พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 77

เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนลงจากชั้นสอง พวกเขาเห็นรถหรูแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์

‘เรนจ์โรเวอร์สีดำ! พ่อกลับมาแล้ว!’

“น้าบี พวกเราคิดถึงคุณค่ะ…” เด็กน้อยวิ่งออกไป สิ่งแรกที่เรนนี่ทำคือการเข้าไปกอดเบียงก้าที่เพิ่งลงจากรถ

เบียงก้าเกือบจะเสียการทรงตัว เธอค้อมตัวลงเพื่อลูบแก้มนุ่ม ๆ ของเรนนี่ “น้าก็คิดถึงหนูจ้ะ”

เมื่อชายอาวุโสมองดูฉากครอบครัวสุขสันต์เบื้องหน้าเขาก็ดีใจอย่างมาก คล้ายว่างานแต่งงานของหลานชายจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเสียแล้ว

หากได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ และเด็ก ๆ ก็ไม่ได้เกลียดแม่เลี้ยงของพวกเขา ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี

“ลูกต้องยืนให้ดี ๆ อย่าลากคุณน้าบีไปแบบนั้นอีก” ลุคก้าวขาที่เรียวยาวของตัวเองลงจากรถ และจ้องมองลูกทั้งสองคนที่ตามติดเบียงก้าแจด้วยใบหน้าจริงจัง

เรนนี่เม้มริมฝีปาก ถอนลมหายใจและบ่นอุบอิบ “ทำไมคุณพ่อกอดน้าบีได้คนเดียวล่ะคะ? ครั้งที่แล้วพ่อก็กอดน้าบีจนเธอร้องไห้…”

ลุค “...”

เบียงก้าหน้าแดงอย่างพูดไม่ถูก

“แม่หนูคือน้าบีที่เด็ก ๆ ชอบพูดถึงนี่เอง ต้องขอบอกเลยว่าลุครู้จักเลือกไม่น้อย” ชายอาวุโสรีบแจ้นเข้ามาและพยายามพูดถึงความหลงใหลได้ปลื้มในตัวเบียงก้าของหลานชาย

ชายอาวุโสเหยียดหลังตรง เขาสวมกางเกงขายาวสีเทาเข้ม เสื้อเชิ้ตลายหมากรุกและสวมทับด้วยเสื้อกั๊ก เขาแต่งตัวเรียบร้อยและทันสมัยมากราวกับนายแบบสูงวัยที่ออกมาจากนิตยสารฝรั่งเศส

เบียงก้ายืนขึ้นทันที เธอทักทายผู้อาวุโสด้วยความเคารพ “สวัสดีค่ะ คุณปู่ หนูชื่อเบียงก้าค่ะ”

“ยินดีต้อนรับ เชิญเข้ามานั่งก่อนสิ ดูเหมือนเด็ก ๆ จะรู้จักหนูดี พวกหนูดูสนิทกันดีนะ ฉันดีใจที่เห็นทั้งสามเข้ากันได้ดีเช่นนี้” ชายอาวุโสปฏิบัติต่อเบียงก้าราวกับว่าเธอได้กลายเป็นหลานสะใภ้ของตัวเองไปแล้ว

พี่เลี้ยงเดินออกมารับของขวัญที่ออกมาจากในรถ

ของที่เบียงก้าซื้อมานั้นไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรนัก และแม้ว่ามันไม่ได้เป็นสินค้าหรูหราอะไร แต่ชายอาวุโสก็ชอบมันมากทันทีที่ได้เห็น เขาคิดว่าบีเป็นคนที่จริงใจที่ไม่โผงผาง เธอไม่ได้พยายามเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองด้วยซ้ำ

ก่อนที่หลุยส์จะลงมา เขาจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าแม่ของตัวเองไม่มีอะไรน่าห่วง

“สวัสดีครับ คุณพี่สะใภ้ ผมหลุยส์ น้องชายต่างแม่ของลุค เรามีพ่อคนเดียวกันน่ะ…”

เบียงก้าที่เพิ่งถูกเรียกว่า ‘พี่สะใภ้’ ยืนขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก เธอรู้มาบ้างว่าลุคมีน้องชาย แต่เธอไม่ได้ล่วงรู้ถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในตระกูลครอว์ฟอร์ดมากนัก

ไม่มีใครรู้ว่าข่าวลือไหนเป็นจริงหรือเท็จ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเบียงก้าค่ะ” เบียงก้าทักทายหลุยส์

ทุกคนในนั้นนั่งลงแล้วเริ่มพูดคุยกัน

ลุคขอให้เบียงก้านั่งข้างเขา เพราะไม่ว่าจะจากปู่ ลูก ๆ ทั้งสองคน หรือแม้แต่น้องชายต่างแม่ของตัวเอง ลุคก็ต้องค่อยกรั่นกรองและปกป้องเธอจากพวกเขา เขาต้องเป็นคนตัดสินใจว่าคำถามของพวกเขาควรถูกเอ่ยออกมาหรือไม่

“หนูบี ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?” ชายอาวุโสเอ่ยถาม

“24 ปีค่ะ” เบียงก้าตอบ

“ลุคแก่กว่าเธอห้าปีเชียวรึ? ห่างกันห้าปีน่ะดีมาก นี่นะ ฉันมีบทความจะให้พวกเธอดู” ชายอาวุโสกล่าว ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากลิ้นชักของโต๊ะกาแฟ แล้วยื่นให้เบียงก้า

หลุยส์หมดคำจะพูด และได้แต่คิดว่าปู่ของเขาคงจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกแน่

ในเมื่อโต๊ะกาแฟนี้ใหม่เอี่ยม แล้วทำไมถึงได้มีหนังสือพิมพ์อยู่ในลิ้นชักได้ เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าปู่จะต้องรู้เรื่องความต่างของอายุและเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว

เบียงก้ามองไปที่หนังสือพิมพ์

ตามที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ ผลการศึกษาพบว่า ความสัมพันธ์ของผู้ชายที่มากกว่าผู้หญิง 5 ปี มีแนวโน้มว่าจะเกิดความขัดแย้งกันน้อยที่สุด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตแต่งงานมักจบลงด้วยดี และค่อนข้างมีเสถียรภาพมากกว่า

“คุณย่าอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” บลองช์เอ่ยถามคิ้วของเขาขมวดน้อย ๆ

เขาดูจริงจังมาก ราวกับเป็นคนที่สนใจเรื่องที่น้าบีมาเยี่ยมครอบครัวของเขาอย่างเป็นทางการที่สุด

ลุคมองไปที่ลูกชายและตระหนักได้ว่า เขาสวมชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว พ่วงด้วยหูกระต่าย หากใครมาเห็นเขาเข้า ก็คงพากันคิดว่าเขาเป็นคนที่จะพาภรรยาไปพบครอบครัวเสียเอง

“หลานฉีดสเปรย์ที่ผมด้วย หลานไม่กลัวว่าแมลงวันที่มาเกาะผมจะลื่นล้มจนตายรึยังไง?” หลุยส์แตะเข้าที่ผมด้านหลังของหลานชายตัวน้อย “หลานใช้สเปรย์ของอาหมดรึเปล่า?”

บลองช์คิดว่าอาของตัวเองพูดจาไม่ระวัง และทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าคนในครอบครัว แถมยังทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าน้าบีอีก

โชคยังดีที่น้าบีส่งยิ้มมาให้เขา และช่วยฉุดรั้งเขาให้ออกมาจากความอับอายนั้น

เขาจะต้องได้นั่งข้างน้าบี บลองช์เอียงมองลุคผู้ซึ่งจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมถอย บลองช์จ้องตาพ่อของตัวเองกลับไปราวกับจะบอกว่า ‘ผมพนันได้เลยว่า พ่อต้องอยากที่จะอายุเท่าผมตอนนี้แน่’

ชายอาวุโสเกรงว่าเบียงก้าจะเข้าใจสถานการณ์ผิดว่าครอบครัวของเขาไม่ต้อนรับเธอ เขาจึงอธิบาย “แม่ของลุคติดงานแฟชั่นโชว์สำคัญที่ต้องเข้าร่วมวันนี้ เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ได้จัดตารางเวลาให้ดี พอได้ยินว่าลุคมีคนรัก ฉันก็ตื่นเต้นมากที่จะได้พบหนู ฉันควรจะให้แม่หนูเป็นคนนัดวันเวลาด้วยซ้ำ”

“แต่เดี๋ยวแม่ของลุคก็กลับมาแล้วล่ะ”

เบียงก้าเคยเห็นแม่ของลุคจากนิตยสารมาก่อน ทุก ๆ งานปาร์ตี้ที่ได้เชิญสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายมาเป็นแขก อลิสันเองก็จะเป็นหนึ่งในนั้นเสมอ

เบียงก้ากำลังจะเอ่ยปากว่าเธอไม่ลำบากอะไร ในตอนนั้นเองที่เธอได้เสียงรถที่ประตู

“คุณย่ากลับมาแล้วเหรอคะ?” เรนนี่เดินออกจากอ้อมแขนของทวดแล้ววิ่งไปที่ประตูเพื่อทักทายย่าของเธอ

อลิสันก้าวลงจากรถ และเดินอย่างสง่างาม

เบียงก้ากลืนคำพูดของตัวเองลงคอไป แล้วยืนขึ้นตามลุค

“คุณย่าคะ คุณน้าบีอยู่ที่นี่ด้วย…” เรนนี่กล่าว ขณะเดินออกไปช่วยคุณยายถือกระเป๋าหลุยส์ วีตองด้วยการสอดมันไว้ในแขนป้อม ๆ ของตัวเอง

อลิสันเดินเข้ามาด้านในด้วยรอยยิ้มร่าบนใบหน้า และกล่าวขอโทษแก่หญิงสาวแปลกหน้า “ขอโทษนะจ๊ะที่ทำให้เธอต้องรอ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมา”

“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเองก็เพิ่งมาถึง ทุกอย่างมันฉุกละหุกไปหมด แถมฉันก็ไม่ได้บอกคุณล่วงหน้าด้วย” เบียงก้ากล่าวอย่างสุภาพนอบน้อมและรับกอดอันอบอุ่นของอลิสัน

“แม่ครับ นั่งเถอะ” ลุคไม่อยากให้เบียงก้าคบค้าสมาคมอะไรกับพวกเขามากนัก เพราะมีแต่จะเหนื่อยกันหมด เขาจึงดึงร่างของเบียงก้าออกมาจากอ้อมแขนของแม่อย่างรวดเร็ว

เมื่อชายอาวุโสเห็นภาพตรงหน้า ก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ

‘พูดแค่ประโยคเดียว เขาก็กังวลแล้วว่ากล่องเสียงของภรรยาในอนาคตจะแหบแห้งอย่างนั้นเหรอ? ดูท่าเจ้าหลานชายของเขาจะต้องหลงหัวปักหัวปำในไม่ช้าแน่’

“บีใช่ไหม? ฉันได้ยินเรนนี่เรียกเธออย่างนั้น เธอนามสกุลอะไรล่ะ?” อลิสันนั่งลงแล้วถามขึ้น

“ฉันนามสกุล…” ก่อนที่เบียงก้าจะทันได้พูดต่อจนจบประโยค สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหญิงวัยกลางคนในชุดกี่เพ้าลายดอกไม้ เดินลงบันไดมา เธอถือแก้วน้ำผลไม้สีแดงอยู่ในมือ สีหน้าดูไม่มีความสุขแถมยังมีรังสีแห่งความดุดัน

“นางสารเลว! เลิกมาจุ้นจ้านกับฉันซะที!” ซูซานสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เธอสาปส่งอลิสัน เธอก็สาดน้ำในแก้วที่ถืออยู่ใส่หน้าของเธอ เธอวางแก้วลงอย่างแรงในตอนที่น้ำกระเด็นไปทั่ว ซูซานมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น “อะไร? พวกคุณกลัวว่าฉันจะทำเสียเรื่องก็เลยให้หลุยส์ขังฉันไว้ในห้องอย่างนั้นเหรอ?”

เบียงก้าตกใจ เธอยืนขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ใส่กี่เพ้าของกุชชี่นี้เป็นใคร

พี่เลี้ยงคนหนึ่งรีบนำกระดาษทิชชูเข้ามาเช็ดน้ำผลไม้ออกจากใบหน้าของอลิสัน ท่ามกลางความเงียบงัน ลุคยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างไร้ความรู้สึกราวกับว่าไม่ใช่แม่ของตัวเองที่ถูกสาดด้วยน้ำนั่น

เด็กทั้งสองได้แต่นั่งเม้มปากอยู่เงียบ ๆ ราวกับว่าพวกเขาชินกับสถานการณ์นี้อยู่แล้ว

“แม่ ฟังผม ขึ้นไปข้างบนซะ!” หลุยส์ยืนขึ้นและพยายามจะห้ามซูซาน

ซูซานผลักลูกชายของเธอออกเหมือนคนขาดสติก่อนจะหันกลับไปพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดตัวเธอไป ซูซานมองไปที่เบียงก้า ก่อนจะยิ้มเยาะออกมาในทันที รอยยิ้มของเธอเย็นยะเยือกจนราวกับจะหนาวไปถึงกระดูก...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก