พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 76

“แต่ว่า…”

เบียงก้าทั้งลังเลและกังวลเหลือเกิน

วันนี้เป็นเพียงวันที่สองที่เธอกับลุคเริ่มคบกันอย่างเปิดเผย มันเร็วเกินไปที่จะไปรับประทานอาหารกับครอบครัวของเขา

เธอไม่ได้เตรียมใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

นอกจากนั้น ข้อกังขาร้ายแรงและรุนแรงที่สุดก็คือลุคกับเธอต่างกันมากเกินไปในแง่ของฐานะทางครอบครัว

“อย่ากดดันตัวเองนักเลย อันที่จริงแล้วครอบครัวผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณหรอก ถ้าคุณมองดี ๆ ก็จะรู้ว่าเราน่ะเหมือนกัน” ลุคเดาออกว่าเบียงก้ากำลังกังวลเรื่องอะไร

"..."

พอเขาบอกอย่างนั้น มีหรือที่เบียงก้าจะปฏิเสธได้

นับตั้งแต่ที่เบียงก้ารับโทรศัพท์จากลุค เธอก็รู้สึกราวกับถูกหินก้อนใหญ่หล่นทับที่หน้าอกจนเธอหายใจไม่ออก ดูท่าความหนักอึ้งนี้จะคลายลงก็ต่อเมื่อเธอได้พบครอบครัวของลุคแล้วเท่านั้น

เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นอีกสองสามครั้ง เบียงก้าเห็นว่าเป็นสายของฌอง

เธอไม่ได้กดรับ หรือกดปฏิเสธ

เพียงแค่ไม่แยแสมันราวกับตัวเองไม่ได้ยิน

ในตอนนั้นเองที่เบียงก้ารู้สึกขอบคุณมาลีที่สร้างละครฉากนั้นขึ้นเพื่อหวังจะยั่วยุเธอ

เพราะหลังจากที่ได้เห็นฉากเร้าอารมณ์ในห้องน้ำของทั้งคู่ ในที่สุด เบียงก้าก็ได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของฌองเสียที

สุดท้ายเธอก็ละทิ้งความรู้สึกผิดในใจไปได้จนหมด

...

ด้านหนึ่ง เบียงก้าตกปากรับคำกับลุคว่าจะยอมไปรับประทานอาหารที่บ้านของเธอ ในขณะที่อีกด้าน ชายอาวุโสกำลังยุ่งจนตัวเป็นเกลียวและดีใจจนเนื้อเต้น เขาตื่นเต้นเสียยิ่งกว่างานฉลองที่มงคลที่สุดของปีอย่างวันปีใหม่จีนเสียอีก

“ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้สวย ปีหน้าเราน่าจะได้รับขวัญหลานชายอีกคน!” หลังจากพูดจบชายชราเหวี่ยงไม้เท้าไปยังหลุยส์ “แล้วดูหลานสิ! ไม่มีคู่หมั้น ไม่มีคนรัก ไม่มีลูก! หลานนี่มันไร้ประโยชน์นัก! เร็วเข้า ไปทำความสะอาดบ้านซะ!”

“ลุคพาผู้หญิงมาบ้านตอนอายุ 29 ปี ผมเด็กกว่าเขาตั้งสองสามปี! แล้วปู่จะมาเร่งรัดผมทำไม? แล้วอีกอย่างนะปู่ ปู่ไม่ได้บอกว่าชอบพวกเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ พวกนั้นรึไง? ปู่เป็นคนบอกผมเองนี่ว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนนิ!” หลุยส์กล่าว

“แกจะทำให้ฉันอกแตกตายรึยังไง? หยุดพูดจาไร้สาระเสียที!” ชายอาวุโสโกรธมาก เขาจึงใช้ไม้เท้าตีเข้าที่หลุยส์อีกหน

หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ หลุยส์นั่งลงบนโซฟาและเริ่มเอ่ยปากสั่ง โต๊ะกาแฟและโซฟา รวมไปถึงโต๊ะรับประทานอาหารและอะไรต่าง ๆถูกสับเปลี่ยนไป เฟอร์นิเจอร์แปลกตาแต่เรียบง่ายเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียนแทน...

เฟอร์นิเจอร์โบราณที่ชายอาวุโสไม่ยอมให้ใครเคลื่อนย้ายมัน กลับถูกเหล่าคนใช้ยกไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของอย่างระมัดระวัง

เป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว ห้องนั่งเล่นทั้งห้องได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมดภายใต้การสั่งการของหลุยส์

บลองช์ที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนและมองไปยังห้องนั่งเล่นที่บัดนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเอ่ยถาม “คุณปู่ทวด เกิดอะไรขึ้นครับ? เฟอร์นิเจอร์ของเราหายไปไหนหมด?”

“พ่อของเหลนจะพาคุณผู้หญิงของเขามาคืนนี้ไง เพราะฉะนั้น เรนนี่กับลานี่ต้องเชื่อฟังพ่อและทวดให้ดี คืนนี้ต้องไม่ดื้อไม่ซนเข้าใจรึเปล่า?” ชายอาวุโสยิ้มจนเห็นรอยเหี่ยวย่นปรากฏบนใบหน้า เขาเกรงว่าเหลนทั้งสองคนจะไม่ชอบแม่เลี้ยงให้อนาคตของตัวเอง

“ผู้หญิงเหรอคะ?”

เด็กชายตัวน้อยเหลือบไปมองน้องสาวของตัวเอง

“คุณปู่ทวด เธอชื่ออะไรเหรอคะ?” เรนนี่กอดเข้าที่ขาของคุณทวด เธอเงยหน้าขึ้นและถามเขาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน

“เธอชื่อ…” ชายอาวุโสขมวดคิ้วมุ่นและพยายามนึกอย่างรอบคอบ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินหลานชายคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำ เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินชื่อของเธอ “เบียงอะไรสักอย่างนี่แหละ”

“คุณน้าบีเหรอครับ?” ดวงตาของบลองช์เบิกกว้างอีกครั้ง

ชายอาวุโสรู้สึกประหลาดใจ เขาก้มลงมองเหลนทั้งสองแล้วเอ่ยปากถาม “ลานี่รู้จักน้าบีคนนี้ด้วยหรือ?”

“ใช่ครับ!”

ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์นั้นเอาแต่เดินสวนกันไปมาอย่างยุ่งเหยิง

เด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าปู่ทวดที่แสนจะเอาใจใส่ของตัวเองแล้วเอ่ยต่อ “พวกเราเคยไปบ้านน้าบีมาก่อนครับ น้าบีใจดีมาก น้าบียังทำอาหารให้พวกเรากินด้วย แถมพ่อก็ยังยืนกรานว่าจะพักที่บ้านของเธออีกต่างหาก”

“ยังมีอีกนะคะ” เรนนี่กล่าวเสริม “ครั้งล่าสุดที่พ่อพาพวกเราไปทำงานที่ต่างเมืองด้วย พวกเราสามคนนอนอยู่ที่ห้องคุณน้าบีด้วยค่ะ”

เมื่อชายอาวุโสได้ยินเช่นนั้น เขาก็เกิดมีกำลังใจและเลิกคิ้วของตัวเองขึ้น ก่อนเอ่ยถาม “ว่ายังไงนะ? พ่อของเหลนหลับนอนกับใครบางคนมาตั้งแต่แรกอย่างนั้นหรือ?”

เด็กทั้งสองคนพยักหน้าด้วยความโมโห!

“คุณพ่อน่ะน่ารำคาญที่สุด พ่อชอบแกล้งคุณน้าบีด้วย ผมเคยเห็นพ่อรังแกน้าบีหนักจนทำให้เธอร้องไห้”

บลองช์เป็นห่วงนะบีของเขามาก ถ้าเธอแต่งงานกับพ่อของเขาแล้วถูกรังแกไปตลอดชีวิต ก็ไม่ต้องแต่งมันเลยเสียดีกว่า เพราะยังไงพ่อก็ดูเป็นคนไม่ดีอยู่วันยังค่ำ

ชายชรานั่งตัวตรงลงบนโซฟาสไตล์สแกนดิเนเวียตัวใหม่ แล้ววางไม้เท้าไว้กับมือทั้งสองข้าง เขาพยายามหาคำตอบว่าหลานชายของเขานั้นรู้สึกกับเบียงก้าลึกซึ้งเพียงใด

แซคคารี่คือลูกชายของเขา และเขารู้ดีว่าแซคคารี่นั้นตามจีบซูซานและให้คำสัญญาอะไรแก่เธอ แต่สุดท้ายก็ไร้ผลใด ๆ และลงเอยด้วยการทำร้ายเธอหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน

ซูซานเอาแต่ร้องไห้เพราะเรื่องนั้นอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งที่อีกครึ่งชีวิตของเธอผ่านไป เธอก็ยังเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นท่าเดียว

ถึงแม้ว่าแซคคารี่จะลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว ซูซานผู้ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของเขาก็ยังคงร้องไห้ทุกครั้งที่นึกย้อนไปถึงอดีต

ชายอาวุโสนั้นรู้จักลูกชายของตัวเองดี และเขาไม่ปรารถนาจะให้แซคคารี่กลายเป็นคนไม่ดีเช่นนั้น แต่ในคราวนี้ เขากลับไม่รู้จักหลานชายของตัวเองเลย เขากลัวเหลือเกินว่าหลานชายคนนี้จะกลายเป็นคนแบบเดียวกับพ่อของเขา เขากลัวว่าลุคจะทำร้ายแม่หนูบีจนร้องไห้

หลุยซ์เดินขึ้นไปบนชั้นบนเพื่อดูรอบ ๆ บริเวณ เขาเดินลงมาแล้วเอ่ยถาม “แม่ผมไปไหน?”

ในตอนนั้นเอง ที่รถเมอเซเดสสีดำหยุดที่หน้าประตูคฤหาสน์ และคนที่เพิ่งลงมาจากรถหรูคันนั้นย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกไปเสียจากซูซาน

“แม่ ทำไมแม่ดื่มเหล้าแต่หัววันแบบนี้ล่ะ?” หลุยส์เดินขมวดคิ้วออกมา และพยุงซูซานลงจากรถด้วยท่าทางโอนเอนไปมา เธอรอดพ้นจากการล้มหัวฟาดประตูรถไปเพียงเสี้ยววินาที

ซูซานลืมตาขึ้นมองลูกชาย มือของเธอยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของลูกชาย “ลูกชายสุดหล่อของแม่ ลูกไม่มีอะไรด้อยไปกว่าลูกชายของผู้หญิงแย่ ๆ อย่างนางอลิสันเลยสักนิด”

“แม่เมามากแล้ว ผมจะพาแม่ขึ้นไปข้างบนนะ” หลุยส์รู้ดีว่าถ้าแม่ของเขาเมาจะเป็นเช่นไร ครอบครัวจะปั่นป่วนไร้ความสงบ

วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา เพื่อไม่ให้แม่ทำให้เสียบรรยากาศ เขาต้องดูแลแม่ตัวเองให้ดี เพราะดูเหมือนว่าน้าบีที่พี่ชายและหลานทั้งสองคนของเขาพูดถึงจะดูไร้เดียงสา

เธอไม่ควรได้เห็นฉากอันแสนเศร้าของครอบครัวมหาเศรษฐี

“แม่รู้สึกแย่จริง ๆ… อย่ามาห้ามแม่หน่อยเลย!” เมื่อพวกเขามาถึงประตู ซูซานก็ตีลูกชายของเธอด้วยกระเป๋าถือ เธอหลุดพ้นจากอ้อมแขนของลูกชาย และเอ่ยปากดุเขาด้วยความโกรธ “นี่ลูกเข้าข้างพวกเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ? ลูกอับอายที่มีแม่ขี้เมาใช่ไหม? หลุยส์ มองให้ดีสิ! แม่เป็นแม่แท้ ๆของแกนะ! อลิสัน นางคุณนายนั่นทำร้ายชีวิตแม่!”

“ผมรู้ครับแม่ เพราะอย่างนั้นให้ผมพาแม่ขึ้นไปพักสมองข้างบนดีไหม? ลูกชายสุดที่รักของแม่เป็นห่วงกลัวว่าแม่จะปวดหัว” หลุยส์พยายามอย่างเต็มสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมแม่ของตัวเอง

ซูซานพยักหน้ารับ ในตอนที่เธอเห็นว่าลูกชายของตัวเองยังใจดีกับตัวเองอยู่ เธอง่วงนอนจนตาจะปิดอยู่รอมร่อ ลูกชายของเธอจึงพาเธอขึ้นชั้นบนไป

ชายอาวุโสมองพวกเขาแล้วได้แต่ถอนหายใจ

เด็กน้อยทั้งสองคนที่เคยชินกับภาพเหล่านั้นมองหน้ากันและกัน แล้วขึ้นไปที่ชั้นบน

หลังจากที่พวกเขาขึ้นชั้นบนไปแล้ว เด็กน้อยอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่

เพื่อต้อนรับน้าบีที่กำลังจะมาถึง บลองช์ไปที่ห้องของอาแล้วหยิบเอาสเปรย์ฉีดผม คิ้วเล็ก ๆขมวดมุ่น แล้วหวีผมสั้นสีดำขลับด้านหลังด้วยหวีที่วางไว้หน้ากระจก

“พี่ดูดีมากเลยล่ะ…” เรนนี่ในชุดเจ้าหญิงเอ่ยปากชมพี่ชายที่เพิ่งหวีผม

“จริงเหรอ?” บลองช์ยิ้มร่า เขาพูดอย่างเขินอายว่า “ชมแบบนี้ พี่ก็เขินแย่เลยล่ะสิ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก