พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 69

ได้ยินเสียงตบหน้าที่ดังฟังชัด แอนนาแผดเสียงออกมาในทันที “ตายแล้ว ลูก! กล้าดียังไงกัน มาตบน้องสะใภ้ของลูก?! ถ้ามีผลต่อเด็กในท้องใครจะรับผิดชอบ?”

“หนูยอมตายดีกว่า ถ้าจะให้คลอดเด็กคนนี้ออกมา…”

น้ำตาที่มาลีหลั่งรินออกอาจเป็นของจริงหรือบางทีเธออาจจะแค่แกล้งทำก็ได้ หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้น เธอก็จากไปขณะที่กุมแก้มเอาไว้

แอนนาไม่มีเวลาจะตบลูกสาวตัวและรีบตามมาลีไป

ขณะที่ไล่ตามมาลีลงไป เธอร้องขอ “มาลี ช้าลงหน่อยนะ! หนูยังตั้งครรภ์หลานชายของป้าอยู่นะ! ป้าจะให้ทางเลือกหนูเอง! หนูเคยบอกว่าหนูรู้สึกไม่ปลอดภัยหลังจากที่แต่งงาน และไม่มีหลักประกันใด ๆ แม้กระทั่งหลังจากที่คลอดลูกแล้วสินะ บอกป้ามาเถอะว่าจะให้ป้าทำยังไงหนูถึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้น!”

แอนนาผู้ร้อนใจอยากจะอุ้มหลานของเธอไล่ตามมาลีอย่างเร่งรีบ

"นางจิ้งจอกนี่จะไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ใช่ไหม? อยากทำลายครอบครัวเรามากขนาดนั้นเลยรึไง? ที่แกทำเรื่องทั้งหมดให้ใหญ่โตขนาดนี้เพราะอยากให้พ่อแม่ฉันซื้อบ้านให้แกใช่ไหม?”

นีน่ากัดฟันและถอนหายใจด้วยความโกรธ

แม่ของเธอเองก็ฟั่นเฟือนและก็โดนนางจิ้งจอกนั่นปั่นหัวเล่น…

ขณะที่เธอลงไปด้านล่าง นีน่ายังคงก่นด่าต่อไป “พี่ชายหน้านั่นจะจัดการกับนางคนนี้ได้ยังไงเนี้ย? ขยะแขยง… หลังจากถูกคนรวยหลอกและทิ้ง มันก็ฉลาดพอที่จะมองหาคนโง่เง่าไร้สติสักคนอย่างพี่ชายของฉัน มันควรอยู่ให้ห่างจากฉันเอาไว้นะ ไม่งั้นมันเจอฉันตบอีกฉาดแน่!”

นีน่าโกรธมากจนอยากจะฉีกร่างของมาลีออกเป็นชิ้น ๆ

ร้านชานมร้านหนึ่งนอกโรงพยาบาล

นีน่านั่งลงและอดไม่ได้ที่จะกระซิบ “ฉันบอกพี่ชายตอนเธอไปต่างประเทศว่าให้อยู่ห่างจากมาลีเอาไว้ แต่เขาไม่ยอมฟังฉัน จากที่เป็นแค่เพื่อนกัน พวกเขาสนิทสนมกันจนเหมือนครอบครัว ตอนนี้ เธอกำลังจะมีลูกของเขาแล้ว”

เบียงก้าก้มศีรษะลงอย่างช่วยไม่ได้

...

เวลา 11 โมง ลุคโทรมา

เบียงก้าเหลือบมองนีน่าและก้มศีรษะเพื่อหยิบโทรศัพท์แต่ไม่พูดอะไร

“มีใครอยู่เป็นเพื่อนคุณรึเปล่า?” เสียงต่ำของลุคดังขึ้นทางโทรศัพท์

"มีค่ะ" เธอยังไม่ชินที่จะคุยกับลุคต่อหน้าเพื่อนสนิท เธอเพิ่งมีความรักได้ไม่ถึงวันและยังไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรเมื่อเธออยู่กับเขา

ลุคถามว่า “คุณทานข้าวกลางวันรึยัง?”

“ฉันสั่งข้าวมากินแล้วค่ะ แต่ยังไม่เสิร์ฟเลย ตอนนี้ฉันอยู่กับนีน่าค่ะ”

นีน่าเดาได้ว่าใครโทรมาจากปลายสาย เธออ้าปากค้าง “นั่นเป็นเจ้านายเราเหรอ?”

เบียงก้าพยักหน้า

ลุคถามถึงสถานการณ์ที่โรงพยาบาล และตอนแรกเขาต้องการพบเธอ แต่เบียงก้าบอกว่าพ่อของเธอยังไม่มาถึง คงจะน่าแปลกใจมากสำหรับพ่อของเธอ ถ้าเขาเจอลุคแบบนั้น

ลุครู้ว่าไม่ควรไปที่นั่น

ตอนบ่ายโมง เควินมาถึงที่โรงพยาบาล

เนื่องจากลุคต้องแน่ใจว่า เควินจะได้รับการดูแลจากแพทย์โรงพยาบาล เขาจึงมอบหมายและให้การดูแลเป็นพิเศษแก่เควิน วอร์ดที่จัดไว้ให้เป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล เขามอบหมายให้มีบุรุษพยาบาลหนึ่งคนและพยาบาลหนึ่งคนรวมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำก็อยู่ในทีมด้วย

เมื่อเควินใส่เสื้อผ้าของคนไข้ภายใน เขาถามก่อนจะนอนลงว่า "บี นี่มัน..."

"พ่อคะ คือเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของหนู เขารู้จักกับคนที่ทำงานในโรงพยาบาลนี้ เขาก็เลย..." เบียงก้าไม่รู้ว่าเหตุผลที่เธอสร้างขึ้นนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งฟังดูไม่สมจริงมากขึ้นเท่านั้น

เควินไม่เชื่อเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร

แพทย์เริ่มตรวจเขา

เบียงก้าต้องออกไป

นีน่าพิงกำแพงพลางกระซิบว่า "เธอไม่ได้บอกพ่อเธอเหรอว่าเธอกำลังคบกับเจ้านายตัวเองน่ะ?"

เบียงก้าส่ายหัวด้วยความงุนงง เธออยู่บนเก้าอี้นอกวอร์ด เธอกล่าวว่า “ถ้าขืนพ่อรู้เรื่องนี้เข้านะ พ่อก็จะเบรกขั้นตอนการรักษาทั้งหมดแล้วก็ถามจนกว่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแน่ ๆ เลย ถ้าเล่าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้านะ มีหวังพ่อคงคิดว่าเจ้านายเราแค่คิดเล่น ๆ กับฉันแน่ ๆ เลย”

“ที่จริง…” นีน่าหยุดพูดแต่รู้สึกว่าเพื่อนรักของตนจะไม่โกรธถ้าเธอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “

จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าพ่อของเธอก็สุดโต่งเกินไปหน่อย ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างที่แม่ของมาลีพูด แม่ของเธอคงทิ้งเขาไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เพราะเธอไปอยู่กับเศรษฐี พ่อของเธอคงเกลียดพวกผู้ชายรวยเพราะแบบนั้นแหละ เขาคงคิดว่าคนรวยขโมยภรรยาของเขาไป แต่ว่านะ พ่อของเธอไม่ควรเหมารวมคนรวยทุกคนเหมือนพวกคนรวยขี้ขลาดที่เล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงนะ อย่างน้อยเศรษฐีคนนั้นก็ไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกของแม่เธอ เว้นแต่แม่ของคุณจะถูกเขาหลอกและพ่อของเธอก็รู้เรื่องนี้เข้าเอง”

เบียงก้าก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร

เธอรู้สึกเสมอว่าพ่อของเธอรู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถพูดได้

เธอมักจะกังวลเกี่ยวกับสภาพที่น่าสงสารของพ่อของเธอ และรู้ว่าไม่ควรโกรธเคืองพ่อของเธออีก เมื่อเวลาผ่านไป ความอยากรู้เกี่ยวกับมารดาผู้ให้กำเนิดเธอก็เลือนลางจางหายไปด้วย

พวกเขานั่งบนม้านั่ง และนีน่าหยิบไอแพดของเธอออกมาดูละครญี่ปุ่นที่เธอดาวน์โหลดไว้

เธอยื่นหูฟังให้เบียงก้าข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “ดูนี่ฆ่าเวลาก่อนละกัน แทนที่จะคิดเรื่องที่กวนใจเธออยู่ ไม่งั้นนะ เธอก็ไม่หยุดคิดถึงเรื่องนี้สักที”

เบียงก้าไม่ค่อยดูละครเท่าไหร่

หลังจากดูไปสักพัก เบียงก้าก็ถอดหูฟังออกและถามนีน่าอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าละครนี้ได้ออกอากาศจริง ๆ พี่ชายและน้องสาวมีความสัมพันธ์กันมันเป็นเรื่องผิดศีลธรรมนะ..."

"จะบ้าเหรอ! พวกเขาจะเป็นพี่น้องกันได้ยังไง?!" นีน่าถอดหูฟังออกแล้วพูดว่า "ตัวละครหลักมีพ่อแม่คนละคนกัน เธออะยังไม่ได้ดูตอนแรก เธอเลยไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกันจริง ๆ"

เบียงก้ายังคงไม่ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นและเฝ้าดูต่อไป

การตรวจร่างกายของเควินใช้เวลาสองชั่วโมง แม้หลังจากวันนี้ เขาก็ยังต้องกลับมาอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม

เบียงก้ารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นพ่อของเธอนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล

นีน่าถูกเรียกให้กลับไปที่ทำงานงานราวบ่ายสามโมง

หลังจากที่เธอช่วยพ่อของเธอจัดของ เบียงก้าก็ออกจากโรงพยาบาล

...

หลังจากที่เธอดูแลเรื่องส่วนตัวแล้ว เธอก็ทำงานล่วงเวลาเพื่อชดเชยเวลาที่เธอหายไป

ซูรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเบียงก้าและเจ้านายเธอ แต่หัวหน้าแผนกไม่รู้เรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ ชีวิตการทำงานของเบียงก้าจึงถูกแยกออกจากเรื่องส่วนตัวของเธอ เธอจึงได้รับมอบหมายงานให้ทำ

เบียงก้าไม่บ่นและไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน

หลังเวลาเลิกงาน เบียงก้าเป็นคนเดียวที่อยู่ในสำนักงาน

เธอทำงานล่วงเวลาจนถึงหนึ่งทุ่มครึ่ง ท้องฟ้าข้างนอกมืดสลัว และแสงไฟของเมืองก็ส่องเข้ามา เบียงก้ากุมขมับและลุกขึ้นไปชงชาที่ห้องอาหาร

ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่าง

ปกติแล้ว เบียงก้าจะไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่สำนักงานที่ว่างเปล่านั้นดูน่ากลัวกว่าบ้านร้างเล็กน้อย

ฝีเท้าที่หนักแน่นของชายคนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา เธอวางถ้วยในมือหมุนตัวกลับเพราะกลัวว่าจะเป็นฌอง แม้อย่างนั้น เมื่อเธอหันหลังกลับ ร่างกายอันแข็งแรงและทรงพลังของชายคนนั้นกดทับตัวเธอกับโต๊ะน้ำชาอย่างแนบแน่น

รอยจูบอันร้อนแรงได้แตะลงที่ข้างซอกคอกระจ่างของเธอ

"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?" เบียงก้าไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นเขา

‘ลานี่กับเรนนี่ไปที่บ้านของคุณลุงของลุคและเขาต้องไปรับพวกเขา ลุคไปรับเด็กน้อยและกลับมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?'

“แต่งงานกันตอนนี้เลยดีไหม?” ลุคก้มศีรษะลง ริมฝีปากบางประกบกับเธอ

เบียงก้าชอบความอบอุ่นของผู้ชายคนนี้และมองเข้าไปในดวงตาของเขา ในห้องนั้นแคบ ๆ รอบตัวพวกเขาเงียบงัน มีเพียงเสียงตัณหาของลุคที่ดูดดื่มกับผิวหนังของเธอเพียงเท่านั้น

ริมฝีปากและลิ้นของพวกเขาค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิขึ้นมากจนร้อนผ่าว ราวกับจะเผาไหม้ทั้งร่างกาย

ชายคนนั้นจูบและถอดเสื้อผ้าเธอออก ขณะนั่งบนเคาน์เตอร์สำหรับจัดเตรียมอาหาร สติของเบียงก้าปลิดปลิวออกไป

“อืม...” เธอเงยหน้าขึ้นและทนต่อความเร่าร้อนของทั้งคู่ไม่ไหวอีก

เมื่อริมฝีปากบางของชายคนนั้นจูบลงบนหน้าท้องของเธอ เธอค่อย ๆ ส่ายศีรษะ…

“ไม่ค่ะ...อย่าโดนตรงนั้นสิคะ...”

ริมฝีปากที่อ้าออกจากกันของเธอส่งเสียงครวญครางขณะที่หายใจหอบและสูดอากาศ

ริมฝีปากสีแดงระเรื่อถูกประจบจูบอีกครั้ง

การจูบที่รุนแรงทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน และเสียงครางแผ่วเบาของเธอก็ยืดเยื้อไปอีกนาน เสียงของเธอเล็ดลอดเข้าไปในแก้วหูของลุค…

"อยากเหรอ?" การหายใจของเขาไม่ตรงจังหวะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก