พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 78

“เธอใช่… คนรักที่ลุคจะพามาแนะนำให้รู้จักอย่างนั้นเหรอ?” ซูซานเอ่ยถามด้วยน้ำตา “ภูมิหลังครอบครัวเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ? ถ้าในอนาคตเธอผิดหวังจากสามีหลังแต่งงาน ครอบครัวเธอจะเลี้ยงดูเธอไหวรึเปล่า?”

เบียงก้าไม่รู้ว่าจะต้องตอบเธอไปอย่างไร

ในตอนที่หลุยส์แนะนำตัวเอง เขาบอกว่าเขาเป็นน้องชายต่างแม่ของลุค และมีพ่อคนเดียวกัน

นั่นอาจจะเป็นไปได้ว่า หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดกี่เพ้าของกุชชี่คนนี้จะมีสามีคนเดียวกันกับอลิสันซึ่งเป็นแม่ของลุค

ซูซานมองสมาชิกของครอบครัวอันใหญ่โตที่มารวมตัวกันและเดินไปหาเบียงก้าทั้งที่ตัวเองคลุ้งไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์

“ระวังค่ะ” เบียงก้ารีบวิ่งเข้าไปรับซูซานที่กำลังจะล้มลงอย่างรวดเร็ว

ซูซานพิงไปกับโซฟาโดยที่มีเบียงก้าพยุงอยู่ เธอขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่สบายใจ “ดูจากรูปร่างหน้าตา ฉันมองออกนะว่าครอบครัวเธอไม่ได้พิเศษอะไร ให้ฉันแนะนำอะไรสักหน่อยนะ อย่าแต่งงานกับคนของครอว์ฟอร์ดเลย”

“กลับขึ้นห้องตัวเองไปซะ!” ชายอาวุโสยืนขึ้นและตวาดใส่ลูกสะใภ้ของตัวเอง เขาโกรธเหลือเกิน!

“ไม่!” ซูซานหันไปมองชายอาวุโสด้วยแววตาที่ดุร้าย ทุกครั้งที่เธอเมา ก็มักจะพูดเรื่องเดิม ๆให้ทุกคนฟัง เธอย้ำมันเป็นครั้งที่ร้อย “คนที่ควรจะต้องไสหัวออกไปคือนางอลิสันต่างหาก ฉันเป็นภรรยาคนแรกของแซคคารี่นะ!”

นัยน์ตาของซูซานถูกความริษยาเข้าแผดเผา เธอชี้หน้าอลิสัน ซูซานต้องการทำให้เธออับอาย “นางแพศยา! แกกำลังพยายามแกล้งทำเป็นนิ่งเฉยเพื่อตบตาใครงั้นเหรอ? แกมันก็แค่ผู้หญิงที่เต้นระบำเปลื้องผ้าแล้วก็ขายตัวอยู่ในคลับเท่านั้นแหละ! ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าก่อนที่แกจะแต่งเข้ามาในตระกูลครอว์ฟอร์ดนี่ แกผ่านมือผู้ชายมาแล้วกี่คน แกนี่มันโชคดีจริง ๆ เลยนะที่แซคคารี่มันตาบอดจนมองไม่เห็นว่าแกมันเป็นผู้หญิงประเภทไหน!”

เบียงก้าเหลือบมองลุคด้วยแววตาว่างเปล่า

ลุคยังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีสงบเงียบ แม้ว่าคิ้วของเขาจะขมวดด้วยความไม่พอใจก็ตาม เขาไม่แม้แต่พยายามจะหยุดกริยาอันไร้สาระของซูซานด้วยซ้ำ เขาทำเพียงแค่สูบบุหรี่หลับตาแล้วพ่นควันออกมา

ทันใดนั้นเบียงก้าก็นึกถึงสิ่งที่เขาพูดกับเธอในสายก่อนหน้านี้ได้

“อย่ากดดันตัวเองนักเลย อันที่จริงแล้วครอบครัวผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณหรอก ถ้าคุณมองดี ๆ ก็จะรู้ว่าเราน่ะเหมือนกัน”

“เธอแน่ใจเหรอว่าจะแต่งเข้ามาในครอบครัวครอว์ฟอร์ด?” ซูซานมองเบียงก้าและพยายามเกลี้ยกล่อมเธออย่างหมดหัวใจ “เด็กน้อยเอ๋ย ตระกูลครอว์ฟอร์ดน่ะเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมากในเมืองนี้ โด่งดังเป็นอันดับต้น ๆ เชียวนะ และถ้าเธอเลือกที่จะแต่งเข้ามาในตระกูลนี้ก็จะไม่ต่างจากการขุดหลุมฝันตัวเอง สามีเธอจะไม่แยแสเธอ หรือแม้แต่ญาติของเธอก็จะไม่แยแสเธอเหมือนกัน”

“ประเด็นที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ผู้หญิงมากมายที่จ้องจะตะครุบสามีของเธอ ไม่ว่าผู้หญิงพวกนั้นจะต่ำต้อยหรือไร้ราคาขนาดไหน บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นพวกนักเต้นระบำเปลื้องผ้าในคลับที่ยอมให้ผู้ชายจับต้องอย่างง่าย ๆ ก็ได้ เขาจะยังเก็บผู้หญิงพวกนั้นไว้แล้วชุบเลี้ยงพวกเธอไว้ราวกับเป็นลูกตัวเองอีกด้วยนะ สำหรับภรรยาอย่างเราก็มีหน้าที่แค่ต้องซื่อสัตย์และจมอยู่กับบ้าน เราต้องให้ความเคารพสามีด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะมีเกย์สักคนไว้คบเล่น ๆ ข้างนอกนั่น และบางครั้งก็ต้องถามว่าเขาสนุกมากแค่ไหน” เมื่อจบสุนทรพจน์ของเธอแล้ว ซูซานก็จับมือน้อย ๆ ของเบียงก้าเอาไว้

“นี่มันจะไร้สาระกันไปใหญ่แล้ว!” ชายอาวุโสกระแทกไม้เท้าในมือลงพื้น

เขาเงยหน้าขึ้นมองเบียงก้าแล้วเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “หนูบี คุณป้าเขาดื่มมากเกินน่ะ อย่าไปเก็บสิ่งที่เธอพูดไปใส่ใจไว้เลยนะ”

เบียงก้ามองไปที่ชายอาวุโส

“อย่าทนงให้ความอาวุโสของตัวเองไปหน่อยเลยค่ะ คุณพ่อไม่รู้รึไงคะ? ว่ากำลังปล่อยให้นายหญิงของแซคคารี่ทำให้หลานสะใภ้ของคุณพ่อเสื่อมเสียชื่อเสียงน่ะ” ซูซานยืนขึ้นและตะโกน “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง!”

“แม่ ถ้าแม่อยากจะสร้างปัญหา ก็ขอให้เป็นครั้งหน้านะครับ!” หลุยส์โกรธเหลือทน เขากอดแม่ด้วยแรงทั้งหมดและพยายามพาเธอไปที่บันได

สาวรับใช้ถูกเรียกให้มาช่วยเขา ทั้งสองคนทั้งช่วยกันลากและดึงซูซานจนกระทั่งเธอขึ้นบันไดไปในที่สุด

ขณะเดียวกันนั้น เบียงก้าที่ยืนอยู่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียงข้างของถูกโยนอยู่ที่ชั้นบน

หลังจากที่หลุยส์ขึ้นไปที่ชั้นบนแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับลงมาอีก อาจจะเพราะเขากลัวว่าแม่ของตัวเองจะอะไรบ้า ๆ อีกก็เป็นได้

โฮ! เสียงร้องของซูซานดังก้องไปทั่วคฤหาสน์

ลุคบอกใบ้ให้เบียงก้าพาลูก ๆ ของเขาออกไปเล่นข้างนอก

ในตอนพลบค่ำ มวลผึ้งยังคงเก็บน้ำหวานของดอกไม้ที่ถูกปลูกในทุ่งดอกไม้ของคฤหาสน์อย่างขยันขันแข็ง

เรนนี่มองไปที่ผึ้งฝูงนั้นแล้วบ่นพึมพำ “พวกมันชอบส่งเสียงหึ่ง ๆ ออกมาด้วย น้าบีคะ พวกมันจะได้กินน้ำหวานที่พวกมันเก็บไปไหมคะ?”

เบียงก้าตกอยู่ในภวังค์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยินในสิ่งที่เรนนี่ถาม

“น้าบีคะ?” เรนนี่ค้อมตัวลงก่อนจะเงยหน้ามองเบียงก้า

“จ๊ะ?” เบียงก้าถามกลับ ในที่สุดเธอก็หลุดจากภวังค์

“น้าบี นักเต้นระบำเปลื้องผ้าในคลับที่ยอมให้ผู้ชายจับต้องอย่างง่าย ๆ คืออะไรเหรอคะ? ทำไมคุณย่าซูซานต้องพูดแบบนั้นกับคุณย่าด้วย?” สาวน้อยเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา

‘คุณย่าซูซานดุมาก แต่ก็ร้องไห้ด้วย’

‘แถมยังสาดน้ำผลไม้สีแดงนั้นใส่หน้าคุณย่าอีก’

เรนนี่ไม่รู้ว่าใครที่แย่กว่ากัน ‘คุณย่าผู้น่าสงสาร หรือคุณย่าซูซานผู้น่าสงสารกันล่ะ?’

เบียงก้าค้อมหลังลงแล้วสวมกอดร่างเล็ก ๆ ของเรนนี่ เบียงก้าหอมแก้มเธอแล้วกล่าว “เวลาผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เราอย่าไปจำในสิ่งที่พวกเขาพูดกันเลย เรามานับหนึ่งถึงสามกัน แล้วก็ลืมทุกอย่างซะทีไหมจ๊ะ?”

“ได้ค่ะ!” เรนนี่หลับตาลงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มนับ “หนึ่ง สอง สาม...น้าบีคะ หนูลืมทุกอย่างหมดแล้ว!”

“เก่งมากจ้ะ เรนนี่” เบียงก้ากอดเรนนี่แน่นขึ้น เธอเอื้อมมือไปหาลานี่ที่เงียบอยู่ตลอดเวลา “หนูก็ต้องลืมมันเหมือนกัน รู้ไหมจ๊ะ?”

เด็กชายพยักหน้ารับ แต่ยังขมวดคิ้วแน่น

เบียงก้าไม่ได้รู้สึกต่อผู้ใหญ่คนไหนในห้องนั้นเลย หากแต่รู้สึกแย่ต่อเด็กที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคน พวกเขาไม่ควรต้องมารับรับอะไรตอนอายุแค่นี้ แต่พวกเขากลับต้องมาได้ยินคำพูดอันโหดร้ายของคนในครอบครัวตลอดเวลา

จริงอยู่ที่ผู้ใหญ่มีสิทธิ์จะพูด แต่ก็ควรจะพูดให้ถูกกาลเทศะเท่านั้น

หลังจากได้เห็นเรื่องราวอันเลวร้ายของครอบครัวมหาเศรษฐีแล้ว เบียงก้าก็อุ้มเด็กทั้งสองคนไว้ เธอสงสัยถึงความเป็นอยู่ของลูกตัวเองไม่ได้ เธออยากรู้ว่าสภาพแวดล้อมของลูก ๆ นั้นจะไม่มีความสุขเหมือนพวกเขาหรือจะตรงกันข้ามอย่างที่พวกเขาจะมีความสุขดี

ลุคแนะนำให้ครอบครัวยกเลิกการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันไปก่อน

ชายอาวุโสไม่ได้บังคับให้เขาอยู่ต่อ เขาพูดเพียงว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากจะนัดมารับประทานอาหารร่วมกันวันหลังแทน

ลุคเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับอลิสันแม่ของเขา

“ลูกสองคนอยากอยู่บ้านหรือออกไปกับน้าบีล่ะ?” ลุคเดินออกมาแล้วเอ่ยถามเด็กทั้งสองคนที่กอดเบียงก้าไว้แน่น

อุ้งมืออวบทั้งสี่เกาะเบียงก้าไว้แน่น ดูราวกับเป็นทางออกของเด็ก ๆ

“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตอนที่เธอมาที่นี่ ฉันหวังว่ามันจะทำให้เธอรู้สึกขบขำไม่น้อยสำหรับเรื่องพวกนี้ ฉันชอบเธอมากนะ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองกับฉันเลยนี่นา ฉันรู้แค่ว่าเด็ก ๆ ชอบเรียกเธอว่าคุณบี” อลิสันกลับมาดูเหมือนก่อน ใบหน้าของเธอสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย แค่มองจากระยะไกลก็ยังมองออกว่าเธอทั้งสง่างามและหรูหราเพียงใด

“ฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ” เบียงก้าตอบกลับอย่างใจเย็น

รอยยิ้มบนใบหน้าของอลิสันค้างเติ่งในทันที ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินในสิ่งที่เบียงก้าพูด “อะไรนะ? เบียงก้า เรย์นงั้นเหรอ? เธอเพิ่งบอกว่านามสกุลเธอคือเรย์นใช่ไหม?”

เบียงก้าพยักหน้ารับ

ลุคมองไปที่แม่ของตัวเองแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงใกล้จะหมดความอดทน “ทำไมครับ? แม่มีปัญหาอะไรกับนามสกุลเรย์นงั้นเหรอ?”

ลุครู้สึกว่าแม่ของเขากำลังพูดมากเกินไปแล้วในตอนนี้ เขาเป็นคนที่เธอจะได้ใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย และเธอไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลายเป็นตัวตลกของครอบครัวประหลาด ๆของเขาเลยแม้แต่น้อย ที่เขายอมพาเธอมาพบคนในครอบครัว ก็ถือเป็นการแสดงความเคารพพวกเขาอย่างที่สุดแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก