พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 81

“เขาคือ…” คุณปู่ไม่กล้าเดาว่าชายผู้นี้คือใคร เพราะถ้าหากว่าเขาเดาผิด สถานการณ์คงจะน่าอึดอัดใจ

ลุคที่อยู่ในชุดสูทเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย เขาเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพในขณะที่แขนอีกข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเบียงก้าด้วยท่าทางที่ต้องการทำให้คุณปู่เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา

“คุณคือฌอง แลงดอนที่ลูกชายของฉันเคยเล่าให้ฟังใช่ไหม?” คุณปู่ยืนอยู่ที่หน้าเตาไฟเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ฉันยังจำชื่อของคุณได้ดีหลังจากที่พ่อของบีบอกฉันว่า คุณคบหาดูใจกับหลานสาวของฉันมานานกว่าห้าปี และคุณก็กำลังจะแต่งงานกับหลานสาวของฉันในเร็ว ๆ นี้"

เบียงก้ากังวลว่าลุคจะปฏิเสธและพูดความจริง เธอจึงรีบขัดจังหวะในทันที "ปู่คะ ปู่ผอมลงเยอะเลย! ไม่ชินกับชีวิตที่ญี่ปุ่นเหรอคะ?"

“ปู่แก่แล้ว คนแก่ก็หน้าตาแบบนี้กันทั้งนั้น” คุณปู่เอามือไขว้หลังที่โค้งงอ จากนั้น เขาก็นำท่อนฟืนไปไว้ในห้องที่ทรุดโทรมห้องหนึ่งภายในบ้าน

หลังจากที่เขาค้นหาบางอย่างครู่หนึ่ง ชายชราก็นำเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ สองตัวออกมาวางบนพื้นภายในห้องครัวและเชิญให้หลานเขยของตนนั่งลง “พ่อหนุ่ม มานั่งลงก่อน เราไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ ในบ้านหลังนี้เท่าไหร่นะ”

เบียงก้ามองไปที่เก้าอี้ไม้ทรุดโทรมสองตัวที่อยู่บนพื้น จากนั้นเธอก็เหลือบมองลุคด้วยความเป็นกังวล เธอกลัวว่าเขาจะไม่อยากนั่งลงบนนั้น

อย่างไรก็ตาม ลุคได้คิดไตร่ตรองและคำนึงถึงความรู้สึกของคุณปู่ ดังนั้น เขาจึงลดความสง่าลงและนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขานำมาให้อย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็ดึงตัวเบียงก้าให้นั่งลงข้าง ๆ เขา “นั่งลงสิ มาคุยกับคุณปู่ก่อน”

คุณปู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในครัว

“คุณคุยกับคุณปู่ไปก่อน ฉันจะต้องไปซื้อของมาทำอาหาร” เบียงก้าผลักกระเป๋าเดินทางไปไว้ข้าง ๆ และหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพลางเหลือบมองลุคด้วยความเป็นกังวล

ลุครู้ดีว่าเธอเป็นกังวล เขาจึงพยักหน้าเพื่อต้องการบอกเธอว่าเขาไม่เป็นอะไร

“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ” เบียงก้าเหลือบมองไปที่คุณปู่ก่อนที่เธอจะเดินออกไป

หลังจากที่เบียงก้าเดินผ่านบริเวณที่ก่อด้วยอิฐสีแดงและออกจากประตูไป เบียงก้าก็เงยหน้าขึ้นและเห็นผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ตรงหน้าห่างสองถึงสามเมตร

เธอจำชื่อของเพื่อนบ้านเหล่านั้นแทบจะไม่ได้

ในสายตาของเพื่อนบ้านเหล่านั้น เบียงก้าเป็นลูกสาวของผู้หญิงอย่างว่า และเมื่อเธอโตขึ้น เธอก็จะกลายเป็นผู้หญิงอย่างว่าเช่นกัน สิ่งเหล่านั้นคือเรื่องซุบซิบนินทาที่เธอเคยได้ยินมาตลอดตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเด็ก

เบียงก้ากำลังเดินไปยังร้านมินิมาร์ท

ถึงแม้ว่าผู้คนที่นินทาเธอลับหลังจะพูดถึงเธอน้อยลง แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่คนเหล่านั้นพูดถึงจะคืบหน้ามากขึ้น

และการที่ลุคและเธอมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ก็ได้ทำให้เรื่องซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเธอที่เคยน้อยลง กลับกระพือขึ้นอีกครั้ง

“เธอคือ บี ลูกสาวของครอบครัวเรย์นใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่เบียงก้าในขณะที่เอ่ยถามคนอื่น ๆ อย่างกระซิบกระซาบ

ใครบางคนตอบขึ้นทันทีว่า “น่าจะใช่นะ ถึงแม้ว่าเธอจะโตมากขึ้นแล้ว แต่เราก็ยังพอจะมองออกว่านั่นคือเธอ นั่นคือ แม่หนูบีคนนั้น”

“หึ! ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเปรียบเสมือนแม่น้ำเมื่อ 30 ปีที่แล้ว มันอาจจะถูกเรียกว่าแม่น้ำตะวันออก แต่เมื่อ 30 ปีต่อมา มันอาจจะกลายเป็นแม่น้ำตะวันตก ดูสิว่าลูกสาวของเรย์นนั้นดูมีราศีมากแค่ไหน แล้วดูลูกสาวของฉันสิ เธอเพียงแค่ได้แต่งงานกับตำรวจในมณฑลนี้เท่านั้นเอง”

“คุณนายวิลสัน อย่าพูดแบบนั้นสิ เมื่อเปรียบเทียบกับลูกสาวของคนอื่น ๆ ในเมืองของเราแล้ว ลูกสาวของคุณได้แต่งงานกับคนที่ดีที่สุด”

“มันก็ไม่ดีนักหรอก เหตุผลเดียวที่ฉันกับสามียอมตกลงให้เธอแต่งงานกับเขา เป็นเพราะสินสอดทองหมั้นที่มีมูลค่า 200,000 และรถที่เขาซื้อให้พ่อตาของเขาที่มีมูลค่ามากกว่า 100,000 แค่นั้นเอง อีกอย่าง ลูกเขยของฉันไม่มีอะไรดีหรอก เขามีแต่เงิน! ฉันละเกลียดจริง ๆ!”

ใครบางคนในกลุ่มยืนขึ้นและพยายามพูดจาสรรเสริญเยินยอคุณนายวิลสันต่อ “ลูกสาวของคุณยังได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ดี แต่สำหรับสาวบีคนนั้น ฉันมั่นใจ 80 เปอร์เซ็นต์ว่าเธอจะต้องเป็นเมียน้อยของเขาแน่ ๆ ดูรถผู้ชายของเธอสิ ฉันพนันได้เลยว่าราคาเหยียบล้านแน่! หรือบางที บีอาจจะหลอกล่อชายผู้นั้นมาจากที่ไหนสักแห่งและรีบพาเขากลับมาที่นี่เพื่ออวดผู้คนในเมืองของเราก็ได้”

“แม่สาวบีนี่ช่างไร้ยางอาย… เธอทำตัวแบบเดียวกับที่แม่ของเธอที่หนีไปกับผู้ชายรวย ๆไม่มีผิด…”

...

เบียงก้าเลือกซื้อผักสด เนื้อ ซี่โครง และเครื่องปรุงอยู่ในร้านมินิมาร์ท

หญิงวัยกลางคนหลายคนยังคงซุบซิบนินทากันอยู่ที่นั่นในขณะที่เบียงก้ากลับมาแล้ว

เมื่อเธอเดินผ่านสนามหน้าบ้านและเข้าไปในบ้าน เธอก็ได้เห็นลุคที่กำลังถือชามอาหารเหลืออยู่ในมือและกำลังจะเททิ้ง คุณปู่จ้องมองที่ชามด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะหยุดลุคแต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะแสดงความหยาบคายออกมา

“คุณปู่ครับ การกินผักในชามนี้จะไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณปู่นะ ตรงกันข้าม มันจะทำร้ายมากกว่าด้วย” ลุคพูดในขณะที่เขาเทของเหลือทิ้งอย่างเด็ดขาด

คุณปู่นั่งเงียบโดยไม่พูดอะไร

เบียงก้ายืนอยู่ที่ทางเข้าประตูพร้อมกับสิ่งของที่อยู่ในมือ เธอไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยที่พุ่งเข้ามาภายในหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ชายผู้สง่างามเดินเข้าไปในครัว นิ้วเรียวยาวของเขาจับลงบนชามที่มีรอยร้าว เพชรที่ฝังอยู่บนนาฬิกาสุดหรูที่เขาสวมอยู่บนข้อมือสะท้อนแสงที่เป็นประกายแวววาวอยู่ภายในห้องที่มืดสลัวและทรุดโทรมจนดูไม่น่าเชื่อ

เมื่อลุคสังเกตเห็นว่าเธอยืนอยู่ที่ประตูและถือถุงที่เธอซื้อมาอยู่ในมือ ลุคก็วางชามเก่าลงและเงยหน้าขึ้นมองเธอ “กลับมาแล้วเหรอ? ได้อะไรมาบ้าง?”

เบียงก้ารู้สึกประทับใจที่เขาไม่ได้รังเกียจและบ่นที่เขาได้เห็นว่าบ้านหลังอื่น ๆ ในเมืองนั้นต่างก็มีเตาแก๊ส ต่างจากบ้านหลังเก่า ๆ หลังนี้ที่คุณปู่ชราของเธอยังคงใช้เตาถ่านอยู่

เนื่องจากว่าลุคเคยใช้เวลาทั้งปีอยู่ในเมือง ดังนั้น เขาจึงรู้เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวเมืองเป็นอย่างดี

เหตุผลหลักที่มณฑลเจียงซีไม่ได้รับการพัฒนานั้นเป็นเพราะการขาดความรับผิดชอบของผู้นำคนก่อนหน้านี้

และหลังจากที่มีการเปลี่ยนผู้นำแล้ว เศรษฐกิจของเมืองนี้ก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใหม่และนักพัฒนาที่ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเมืองนี้ และความเป็นอยู่ในมณฑลเจียงซียังดีขึ้นถนัดตา

พนักงานนำเตาและถังแก๊สที่ลุคสั่งซื้อมาส่งและติดตั้งให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 20 นาที

“คุณไปคุยกับคุณปู่เถอะ ผมจัดการเอง” ลุคเดินตรงไปที่เขียง เขากังวลว่าเธอจะไม่รู้วิธีใช้เตาแก๊สนี้ และเขาก็ยังกังวลว่า มีดทำครัวที่เก่าและทื่อพวกนี้อาจบาดมือเธอได้

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเอง คุณไปนั่งเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะรู้สึกไม่ดีเอาได้”

ถึงแม้ว่าเบียงก้าจะรู้สึกขอบคุณเขามาก แต่เธอก็รู้สึกผิดเช่นกัน เธอจึงไม่ยอมให้เขาทำอาหารเย็น

และเบียงก้าก็ยังรู้สึกประหลาดใจที่เขาทำอาหารได้

ลุคมองดูการหั่นชิ้นเนื้อที่เธอทำ ก่อนที่ชายชราจะเรียกเขาไปคุยด้วย

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธออยู่ที่ประเทศอังกฤษ หรือตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่นและอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ เบียงก้าก็ยังทำอาหารเองอยู่เสมอ สมัยยังเด็ก คุณปู่มักจะง่วนอยู่กับการทำฟาร์มในทุ่ง ดังนั้น ถ้าหากมีเวลาว่าง เธอก็จะไปช่วยเขาทำฟาร์มในวันหยุดสุดสัปดาห์ และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เธอก็จะวิ่งกลับบ้านเพื่อมาเตรียมอาหารเย็นให้คุณปู่และตัวเธอเอง และในสมัยนั้นพวกเขาก็ยังต้องใช้ฟืนในการทำอาหาร

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้กินดีอยู่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยเธอก็ยังได้อิ่มท้อง

พ่อส่งเสียให้เธอเล่าเรียนในตอนนั้น และเธอก็ยังมีเงินที่เธอหามาได้จากการทำงานพิเศษอีก เธอรู้สึกพอใจกับชีวิตของตัวเองมาก มันเป็นเหมือนสวรรค์บนดินสำหรับเธอ และตั้งแต่นั้นมา ทักษะการทำอาหารของเธอจึงดีขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากที่ทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานเสร็จ เบียงก้าก็ยกออกไปเสิร์ฟและเหลือบมองคุณปู่ของเธอ คุณปู่ยิ้มกว้างจนตาหยี

ลุคมองดูพวกเขาและเขาก็ยังคงอยู่ในท่าทางที่สง่า เขายังคงดูเหมือนเจ้านายดั่งเช่นที่เขาเป็น กระนั้น คุณปู่ดูเหมือนจะชื่นชมหลานเขยของเขามาก เขารู้สึกขอบคุณที่พระเจ้าทรงมอบชายที่สง่างามเช่นนี้ให้กับหลานสาวของเขา

“นี่คุณปู่คะ เลิกคุยได้แล้ว มาทานข้าวกันก่อนค่ะ” เบียงก้าตะโกนขึ้นพร้อมกับวางอาหารลงบนโต๊ะ

พนักงานได้จัดส่งชุดโต๊ะและเก้าอี้ใหม่มา จากนั้น โต๊ะพับตัวเก่า ๆ จึงถูกเก็บเข้าห้องไป เพราะคุณปู่รู้สึกอับอายและเป็นกังวลว่าหลานเขยจะรู้สึกไม่สบายใจ

"ฌอง เมืองเล็ก ๆ ของเราไม่ได้สะดวกเท่าเมืองใหญ่มากนัก มาเถอะ มาชิมอาหารที่บีทำกันเถอะ" คุณปู่พูดในขณะที่เขาใช้ตะเกียบหยิบซี่โครงหมูชิ้นหนึ่งให้กับลุค

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก