“เขาคือ…” คุณปู่ไม่กล้าเดาว่าชายผู้นี้คือใคร เพราะถ้าหากว่าเขาเดาผิด สถานการณ์คงจะน่าอึดอัดใจ
ลุคที่อยู่ในชุดสูทเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย เขาเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพในขณะที่แขนอีกข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเบียงก้าด้วยท่าทางที่ต้องการทำให้คุณปู่เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
“คุณคือฌอง แลงดอนที่ลูกชายของฉันเคยเล่าให้ฟังใช่ไหม?” คุณปู่ยืนอยู่ที่หน้าเตาไฟเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ฉันยังจำชื่อของคุณได้ดีหลังจากที่พ่อของบีบอกฉันว่า คุณคบหาดูใจกับหลานสาวของฉันมานานกว่าห้าปี และคุณก็กำลังจะแต่งงานกับหลานสาวของฉันในเร็ว ๆ นี้"
เบียงก้ากังวลว่าลุคจะปฏิเสธและพูดความจริง เธอจึงรีบขัดจังหวะในทันที "ปู่คะ ปู่ผอมลงเยอะเลย! ไม่ชินกับชีวิตที่ญี่ปุ่นเหรอคะ?"
“ปู่แก่แล้ว คนแก่ก็หน้าตาแบบนี้กันทั้งนั้น” คุณปู่เอามือไขว้หลังที่โค้งงอ จากนั้น เขาก็นำท่อนฟืนไปไว้ในห้องที่ทรุดโทรมห้องหนึ่งภายในบ้าน
หลังจากที่เขาค้นหาบางอย่างครู่หนึ่ง ชายชราก็นำเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ สองตัวออกมาวางบนพื้นภายในห้องครัวและเชิญให้หลานเขยของตนนั่งลง “พ่อหนุ่ม มานั่งลงก่อน เราไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ ในบ้านหลังนี้เท่าไหร่นะ”
เบียงก้ามองไปที่เก้าอี้ไม้ทรุดโทรมสองตัวที่อยู่บนพื้น จากนั้นเธอก็เหลือบมองลุคด้วยความเป็นกังวล เธอกลัวว่าเขาจะไม่อยากนั่งลงบนนั้น
อย่างไรก็ตาม ลุคได้คิดไตร่ตรองและคำนึงถึงความรู้สึกของคุณปู่ ดังนั้น เขาจึงลดความสง่าลงและนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขานำมาให้อย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็ดึงตัวเบียงก้าให้นั่งลงข้าง ๆ เขา “นั่งลงสิ มาคุยกับคุณปู่ก่อน”
คุณปู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในครัว
“คุณคุยกับคุณปู่ไปก่อน ฉันจะต้องไปซื้อของมาทำอาหาร” เบียงก้าผลักกระเป๋าเดินทางไปไว้ข้าง ๆ และหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพลางเหลือบมองลุคด้วยความเป็นกังวล
ลุครู้ดีว่าเธอเป็นกังวล เขาจึงพยักหน้าเพื่อต้องการบอกเธอว่าเขาไม่เป็นอะไร
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ” เบียงก้าเหลือบมองไปที่คุณปู่ก่อนที่เธอจะเดินออกไป
หลังจากที่เบียงก้าเดินผ่านบริเวณที่ก่อด้วยอิฐสีแดงและออกจากประตูไป เบียงก้าก็เงยหน้าขึ้นและเห็นผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ตรงหน้าห่างสองถึงสามเมตร
เธอจำชื่อของเพื่อนบ้านเหล่านั้นแทบจะไม่ได้
ในสายตาของเพื่อนบ้านเหล่านั้น เบียงก้าเป็นลูกสาวของผู้หญิงอย่างว่า และเมื่อเธอโตขึ้น เธอก็จะกลายเป็นผู้หญิงอย่างว่าเช่นกัน สิ่งเหล่านั้นคือเรื่องซุบซิบนินทาที่เธอเคยได้ยินมาตลอดตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเด็ก
เบียงก้ากำลังเดินไปยังร้านมินิมาร์ท
ถึงแม้ว่าผู้คนที่นินทาเธอลับหลังจะพูดถึงเธอน้อยลง แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่คนเหล่านั้นพูดถึงจะคืบหน้ามากขึ้น
และการที่ลุคและเธอมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ก็ได้ทำให้เรื่องซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเธอที่เคยน้อยลง กลับกระพือขึ้นอีกครั้ง
“เธอคือ บี ลูกสาวของครอบครัวเรย์นใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่เบียงก้าในขณะที่เอ่ยถามคนอื่น ๆ อย่างกระซิบกระซาบ
ใครบางคนตอบขึ้นทันทีว่า “น่าจะใช่นะ ถึงแม้ว่าเธอจะโตมากขึ้นแล้ว แต่เราก็ยังพอจะมองออกว่านั่นคือเธอ นั่นคือ แม่หนูบีคนนั้น”
“หึ! ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเปรียบเสมือนแม่น้ำเมื่อ 30 ปีที่แล้ว มันอาจจะถูกเรียกว่าแม่น้ำตะวันออก แต่เมื่อ 30 ปีต่อมา มันอาจจะกลายเป็นแม่น้ำตะวันตก ดูสิว่าลูกสาวของเรย์นนั้นดูมีราศีมากแค่ไหน แล้วดูลูกสาวของฉันสิ เธอเพียงแค่ได้แต่งงานกับตำรวจในมณฑลนี้เท่านั้นเอง”
“คุณนายวิลสัน อย่าพูดแบบนั้นสิ เมื่อเปรียบเทียบกับลูกสาวของคนอื่น ๆ ในเมืองของเราแล้ว ลูกสาวของคุณได้แต่งงานกับคนที่ดีที่สุด”
“มันก็ไม่ดีนักหรอก เหตุผลเดียวที่ฉันกับสามียอมตกลงให้เธอแต่งงานกับเขา เป็นเพราะสินสอดทองหมั้นที่มีมูลค่า 200,000 และรถที่เขาซื้อให้พ่อตาของเขาที่มีมูลค่ามากกว่า 100,000 แค่นั้นเอง อีกอย่าง ลูกเขยของฉันไม่มีอะไรดีหรอก เขามีแต่เงิน! ฉันละเกลียดจริง ๆ!”
ใครบางคนในกลุ่มยืนขึ้นและพยายามพูดจาสรรเสริญเยินยอคุณนายวิลสันต่อ “ลูกสาวของคุณยังได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ดี แต่สำหรับสาวบีคนนั้น ฉันมั่นใจ 80 เปอร์เซ็นต์ว่าเธอจะต้องเป็นเมียน้อยของเขาแน่ ๆ ดูรถผู้ชายของเธอสิ ฉันพนันได้เลยว่าราคาเหยียบล้านแน่! หรือบางที บีอาจจะหลอกล่อชายผู้นั้นมาจากที่ไหนสักแห่งและรีบพาเขากลับมาที่นี่เพื่ออวดผู้คนในเมืองของเราก็ได้”
“แม่สาวบีนี่ช่างไร้ยางอาย… เธอทำตัวแบบเดียวกับที่แม่ของเธอที่หนีไปกับผู้ชายรวย ๆไม่มีผิด…”
...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก