ได้ยินเสียงตบหน้าที่ดังฟังชัด แอนนาแผดเสียงออกมาในทันที “ตายแล้ว ลูก! กล้าดียังไงกัน มาตบน้องสะใภ้ของลูก?! ถ้ามีผลต่อเด็กในท้องใครจะรับผิดชอบ?”
“หนูยอมตายดีกว่า ถ้าจะให้คลอดเด็กคนนี้ออกมา…”
น้ำตาที่มาลีหลั่งรินออกอาจเป็นของจริงหรือบางทีเธออาจจะแค่แกล้งทำก็ได้ หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้น เธอก็จากไปขณะที่กุมแก้มเอาไว้
แอนนาไม่มีเวลาจะตบลูกสาวตัวและรีบตามมาลีไป
ขณะที่ไล่ตามมาลีลงไป เธอร้องขอ “มาลี ช้าลงหน่อยนะ! หนูยังตั้งครรภ์หลานชายของป้าอยู่นะ! ป้าจะให้ทางเลือกหนูเอง! หนูเคยบอกว่าหนูรู้สึกไม่ปลอดภัยหลังจากที่แต่งงาน และไม่มีหลักประกันใด ๆ แม้กระทั่งหลังจากที่คลอดลูกแล้วสินะ บอกป้ามาเถอะว่าจะให้ป้าทำยังไงหนูถึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้น!”
แอนนาผู้ร้อนใจอยากจะอุ้มหลานของเธอไล่ตามมาลีอย่างเร่งรีบ
"นางจิ้งจอกนี่จะไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ใช่ไหม? อยากทำลายครอบครัวเรามากขนาดนั้นเลยรึไง? ที่แกทำเรื่องทั้งหมดให้ใหญ่โตขนาดนี้เพราะอยากให้พ่อแม่ฉันซื้อบ้านให้แกใช่ไหม?”
นีน่ากัดฟันและถอนหายใจด้วยความโกรธ
แม่ของเธอเองก็ฟั่นเฟือนและก็โดนนางจิ้งจอกนั่นปั่นหัวเล่น…
ขณะที่เธอลงไปด้านล่าง นีน่ายังคงก่นด่าต่อไป “พี่ชายหน้านั่นจะจัดการกับนางคนนี้ได้ยังไงเนี้ย? ขยะแขยง… หลังจากถูกคนรวยหลอกและทิ้ง มันก็ฉลาดพอที่จะมองหาคนโง่เง่าไร้สติสักคนอย่างพี่ชายของฉัน มันควรอยู่ให้ห่างจากฉันเอาไว้นะ ไม่งั้นมันเจอฉันตบอีกฉาดแน่!”
นีน่าโกรธมากจนอยากจะฉีกร่างของมาลีออกเป็นชิ้น ๆ
ร้านชานมร้านหนึ่งนอกโรงพยาบาล
นีน่านั่งลงและอดไม่ได้ที่จะกระซิบ “ฉันบอกพี่ชายตอนเธอไปต่างประเทศว่าให้อยู่ห่างจากมาลีเอาไว้ แต่เขาไม่ยอมฟังฉัน จากที่เป็นแค่เพื่อนกัน พวกเขาสนิทสนมกันจนเหมือนครอบครัว ตอนนี้ เธอกำลังจะมีลูกของเขาแล้ว”
เบียงก้าก้มศีรษะลงอย่างช่วยไม่ได้
...
เวลา 11 โมง ลุคโทรมา
เบียงก้าเหลือบมองนีน่าและก้มศีรษะเพื่อหยิบโทรศัพท์แต่ไม่พูดอะไร
“มีใครอยู่เป็นเพื่อนคุณรึเปล่า?” เสียงต่ำของลุคดังขึ้นทางโทรศัพท์
"มีค่ะ" เธอยังไม่ชินที่จะคุยกับลุคต่อหน้าเพื่อนสนิท เธอเพิ่งมีความรักได้ไม่ถึงวันและยังไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรเมื่อเธออยู่กับเขา
ลุคถามว่า “คุณทานข้าวกลางวันรึยัง?”
“ฉันสั่งข้าวมากินแล้วค่ะ แต่ยังไม่เสิร์ฟเลย ตอนนี้ฉันอยู่กับนีน่าค่ะ”
นีน่าเดาได้ว่าใครโทรมาจากปลายสาย เธออ้าปากค้าง “นั่นเป็นเจ้านายเราเหรอ?”
เบียงก้าพยักหน้า
ลุคถามถึงสถานการณ์ที่โรงพยาบาล และตอนแรกเขาต้องการพบเธอ แต่เบียงก้าบอกว่าพ่อของเธอยังไม่มาถึง คงจะน่าแปลกใจมากสำหรับพ่อของเธอ ถ้าเขาเจอลุคแบบนั้น
ลุครู้ว่าไม่ควรไปที่นั่น
ตอนบ่ายโมง เควินมาถึงที่โรงพยาบาล
เนื่องจากลุคต้องแน่ใจว่า เควินจะได้รับการดูแลจากแพทย์โรงพยาบาล เขาจึงมอบหมายและให้การดูแลเป็นพิเศษแก่เควิน วอร์ดที่จัดไว้ให้เป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล เขามอบหมายให้มีบุรุษพยาบาลหนึ่งคนและพยาบาลหนึ่งคนรวมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำก็อยู่ในทีมด้วย
เมื่อเควินใส่เสื้อผ้าของคนไข้ภายใน เขาถามก่อนจะนอนลงว่า "บี นี่มัน..."
"พ่อคะ คือเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของหนู เขารู้จักกับคนที่ทำงานในโรงพยาบาลนี้ เขาก็เลย..." เบียงก้าไม่รู้ว่าเหตุผลที่เธอสร้างขึ้นนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งฟังดูไม่สมจริงมากขึ้นเท่านั้น
เควินไม่เชื่อเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร
แพทย์เริ่มตรวจเขา
เบียงก้าต้องออกไป
นีน่าพิงกำแพงพลางกระซิบว่า "เธอไม่ได้บอกพ่อเธอเหรอว่าเธอกำลังคบกับเจ้านายตัวเองน่ะ?"
เบียงก้าส่ายหัวด้วยความงุนงง เธออยู่บนเก้าอี้นอกวอร์ด เธอกล่าวว่า “ถ้าขืนพ่อรู้เรื่องนี้เข้านะ พ่อก็จะเบรกขั้นตอนการรักษาทั้งหมดแล้วก็ถามจนกว่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแน่ ๆ เลย ถ้าเล่าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้านะ มีหวังพ่อคงคิดว่าเจ้านายเราแค่คิดเล่น ๆ กับฉันแน่ ๆ เลย”
“ที่จริง…” นีน่าหยุดพูดแต่รู้สึกว่าเพื่อนรักของตนจะไม่โกรธถ้าเธอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “
จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าพ่อของเธอก็สุดโต่งเกินไปหน่อย ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างที่แม่ของมาลีพูด แม่ของเธอคงทิ้งเขาไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เพราะเธอไปอยู่กับเศรษฐี พ่อของเธอคงเกลียดพวกผู้ชายรวยเพราะแบบนั้นแหละ เขาคงคิดว่าคนรวยขโมยภรรยาของเขาไป แต่ว่านะ พ่อของเธอไม่ควรเหมารวมคนรวยทุกคนเหมือนพวกคนรวยขี้ขลาดที่เล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงนะ อย่างน้อยเศรษฐีคนนั้นก็ไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกของแม่เธอ เว้นแต่แม่ของคุณจะถูกเขาหลอกและพ่อของเธอก็รู้เรื่องนี้เข้าเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก