ใบหน้าของหลุยส์เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าถ้าลุคไม่ได้ทำแบบนั้น เขาควรจะพาผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน...
หลุยส์รู้สึกถึงสภาพจิตใจของผู้ชายแปลกประหลาดอย่างพี่ชายของตัวเอง เขาห่างหายจากเรื่องผู้หญิงมานานกว่าห้าปีแล้วยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติน่ะเหรอ? เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อน!
“หลานคิดว่าเธอไม่คู่ควรที่จะได้เจอกับพวกเราอย่างนั้นเหรอ? หลานรู้ไหมว่านั้นจะทำให้เธอรู้สึกแย่มากแค่ไหน…” ชายอาวุโสถามหลังจากคำถามนั้นของเขา ชายอาวุโสก็จ้องมองใบหน้าของหลานชายเพื่อสังเกตสีหน้าของเขา เขาเกรงว่าหลานชายอาจจะเป็นพวกหน้าไม่อายที่ชอบดูถูกผู้หญิงที่ตัวเองนอนด้วยทุกคืน
ลุคได้แต่คิดว่าปู่ของตัวเองคงไม่มีทางเลือก ปู่คงคิดว่าตัวเองไม่ได้สั่งสอนพ่อมากพอในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ และแม้ว่าพ่อจะไม่คู่ควรแก่การเคารพของลุคเลยแม้แต่น้อย กลับกันปู่กับเป็นอีกจำพวกหนึ่ง
บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะความกังวลเรื่องงานแต่งงานที่อาจเกิดขึ้นของลุคก็เป็นได้ เขาถึงได้ถาม
“ผมกลัวว่าพวกคุณปู่จะทำให้เธอขยาดต่างหาก” ลุคหยิบเอกสารขึ้นมาวางไว้ใกล้ ๆ เขากล่าวเป็นนัยว่าไม่ใช่ว่าเขาพยายามจะซ่อนเธอจากครอบครัว หากแต่เป็นเพราะเขาต้องการจะซ่อนครอบครัวจากเธอต่างหาก
น้องชายและปู่ผู้ซึ่งเพิ่งถูกดูถูกได้แต่เงียบ “...”
“เธอแสนจะบอบบาง และไม่ค่อยพูดเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอขี้อายเวลาอยู่กับคนแปลกหน้า แต่พวกคุณปู่…” ลุคเงยหน้ามองน้องชายและปู่ของตัวเอง คิ้วของเขาขมวดมุ่นอย่างเดียดฉันท์
ปู่ที่คิดจะเข้าไปใช้ไม้เท้าตีที่หลานชายก็เกิดตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่กริยาของคนใจดีอย่างที่เขาเป็น เขาจึงวางไม้เท้าลงกับพื้นและกระแอมไออย่างเหนียมอาย ก่อนจะกลับมาเป็นชายอาวุโสที่แสนใจดีอีกครั้ง
หลุยส์ราดน้ำมันลงกองไฟอีกครั้งด้วยคำพูด “ถ้าเธอเป็นแม่กระต่ายน้อยขี้อายจริง ๆ อย่างที่นายพูด ฉันคิดว่าคนแรกที่เธอควรจะกลัวควรเป็นนายมากกว่า…”
หลุยส์เป็นชายผู้เต็มไปด้วยความต้องการทางร่างกาย เขาจึงรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของชายหญิงเป็นเช่นไร
เวลาร่างกายแข็งแรงและพลังงานที่มีอยู่ล้นเหลือ ซึ่งคงจะหิวโหยและกระหายมานานกว่าห้าปี เมื่อใดที่ลุคได้เจอกับกระต่ายขาวตัวน้อยแล้ว เขาก็คงกลืนกินจนไม่เหลือซาก
‘ชิ ช่างน่าสงสารจริง ๆ! เธอคงจะต้องอยู่ปรนนิบัติเขาทั้งคืน และยังจะมีเรี่ยวแรงเหลือไว้ทำอะไรระหว่างวันอีกเหรอ?’
...
เบียงก้าอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นชั่วโมงในตอนเช้า
จากโรงพยาบาลจนถึงที่ทำงาน แท็กซี่พาเธอมาส่งได้อย่างทันเวลา เธอไม่ได้มาสายหรือเช้าจนเกินไป
เบียงก้าส่งงานที่หัวหน้าถามถึงและดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับมันมาก เขาชมเธอไม่หยุดปากและยังบอกว่างานของเธอทำให้ตาของเขาเปล่งประกาย เขายังเน้นด้วยว่ามันไม่เหมือนงานของมือใหม่ ราวกับเป็นฝีมือของผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สิบปี
เบียงก้าได้แต่คิดว่าลุคคงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเป็นแน่
ข้อความจากซูปรากฏขึ้น “หัวหน้าเอาแต่เอ่ยชมและยกย่องงานวาดของเธอไม่ยอมหยุดเลยนะ ฉันรู้เลยว่าเธอจะได้ทำงานที่นี่ต่อหลังจากพ้นช่วงทดลองงานนี้แน่”
ซูรู้ดีว่าถึงแม้แบบร่างของเบียงก้าจะออกมาไม่ดี ก็ยังได้ทำงานที่นี่ต่อไป
อานุภาพอันทรงพลังของเจ้านายไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ซูยังส่งข้อความต่อมาอีกว่า ‘เธอรู้ไหมว่าใครเป็นนักออกแบบที่ดีที่สุด?’
‘ไม่รู้สิ ใครล่ะ?’เพราะเบียงก้ากำลังยุ่ง เธอจึงพิมพ์ตอบไปเพียงห้าคำเท่านั้น
‘เจ้านายของพวกเราไง! เดี๋ยวนะ! นี่เธอไม่รู้เหรอ? ห้าประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกใบนี้เนี่ย มีงานสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบโดยเจ้านายเราอยู่นะ เมืองของเราโชคดีที่มีงานของเขาอยู่ชิ้นหนึ่ง ห้องสมุดใจกลางเมืองนั่นไง แต่หลังจากที่ท่านประธานเข้าฮุบธุรกิจของครอบครัวและสะสางปัญหาต่าง ๆ เขาก็ยุ่งเกินกว่าที่จะวาดรูปหรือออกแบบอะไรอีก’ ซูพิมพ์อย่างตั้งใจแล้วส่งไป
เบียงก้ารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เธอได้อ่านอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์...
‘ตอนที่ฉันนั่งรถไฟใต้ดินแล้วเดินไปรอบ ๆใจกลางเมืองด้วยความเบื่อหน่ายครั้งที่แล้ว ห้องสมุดนั่นก็ดึงความสนใจของฉันไป แต่กลายเป็นว่าห้องสมุดนั้นเป็นห้องสมุดเดียวกับที่ลุคเป็นคนออกแบบเองอย่างนั้นเหรอ?’ เบียงก้าคิด
‘เฮ้อ ถึงแม้ว่าเราจะหลงใหลงานออกแบบขนาดไหน พวกเราก็คงไม่ได้เห็นท่านประธานออกแบบอะไรอีกแล้วแหละ’ ซูส่งข้อความมาอีกครั้ง
เบียงก้าเปิดดูภาพวาดของเธอที่เพิ่งถูกส่งให้หัวหน้าแผนก สายตาของเธอจดจ่ออยู่กับภาพที่เขาวาดไว้เมื่อคืนอยู่เป็นเวลานาน
ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เบียงก้าก็ละสายตาออกจากภาพวาดทันที
“สวัสดีค่ะ คุณหมอทอมสัน” เบียงการับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงและเดินเลี่ยงออกจากห้องทำงานไป
โรงพยาบาลโทรมาและถามหาบัตรประชาชนของเควิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก