เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนลงจากชั้นสอง พวกเขาเห็นรถหรูแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์
‘เรนจ์โรเวอร์สีดำ! พ่อกลับมาแล้ว!’
“น้าบี พวกเราคิดถึงคุณค่ะ…” เด็กน้อยวิ่งออกไป สิ่งแรกที่เรนนี่ทำคือการเข้าไปกอดเบียงก้าที่เพิ่งลงจากรถ
เบียงก้าเกือบจะเสียการทรงตัว เธอค้อมตัวลงเพื่อลูบแก้มนุ่ม ๆ ของเรนนี่ “น้าก็คิดถึงหนูจ้ะ”
เมื่อชายอาวุโสมองดูฉากครอบครัวสุขสันต์เบื้องหน้าเขาก็ดีใจอย่างมาก คล้ายว่างานแต่งงานของหลานชายจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเสียแล้ว
หากได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ และเด็ก ๆ ก็ไม่ได้เกลียดแม่เลี้ยงของพวกเขา ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี
“ลูกต้องยืนให้ดี ๆ อย่าลากคุณน้าบีไปแบบนั้นอีก” ลุคก้าวขาที่เรียวยาวของตัวเองลงจากรถ และจ้องมองลูกทั้งสองคนที่ตามติดเบียงก้าแจด้วยใบหน้าจริงจัง
เรนนี่เม้มริมฝีปาก ถอนลมหายใจและบ่นอุบอิบ “ทำไมคุณพ่อกอดน้าบีได้คนเดียวล่ะคะ? ครั้งที่แล้วพ่อก็กอดน้าบีจนเธอร้องไห้…”
ลุค “...”
เบียงก้าหน้าแดงอย่างพูดไม่ถูก
“แม่หนูคือน้าบีที่เด็ก ๆ ชอบพูดถึงนี่เอง ต้องขอบอกเลยว่าลุครู้จักเลือกไม่น้อย” ชายอาวุโสรีบแจ้นเข้ามาและพยายามพูดถึงความหลงใหลได้ปลื้มในตัวเบียงก้าของหลานชาย
ชายอาวุโสเหยียดหลังตรง เขาสวมกางเกงขายาวสีเทาเข้ม เสื้อเชิ้ตลายหมากรุกและสวมทับด้วยเสื้อกั๊ก เขาแต่งตัวเรียบร้อยและทันสมัยมากราวกับนายแบบสูงวัยที่ออกมาจากนิตยสารฝรั่งเศส
เบียงก้ายืนขึ้นทันที เธอทักทายผู้อาวุโสด้วยความเคารพ “สวัสดีค่ะ คุณปู่ หนูชื่อเบียงก้าค่ะ”
“ยินดีต้อนรับ เชิญเข้ามานั่งก่อนสิ ดูเหมือนเด็ก ๆ จะรู้จักหนูดี พวกหนูดูสนิทกันดีนะ ฉันดีใจที่เห็นทั้งสามเข้ากันได้ดีเช่นนี้” ชายอาวุโสปฏิบัติต่อเบียงก้าราวกับว่าเธอได้กลายเป็นหลานสะใภ้ของตัวเองไปแล้ว
พี่เลี้ยงเดินออกมารับของขวัญที่ออกมาจากในรถ
ของที่เบียงก้าซื้อมานั้นไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรนัก และแม้ว่ามันไม่ได้เป็นสินค้าหรูหราอะไร แต่ชายอาวุโสก็ชอบมันมากทันทีที่ได้เห็น เขาคิดว่าบีเป็นคนที่จริงใจที่ไม่โผงผาง เธอไม่ได้พยายามเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองด้วยซ้ำ
ก่อนที่หลุยส์จะลงมา เขาจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าแม่ของตัวเองไม่มีอะไรน่าห่วง
“สวัสดีครับ คุณพี่สะใภ้ ผมหลุยส์ น้องชายต่างแม่ของลุค เรามีพ่อคนเดียวกันน่ะ…”
เบียงก้าที่เพิ่งถูกเรียกว่า ‘พี่สะใภ้’ ยืนขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก เธอรู้มาบ้างว่าลุคมีน้องชาย แต่เธอไม่ได้ล่วงรู้ถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในตระกูลครอว์ฟอร์ดมากนัก
ไม่มีใครรู้ว่าข่าวลือไหนเป็นจริงหรือเท็จ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเบียงก้าค่ะ” เบียงก้าทักทายหลุยส์
ทุกคนในนั้นนั่งลงแล้วเริ่มพูดคุยกัน
ลุคขอให้เบียงก้านั่งข้างเขา เพราะไม่ว่าจะจากปู่ ลูก ๆ ทั้งสองคน หรือแม้แต่น้องชายต่างแม่ของตัวเอง ลุคก็ต้องค่อยกรั่นกรองและปกป้องเธอจากพวกเขา เขาต้องเป็นคนตัดสินใจว่าคำถามของพวกเขาควรถูกเอ่ยออกมาหรือไม่
“หนูบี ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?” ชายอาวุโสเอ่ยถาม
“24 ปีค่ะ” เบียงก้าตอบ
“ลุคแก่กว่าเธอห้าปีเชียวรึ? ห่างกันห้าปีน่ะดีมาก นี่นะ ฉันมีบทความจะให้พวกเธอดู” ชายอาวุโสกล่าว ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากลิ้นชักของโต๊ะกาแฟ แล้วยื่นให้เบียงก้า
หลุยส์หมดคำจะพูด และได้แต่คิดว่าปู่ของเขาคงจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกแน่
ในเมื่อโต๊ะกาแฟนี้ใหม่เอี่ยม แล้วทำไมถึงได้มีหนังสือพิมพ์อยู่ในลิ้นชักได้ เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าปู่จะต้องรู้เรื่องความต่างของอายุและเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
เบียงก้ามองไปที่หนังสือพิมพ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก