“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก แม่คิดว่ามันเป็นนามสกุลที่หายากน่ะ” อลิสันเป็นผู้หญิงที่เห็นโลกมามาก ถึงแม้ว่าภายในใจของเธอนั้นจะเต็มไปด้วยความสับสนที่ประเดประดังเข้ามา แต่ก็นิ่งสงบราวกับโลกภายนอกไม่อาจทำให้เธอหวั่นไหวได้
‘เบียงก้า เรย์น’
อลิสันเอ่ยชื่อเธอซ้ำอยู่ในหัว
เบียงก้ามองไปที่อลิสันเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงอยู่ที่มีอีกหลายคนในประเทศนี้ใช้นามสกุลเดียวกับเธอ แต่คนทั่วไปมักจะไม่เคยเห็นนามสกุลนี้นัก
ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงวัยทำงาน ผู้คนรอบตัวเธอที่เธอรู้จักมีเพียงคนเดียวที่ใช้นามสกุลนี้ นั่นก็คือเธอเอง
อลิสันมองตามหลังลูกชายที่ออกไปพร้อมกับเบียงก้า
หลังจากที่รถของลุคเคลื่อนออกไป ก็เหลือเพียงอลิสันคนเดียวที่ยังยืนอยู่ในสวนของคฤหาสน์
หลังจากนั้นไม่นาน อลิสันหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา
เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้เธอในตอนนี้ ก่อนที่เธอจะเดินไปยังสระว่ายน้ำ เธอกดเบอร์โทรหาคนที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…”
ทันทีที่เสียงปี๊บดังขึ้น เธอรู้สึกหงุดหงิดจนต้องขมวดคิ้ว อลิสันกดเบอร์โทรศัพท์เดิมอีกหน
เธอโทรไปอีหลายครั้งจนมือของเธอเริ่มสั่น แต่โทรศัพท์ของเขาก็ยังปิดอยู่!
…
ลุคพาเบียงก้าและลูก ๆ ไปที่อพาร์ตเมนต์หรูใจกลางเมือง
พื้นที่ขนาด 210 ตารางเมตรถูกตกแต่งอย่างหรูหราและตั้งอยู่ในทำเลที่ดี
“พ่อครับ ทำไมพ่อไม่เคยพาเรามาที่นี่เลยล่ะ?” บลองช์เดินไปรอบห้อง ก่อนจะหันหลังกลับมาแล้วเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟา
ลุคมองดูลูกชายด้วยสายตาเป็นกันเองแล้วตอบ “พ่อเพิ่งซื้อที่นี่เมื่อวานนี้เอง”
“พ่อไม่อยากกลับไปบ้านแล้วเหรอครับ?” บลองช์เอ่ยถาม
“...ที่นี่อยู่ใกล้ที่ทำงานของพ่อมากกว่าน่ะ”
“มันดูเหมือน....จะใกล้กับโรงเรียนของพวกเราด้วยใช่ไหมครับ?” บลองช์ถามขณะที่พยายามนึก “ผมเคยเห็นถนนระหว่างทางมาที่นี่ ตอนที่คุณลุงเจสันพาเราไปโรงเรียนครั้งที่แล้ว ลุงก็ใช้ถนนสายนี้ ทำให้ไปถึงโรงเรียนเร็วขึ้นด้วยครับ”
อพาร์ตเมนต์นี้ตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางเมืองที่สุด เดินทางไปไหนมาไหนคงจะสะดวกไม่น้อย ไม่ได้จำมันพลาด ที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนประถมจริงๆ
“ลูกพยายามจะพูดอะไรกันแน่?” ลุคประสานนิ้วของตัวเองเข้าหากัน สายตานุ่มลึกของเขามองไปที่ลูกชายช่างพูด
“ก็ผมหมายถึง บ้านหลังนี้ใหญ่มาก มีตั้งสามห้องนอนแล้วก็กว้างขวางด้วย ผมกับเรนนี่ขออยู่กับพ่อได้ไหมครับ?” บลองช์พูดเสร็จแล้วมองไปทางห้องน้ำ “ผมคิดออกแล้ว น้าบีก็อยู่อีกห้องหนึ่งผมกับพ่อก็อยู่อีกห้องหนึ่ง แล้วเรนนี่ก็อยู่อีกห้องหนึ่งไงครับ”
“ไม่เอา…”เรนนี่ที่กำลังล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำส่งเสียงออกมา “หนูอยากนอนกับน้าบี แล้วก็นอนในอ้อมแขนของน้าบีด้วย”
เบียงก้ากล่าวในทันที “น้าบีมีบ้านของตัวเองอยู่อาศัยอยู่แล้วจ้ะ แถมจ่ายค่าเช่าไว้ตั้งครึ่งปีแน่ะ”
ลุคเหลือบมองลูกชายด้วยแววตาขุ่นเคือง
บลองช์ทำแผนการของเขาพังไม่มีชิ้นดี
“พ่อครับ ผมทำแผนพ่อพังรึเปล่า?” บลองช์รู้สึกผิดเมื่อเขาได้ยินที่น้าบีพูดว่าจะไม่อยู่ที่นี่ด้วยกัน
เบียงก้าล้างหน้าเล็กและขาวซีดของเรนนี่แล้วเช็ดออกจนเรียบร้อย เธอวางผ้าเช็ดตัวหลังจากที่เช็ดตัวให้เด็กน้อยจนแห้งสนิท
“น้าบีครับ ได้โปรดย้ายมาอยู่ที่นี่กับพวกเรานะครับ” เพื่อละลายสายตาเย็นชาของผู้เป็นพ่อ บลองช์จึงเดินไปกอดบีที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำ เด็กลูบศีรษะตนเองพลางเอ่ยคำขอร้องออกมา
“น้าบีก็เห็นนี่ครับ ว่าบ้านของพวกเรามันเป็นยังไง ผมไม่อยากกลับไปบ้านนั้นอีกแล้ว แล้วถ้าเราต้องอยู่ที่นี่ เราก็ต้องทนมองหน้าหงิก ๆ ของพ่อนะครับ หน้าพ่อดูเหมือนชาติที่แล้วเป็นคนติดหนี้อยู่ล้านเหรียญ พ่ออาจปล่อยให้เราอดตายก็ได้นี่ครับ…”
บลองช์เรียกร้องความเห็นใจ
เบียงก้าคิดหาทางเลือกที่ดีที่สุด เธอค้อมตัวลงแล้วกล่าวว่า “ที่นี่อยู่ระหว่างทางไปทำงานของฉันด้วย เอาแบบนี้ดีไหม? ฉันจะมาที่นี่ทุกเช้าเพื่อทำอาหารเช้าให้พวกหนูเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเธอสบายดีก่อนที่จะไปโรงเรียนแล้วกัน”
บลองช์ต้องการจะเจรจาข้อตกลงนี้ หากแต่เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรบังคับให้เบียงก้าทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ เขารู้ดีว่าการบังคับไม่ได้มีผลดีกับใครทั้งนั้น และมันอาจจะย้อนกลับมาเล่นงานเขาเอาได้
…
หลังจากนั้น พวกเขาออกไปรับประทานอาหารเย็นกันด้านนอก เมื่อเบียงก้าดูเวลา เธอถึงได้รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว
…
เป็นเวลากว่าค่อนคืนแล้ว แต่บลองช์ที่พึ่งย้ายบ้านมานั้นนอนไม่หลับ
เขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แล้วใช้รีโมตเปิดผ้าม่านออก
เด็กชายตัวน้อยเอนหลังนอนอยู่ที่หน้าต่างแบบฝรั่งเศส คิ้วของเขาขมวดมุ่นในตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่างในยามค่ำคืน
“ทำไมลูกยังไม่นอน?” ลุคลุกขึ้นจากเตียงแล้วจุดบุหรี่สูบเมื่อเห็นลูกชาย เขาวางไฟแช็กลงบนโต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่นแล้วเดินออกไปที่ระเบียง
บลองช์เดินตามผู้เป็นพ่อออกไปแล้วเอ่ยถาม “พ่อโกรธรึเปล่าครับ?”
“พ่อควรโกรธเรื่องอะไรล่ะ?” ลุคเลิกคิ้วขึ้นแต่ไม่ได้หันไปมองลูกชาย
“พ่อโกรธที่น้าบีไม่อยากมาอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ?” บลองช์ถามอย่างมีเหตุผล “พ่อครับ พ่ออย่าเห็นแก่ตัวเกินไปสิครับ เราต้องมองจากมุมของน้าบีด้วย ทำไมน้าบีต้องมาดูแลพ่อหม้ายและลูกติดของเขาจากการแต่งงานครั้งก่อนด้วยล่ะ?”
‘พ่อหม้าย?’
ลุคไปมองที่ลูกชาย เขากล่าวอย่างถากถาง “อ๋อ ดูเหมือนเด็กที่ไม่เคยไปโรงเรียนประถมอย่างลูกจะยังไม่ได้เรียนเรื่องมารยาทเลยสักนิดนะ”
บลองช์พูดไม่ออกเมื่อถูกพ่อของเขาพูดจาถากถาง แถมยังว่าเขาว่าไร้มารยาทอีกด้วย
อีกแค่สองเดือนเขาก็จะเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว! บลองช์จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนต่อความอัปยศที่พ่อสร้างขึ้น ณ ตอนนี้!
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง บลองช์ยังอดไม่ได้ที่จะตอบโต้ก่อนจะกลับเข้าห้องนอน “พ่ออาจจะเคยไปโรงเรียนประถม แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดด้วยเกรดเอทั้งหมดก็ตามทีเถอะ แต่พ่อเกือบจะสามสิบแล้ว แต่ก็ยังหาภรรยาไม่ได้... ผมมั่นใจว่าถ้าผมโตขึ้น ผมจะทำได้ดีกว่าพ่อแน่”
ลุคไม่ได้ตอบอะไร “...”
เด็กน้อยกระทืบเท้าแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป เขาปิดประตูแล้วล็อกกลอนไว้ทันที เพราะกลัวพ่อที่ถูกเขายั่วยุจะตามมาตี
…
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เบียงก้าก็ออกจากบ้าน
เนื่องจากเป็นทางผ่าน นีน่าจึงส่งเบียงก้าที่โรงพยาบาล ในขณะที่เบียงก้ากำลังลงจากรถนีน่าก็เอ่ยขึ้น “นี่เธอจะไปทำอาหารให้ลูกของเจ้านายหลังจากเยี่ยมพ่อแล้วจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังจะได้เป็นแม่เลี้ยงของพวกเขาเร็วขนาดนี้!”
เบียงก้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเธอก้มหน้าลงและปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“บี บอกฉันมานะ” นีน่าจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวและยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เธอกำลังล้อเลียน “เธอเต็มใจที่จะเลี้ยงลูกสองคนของเจ้านายอย่างใจเย็น แถมยังอาสาดูแลเด็กพวกนั้นอย่างกับเป็นลูกของตัวเองเนี้ยนะ... โธ่เพื่อนรักของฉัน เธอได้รับบทแม่เลี้ยงเดี่ยวเร็วขนาดนี้เชียว แล้วหน้าที่ภรรยาล่ะ เธอกับเจ้านายของเรา...เอิ่ม พวกเธอ…”
“เอิ่มอะไร?” เบียงก้าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเธอเปิดประตูแล้วลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
“เอิ่ม ก็แน่นอนว่าจะต้องถามเรื่องที่เธอสองคนนอนด้วยกันแล้วน่ะสิ!” นีน่าแกล้งพูด
เบียงก้าปิดประตูรถทันที แล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไป
เมื่อนีน่าเห็นปฏิกิริยาของเพื่อน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง “ยายคนนี้! เธอต้องนอนกับเจ้านายแล้วแน่เลย! คงได้เวลาแห่ขันหมากแล้วล่ะมั้ง!”
…
ที่วอร์ด เบียงก้าผลักประตูให้เปิดออกอย่างนุ่มนวลแล้วเดินเข้าไป
เควินอารมณ์ดีทันทีที่เห็นลูกสาวของตัวเอง
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ? ดูเหมือนหนูจะโทรหาพ่อไม่ติด”
เมื่อพ่อกับลูกสาวเริ่มพูดคุยกัน พยาบาลก็เดินออกไป
ในโรงพยาบาลนี้ เควินไม่ต้องทำอะไรมากนัก เขารู้สึกผ่อนคลายและเอนหลังอยู่บนเตียง “พ่อกำลังจะโทรหาลูกตอนที่ลูกมานี่แหละ ถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์พ่อแบตหมด ก็เลยเพิ่งเอาไปชาร์จน่ะ”
เบียงก้าหยิบเก้าอี้เพื่อนั่งฟังพ่อของเธออย่างจริงจัง
“บี ลูกรู้เรื่องรื้อถอนที่เก่าแก่ในมณฑลเจียงซีไหม? พ่อเพิ่งส่งสัญญาซื้อขายไป ตอนนี้เราก็แค่รอค่าชดเชยเท่านั้น แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก!” เควินกล่าวก่อนจะเริ่มไอ
เบียงก้าใช้ฝ่ามือของเธอตบเข้าที่หน้าอกของผู้เป็นพ่อ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะหายใจได้อย่างที่ควร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก