึเปล่า?” ลุคนั่งตรงปลายโซฟา มือถือโทรศัพท์พร้อมกับส่งข้อความหาเบียงก้า

“พ่อครับ ทำอะไรอยู่?” ลานี่สงสัยว่าผีสางนางไม้ตนใดเข้าสิงพ่อของตนเพราะว่าวันนี้เขาดูอ่อนโยนผิดปกติ

'วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกรึเปล่านะ?'

ลุคเมินเฉยคำถามของลูกชายขณะที่เห็นคำตอบกลับของเบียงก้าว่า “ฉันยังไม่หลับค่ะ แล้วคุณล่ะคะ?”

"ฉันก็ไม่ยังเหมือนกัน" ชายคนนั้นรีบตอบ

จากนั้น ทุกอย่างก็เงียบ

ไม่มีข้อความในโทรศัพท์อีกต่อไป

เบียงก้าเขินอายและไม่รู้ว่าควรจะพิมพ์อะไรตอบกลับดี

ลุคต้องการยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เด็ดขาด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ตอบตกลง ผมพร้อมจะเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายคุณไปตลอดชีวิตนะ”

เขาพิมพ์เสร็จและส่งข้อความออกไปอย่างระมัดระวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก