พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 80

หลังจากหายจากอาการไอที่รุนแรง เควินพูดต่อ “ลูกลาหยุดสักสองวันได้ไหม... ไปเยี่ยมบ้านหลังเก่าของปู่ที่มณฑลเจียงซีกัน? แม่ของมาลีเองน่าจะอยู่ที่นั่นด้วย…”

“ปู่เหรอคะ?” เบียงก้ารู้สึกประหลาดใจ

‘ปู่ไม่ได้ไปญี่ปุ่นกับป้าอย่างนั้นเหรอ? ปู่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’

เควินกุมมือของลูกเขาเพราะเกรงว่าเธอจะโกรธ เขาไอและพูดกับเธออย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากที่บอกทุกอย่างแก่ลูก แพทย์ก็เดินเข้ามาพอดี

แพทย์มาที่นี่เพื่อเฝ้าติดตามอาการและตรวจร่างกายแต่ละวัน

“พ่อคะ หนูไปก่อนนะคะ” เบียงก้ากล่าว

เควินพยักหน้ารับ

เบียงก้าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เธอพยายามแยกแยะเรื่องที่พ่อพูดเกี่ยวกับปู่ ในตอนที่เธอเดินออกจากโรงพยาบาล

ในวอร์ดผู้ป่วย เควินเหยียดแขนออกให้แพทย์เจาะเลือดในขณะที่มืออีกข้างกำลังรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ ผมเควิน” เควินใจจดใจจ่ออยู่กับเข็มที่ติดอยู่ที่แขนจึงไม่เห็นว่าใครเป็นคนโทรมา

น้ำเสียงของอลิสันแหบแห้งราวกับขาดน้ำมาหลายวัน “ลูกสาวคุณชื่ออะไร?”

“ทำไมคุณต้องถามด้วยล่ะ?” น้ำเสียงของเควินเปลี่ยนไป

ในตอนที่เธอเอ่ยถาม เควินรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีที่เขาตระหนักได้ว่าคนไร้มารยาทที่โทรมาคือ อลิสัน!

ตั้งแต่เล็กจนโต อลิสันที่เป็นแม่ไม่เคยถามชื่อของลูกตัวเองเลยสักครั้ง!

“หยุดไร้สาระแล้วตอบฉันมา!” อลิสันตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

“เบียงก้า เรย์นไง ชื่อเบียงก้าที่แปลว่าสีขาว เพราะฉันอยากให้ลูกสาวโตมาอย่างบริสุทธิ์ ขาวสะอาด ไม่เหมือนเธอ! เธอมันผู้หญิงสกปรกโสโครก!” หลังจากเควินด่าอลิสัน เขาก็อ้าปากค้างเพื่อหายใจ “ตอนนี้เธอมีแผนจะทำอะไรก็ว่ามา?!”

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

โทรศัพท์ในมือของอลิสันร่วงลงจากมือที่จู่ ๆ ก็ไร้เรี่ยวแรงของเธอ

โทรศัพท์นั้นร่วงลงไปบนพื้น

‘เบียงก้า’

เควินบอกว่าชื่อของลูกสาวเขาคือเบียงก้า

ทั้งหมดนี่เป็นแผนการแก้แค้นแม่ตัวเองของเบียงก้ารึเปล่า?

‘เธอวางแผนการเยี่ยมไว้ล่วงหน้าหรือไม่?’

อลิสันหัวเราะออกมา ‘เบียงก้าอายุแค่ 24 ปี แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าใสซื่อของเธอจะไม่ใช่สิ่งที่เธอเป็นสินะ! เธอกำลังหลอกเราทั้งคู่! ’

...

ลุคตื่นขึ้นในตอนที่ได้รับสายของเบียงก้าในตอนเช้าตรู่

“ขอโทษค่ะ แต่ฉันสัญญาว่าจะไปทำอาหารเช้าให้พวกคุณ ดูเหมือนฉันจะยุ่งนิดหน่อยและไปไม่ได้แล้ว คุณช่วยบอกลานี่กับเรนนี่แทนฉันทีได้ไหมคะ?” หลังจากที่เธอพูด เธอก็วางสายไป

หัวหน้าแผนกยังไม่มาที่ทำงาน ดังนั้น เบียงก้าจึงต้องโทรไปแจ้งเรื่องการลาหยุดของเธอ

เมื่อเธอนึกไปถึงปู่ที่เธอไม่ได้เจอหน้ามากว่าห้าปี มือของเธอก็สั่นเทาขึ้น น้ำตาไหลออกมาโดยไร้สัญญาณเตือน ชายชราวัย 70 เศษที่สุขภาพไม่ดีนักต้องอาศัยอยู่ที่บ้านนอกนั่นคนเดียว

ปู่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่แบเบาะ

เขาเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอที่สุด ใกล้ชิดเสียยิ่งกว่าพ่อของเธอด้วยซ้ำไป

ในทางกลับบ้านเช่า เธอโทรไปแจ้งสาเหตุการลาหยุดของตัวเองอยู่หลายครั้ง เธอแจ้งแก่หัวหน้าแผนกของตัวเองให้ทราบถึงเหตุผลเช่นเดียวกับที่บอกซูซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของเธอให้ทราบเช่นกัน ในท้ายที่สุด เธอบอกนีน่าว่าเธอจะไม่กลับไปนอนที่บ้านในคืนนี้และจะไม่อยู่ไปอีกสองสามวันด้วย

ในตอนที่ลุคโทรหาเบียงก้า เธอกำลังติดสายอยู่กับคนอื่น

เบียงก้าซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเอง และเลือกซื้อตั๋วขบวนพิเศษ

เธอกุลีกุจอเก็บเสื้อผ้าและของใช้ประจำวัน ก่อนจะรีบออกจากบ้านไป

เมื่อไม่กี่ปีก่อน ป้าของเธอพาปู่ไปอยู่ด้วยเพราะปู่ไม่อยากมาอยู่กับพ่อของเธอ เพราะปู่เข้ากับเจนนิเฟอร์ที่เป็นลูกสะใภ้คนใหม่ไม่ได้ ชายชรานั้นกังวลว่าถ้าหากเขาต้องใช้ชีวิตร่วมกับเจนนิเฟอร์ อายุขัยของตัวเองอาจจะสั้นลง

อย่างไรก็ตาม ป้าของเธอที่แต่งงานกันอย่างดีถูกสามีทอดทิ้งจำต้องออกจากญี่ปุ่นไป

ชายชราที่เคยมีลูกเขยดูแลอย่างดีถูกทิ้งให้เคว้งคว้างอยู่เช่นนั้น สิ่งสุดท้ายที่ลูกเขยทำให้เขาก็คือการส่งเขากลับเมืองจีนนั่นเอง

เบียงก้าโกรธพ่ออยู่หน่อย ๆ ที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

‘ทำไมปู่ต้องอยู่ในเมืองบ้านนอกนั่นด้วย? มันยากมากรึไงที่พ่อจะคุยกับเจนนิเฟอร์และมาลีแล้วพอปู่ไปอยู่ที่เมืองเอกับเราด้วย?’

เบียงก้าขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปมณฑลเจียงซีอย่างเร่งรีบ

สถานีที่นี่ดูสร้างไม่เสร็จและมีโจรชุกชุม เบียงก้าต้องคอยระวังว่ากระเป๋าของเธอจะไม่หายไปไหน

หลังจากที่เบียงก้าหาที่นั่งที่ปลอดภัยได้ เธอก็หยิบสมุดโน้ตของตัวเองขึ้นมาแล้วเริ่มทำงาน เธอใส่หูฟังเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิไปกับเสียงที่ดังขึ้นด้านนอก

หลังจากง่วนอยู่พักหนึ่ง เธอก็เกิดหิวขึ้นมา เบียงก้าหยิบแซนด์วิชออกมาจากกระเป๋าที่ตัวเองเตรียมไว้

เบียงก้าขึ้นรถไฟตอน 9 นาฬิกา 20นาที และถึงที่มณฑลเจียงซีตอน 11 โมง หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เบียงก้ายกกระเป๋าและแล็ปท็อปของตัวเองลงจากรถไฟไป

สถานีรถไฟนั้นแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ในตอนที่นึกย้อนกลับไป เธอยังจำรายละเอียดรอบ ๆ ตัวได้เป็นอย่างดี ช่างน่าหวนรำลึกถึงความหลังเหลือเกิน

ในตอนที่เธอมองไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่เธอเกิดและเติบโต น้ำตาก็พลันไหลออกมา

“แท็กซี่ครับ! ห้าเหรียญต่อคนเท่านั้น!” ชายผิวคล้ำตะโกนไปยังผู้โดยสารที่เดินออกมา

เบียงก้าขึ้นรถแท็กซี่ไป

มีผู้โดยสารถึงสี่คน และแต่ละคนจ่ายกันคนละห้าเหรียญ

ใช้เวลาเพียงสิบนาที เบียงก้าก็เดินทางมาถึงหน้าประตูบ้านหลังเก่า

อาคารสองชั้นเบื้องหน้าเธอนั้นทรุดโทรมมาก

เบียงก้าสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เธอเหยียบวัชพืชที่งอกขึ้นมาจากรอยแตกของอิฐแล้วลากกระเป๋าเข้าไป

เธอผลักประตูเหล็กออก และเห็นลานหน้าบ้านที่ปูด้วยก้อนอิฐสีแดง วัชพืชในสนามนี้ไม่สูงและมีรอยติดอยู่บ้าง ในตอนที่เบียงก้าเข้าไป เธอก็สำลักเข้ากับกลุ่มควันที่เข้ามาให้จมูก

ในตอนที่เธอเดินเข้าไปในบ้าน เบียงก้าเห็นหลังค่อม ๆของปู่ตัวเอง

ชายชราไอไม่ยอมหยุด ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการที่ควันลอยขึ้นมาจากเตา น้ำตาเขาไหลอาบแก้ม มีเพียงชามข้าวและผักที่เหลือจากในหม้อดำ ๆ เท่านั้น

ดูเหมือนชามผักนี่จะถูกอุ่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว เพราะมันแทบไม่เหลือมันลอยอยู่ในซุปนี้เลย

เบียงก้าเดินเข้าไป แท่งฟืนในเตาส่งเสียงแตก เธอรีบเข้าไปหาเขา และกอดปู่ทั้งน้ำตา “ปู่คะ…”

ปู่ถือฟืนไว้ด้วยมือผอม ๆ เขาเงยหน้ามองเบียงก้า

“ใครน่ะ…”

“ปู่ จำหนูไม่ได้เหรอคะ หนูบีไง”

เบียงก้าเช็ดน้ำตาเหมือนเด็ก ๆ ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋าขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของปู่อย่างระวัง ทั้งที่ตัวเองร้องไห้จนตาบวม “ทำไมตอนที่กลับมาปู่ถึงไม่โทรหาหนูบ้างล่ะคะ? ถึงพ่อจะมาไม่ได้ แต่ปู่มีหนูอยู่นะ หนูเป็นหลานปู่นี่นา…”

“บี? นี่หลานจริง ๆเรอะ? พ่อหลานบอกปู่ว่าหลานกำลังจะแต่งงาน ปู่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงชีวิตและสร้างปัญหาอะไรให้ครอบครัวของสามีหลานเลย” ชายชราคิดถึงหลานตัวเอง เขาจ้องมองหลานสาวขณะที่เอื้อมมือไปลูบหัวของเธอ ‘อ่า หลานสาวตัวน้อยของฉันยังเป็นเด็กดีเหมือนเดิมสินะ’

เพราะหูตาเริ่มฝ้าฟาง เขาจึงไม่อาจจะจำหลานสาวที่โตขึ้นแล้วของตัวเองได้

“คุณไม่ใช่ตัวถ่วงหรือเป็นคนที่สร้างปัญหาอะไรให้เราเลยนะครับ” เสียงทุ้มต่ำและทรงพลังของใครบางคนดังขึ้นจากนอกประตู

เบียงก้าคิดว่าเธอคงคิดไปเอง เธอหันหน้าที่เปียกโชกของตัวเองไปมอง

ชายที่ดูราวกับร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ ในตอนที่เธอเดินตามแสงไป เธอก็เห็นรถเรนจ์ โรเวอร์สีดำจอดอยู่หน้าประตู

เธอรู้สึกเจ็บปวดเรื่องปู่มากเกินไป เลยไม่ได้สนใจเสียงของรถคันไหน

ในเมืองมีรถวิ่งกวักไกว่อยู่ทั้งวันทั้งคืน เธอจึงชินกับเสียงพวกนี้ไปเสียแล้ว

ชายในชุดสูทและรองเท้าหนังหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าประตูที่เก่าและทรุดโทรม และเพราะว่าประตูในเมืองเล็ก ๆ นี้ถูกสร้างขึ้นไม่สูง ความสูงตามปกติของเขาจึงดึงดูดสายตามากเป็นพิเศษไม่ว่าจะไปที่ไหน

เมื่อดวงตาทั้งสองสบกัน นัยน์ตาสีเข้มของลุคสงบนิ่ง ราวกับความสงบนิ่งก่อนพายุลูกใหญ่จะถาโถมเข้ามา ดูเหมือนเขาจะโกรธที่เธอมาที่นี่คนเดียวและไม่ยอมให้เขาเป็นคนแรกที่รู้ปัญหาของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก