ระหว่างทางไปบ้านของลุงลุค ลุค ลานี่ และเรนนี่ ครอบครัวสามคน รวมทั้งเบียงก้ารับประทานอาหารเช้า ณ ร้านแห่งหนึ่ง
เบียงก้าเขินอายอย่างมากเพราะเธอรู้สึกว่าลุคกับเธอดูไม่เหมาะสมกันเลย
โชคดีที่เธอสวมชุดทำงานในวันนั้น เธอกังวลว่าพอถึงเวลาทำงานหลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น เธอจะไม่มีเวลากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เธอหวังเพียงว่า หากมีใครเผลอมองมา ก็ขอให้พวกเขาคิดว่าเธอเป็นเลขาสาวของลุคก็พอ
เบียงก้าสังเกตว่าลานี่และเรนนี่ดูเหมือนกลัวพ่อของพวกเขามาก
เมื่อพ่อไปเข้าห้องน้ำ เรนนี่กินแยมสตรอว์เบอร์รีเต็มปากแล้วบ่นว่า “น้าบีคะ พ่อทำเหมือนเด็กยังไม่โตเลยอะ พ่อน่ะทำให้หนูร้องไห้ตลอดเลย”
“พี่ชายเก่งกว่าหนูตั้งเยอะ พี่เข้มแข็งกว่าหนู พี่ก็เลยไม่เคยร้องไห้เพราะพ่อเลยสักครั้ง”
ลานี่พยักหน้าเห็นด้วย “พ่ออารมณ์ไม่ดีและไม่ชอบพูดคุยกับคนอื่น เราแค่อยากดูแลปัญหาจิตใจของพ่อจริง ๆ แต่ดูเหมือนพ่อจะไม่เคยยอมรับว่าพ่อป่วยเลย”
เบียงก้าหัวเราะและเช็ดปากของเรนนี่ที่ติดมีแยมไปทั่ว
เมื่อลุคกลับมาจากห้องน้ำและเห็นบรรยากาศที่เป็นกันเองในโต๊ะอาหาร เขาจึงเอ่ยถามด้วยความอิจฉา "คุยอะไรกันอยู่น่ะ? ทั้งสามคนดูมีความสุขกันมากเลยนะ"
“เฮ้อ พอพ่อกลับมา ความสุขของเราได้หายไปแล้ว…” ฉับ~ เรนนี่เฉือนขนมปังชิ้นหนึ่งด้วยช้อน “หนูบอกน้าบีว่าพ่อทำหนูร้องไห้ไปกี่ครั้งแล้ว”
“น้าบีคะ อย่าเป็นแฟนของพ่อเลยนะ ถ้าน้าบีแต่งงานกับพ่อไป หนูรับรองว่าน้าบีต้องร้องไห้แง ๆ เพราะพ่อนับครั้งไม่ถ้วนแน่เลย” เรนนี่แสดงท่าทีมั่นใจและเกลี้ยกล่อมเธออย่างเศร้าสร้อย
เบียงก้าพยักหน้าอย่างว่าง่าย “จ้ะ”
ลุคจิบนมร้อน อุณหภูมิอุ่นกำลังพอดี พนักงานเสิร์ฟนำนมร้อนมาเสิร์ฟให้เบียงก้าลุคเอื้อมมือไปสลับแก้วแล้วเอ่ยว่า "ดื่มถ้วยของผมสิ มันไม่ร้อนเกินไป"
เบียงก้า "..."
ลานี่และเรนนี่มองหน้ากัน
'พ่อกำลังดูแลน้าบีอยู่เหรอ?'
'นี่หมายความว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นจริง ๆ น่ะสิ?'
ในบางครั้ง มันให้รู้สึกราวกับว่าพ่อของเด็กน้อยทั้งสองถูกผีเข้าอย่างไรอย่างนั้น เขาสามารถดูมีความสุขพร้อมกับโกรธไปด้วยได้ คนละขั้วเลย
...
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง พวกเขาก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จ
เด็กน้อยสองคนเดินนำหน้าไปก่อนพร้อมถือกระเป๋านักเรียนใบเล็ก ๆ ไปด้วย เรนนี่พิงพี่ชายของเธอพร้อมกระซิบที่หูของเขา
ลุคโอบเอวเบียงก้าจากด้านหลัง มันไม่ได้สนิทสนมจนเกินงามแต่คนนอกอาจมองว่าเขาเป็นแฟนหนุ่มของเธอก็ได้
เบียงก้ารู้สึกอึดอัด
"อย่าทำแบบนี้สิคะ" เธอพยายามออกห่างจากตัวจากเขาเพราะเธอกังวลว่าจะมีคนเห็น
เธอไม่ได้หมายความตามนั้นจริง ๆ แต่สำหรับลุคแล้ว นี่อาจเป็นเรื่องที่สังคมยากที่จะยอมรับก็ได้
มีสายตานับล้านจับตามองทุกย่างก้าวของลุคอยู่ พวกนักข่าวตาดีไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะเขาใสสะอาดอยู่เสมอและดูแลภาพลักษณ์ของเขาได้ดี แม้ว่าพวกเขาจะติดตามเขามาหลายปี แต่พวกเขาก็อาจไม่ได้ภาพสำหรับทำข่าวหนังสือพิมพ์เลย
แต่อย่างไรก็ดี จากนี้ไปทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
เบียงก้ากังวลว่าเธอจะกลายเป็นตัวปัญหาของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชน
“อย่าทำแบบนี้เหรอ?” ลุคเดินไปกับเธอ ห่างจากเด็ก ๆ สองเมตร เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าคุณนอนกับผมเมื่อไหร่ คุณค่อยพูดแบบนี้ก็แล้วกันนะ”
เบียงก้า "..."
ที่จอดรถอยู่ห่างจากร้านอาหารพอสมควร
เบียงก้าไม่ต้องการให้เขาหยอกล้อเธอ เธอพูดอย่างจริงจังว่า “รู้ตัวไหมว่าคุณทำให้เรนนี่กลัวมากเลยนะ? เรนนี่เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ถ้าคุณยังขืนทำตัวน่ากลัวแบบนี้กับเรนนี่อีก พอโตไป เธออาจมีปัญหาร้ายแรงก็ได้นะ”
“เจ้าตัวเล็กก็พูดจากตามประสาเด็กนั่นแหละ” ใบหน้าของลุคบอกว่าเขาไม่เคยทำให้ลูกสาวกลัวเลย
'ก็ได้ เบียงก้ารู้เรื่องนี้แล้ว'
โดยปกติ ผู้ชายมักจะดูเย็นชาเว้นเสียแต่ว่าเขาจะหัวเราะออก แต่สำหรับชายคนนี้คงเป็นเรื่องยากน่าดูชม
ลุคจำสิ่งที่ลูกสาวของเขาพูดกับเบียงก้าได้ในตอนนี้ว่า “น้าบีคะ อย่าเป็นแฟนของพ่อเลยนะ ถ้าน้าบีแต่งงานกับพ่อไป หนูรับรองว่าน้าบีต้องร้องไห้แง ๆ เพราะพ่อนับครั้งไม่ถ้วนแน่เลย”
“อย่าฟังเรื่องไร้สาระของเรนนี่เลยนะ ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้ แต่ถ้าอยู่บนเตียง นั่นไม่นับนะ” ลุคหยอกล้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก