พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 85

ลุคยืนพิงรถด้วยร่างกายที่เร่าร้อนของเขาที่ถูกเสื้อผ้าปกคลุมเอาไว้ ในขณะที่เขาพึมพำอยู่เพียงลำพัง

ชายผู้นั้นขมวดคิ้วและเปิดประตูรถเพื่อหยิบกล่องบุหรี่และไฟแช็กออกมา เขาก้มหน้าลงจุดบุหรี่สูบและสูดหายใจเข้าอย่างแรง ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการสูบบุหรี่เพื่อระงับความไม่สงบภายในร่างกายของเขา

ดวงตาที่ดำสนิทดุจหมึกจ้องมองไปยังห้องที่มีแสงไฟสลัว

บ้านหลังเก่าว่างเปล่ามาหลายปี ดังนั้นมันจึงไม่มีผ้าม่าน ลุคจ้องมองห้องนั้นจนกระทั่งไฟดับลง

ในคืนนั้น เบียงก้านอนไม่หลับ

ลุคเองก็แทบจะไม่ได้นอนเช่นกัน เมื่อเขาได้กลับมาที่เมืองนี้ ภายใต้ค่ำคืนอันเงียบสงบ มันทำให้เขานึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยประสบในเมืองนี้

ความดีและความชั่วเหล่านั้นได้หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขาอย่างไม่ลดละ

เบียงก้าตื่นขึ้นตอนตีห้าด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อย

เธอไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งแรกที่รบกวนจิตใจของเธอ สิ่งสำคัญคือคำพูดของอลิสันที่ยังคงดังก้องอยู่ภายในหัว

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังฝันร้ายอีกด้วย

เบียงก้าฝันว่า อลิสันขู่ฆ่าและบังคับให้เธอปล่อยลุคไป

เธอจึงลุกขึ้นและพับผ้าห่ม จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องของคุณปู่

เมื่อคุณปู่เห็นหลานสาวเข้ามาในห้อง เขาก็ถามขึ้นว่า "ทำไมถึงตื่นแต่เช้า? ไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ"

“ปกติหนูจะตื่นเวลานี้ค่ะ” เบียงก้าเดินเข้ามาแล้ววางแขนลงที่รอบคอของคุณปู่ เธอกล่าวว่า “คุณปู่ หนูจะยังไม่ส่งคุณปู่ไปอยู่ที่บ้านพ่อนะ เพราะพ่อต้องออกไปทำงานที่อื่นสักพัก คุณปู่ไปอยู่กับหนูก่อนนะ”

คุณปู่ไม่ได้สังเกตเห็นความเศร้าโศกบนใบหน้าหลานสาวของเขา

ชายชราแตะหลังมือของหลานสาวเบา ๆ “ปู่รู้ว่าหนูเป็นคนกตัญญู แต่หนูกำลังจะแต่งงาน และปู่เองก็แก่แล้ว ปู่กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นภาระของหลานเปล่า ๆ”

“อย่าพูดแบบนั้นคุณปู่ การดูแลปู่จะเป็นภาระได้ยังไง? และหนูก็แน่ใจว่าครอบครัวของสามีของหนูเองก็ต้องการให้หนูเป็นลูกกตัญญูเหมือนกัน ถ้าพวกเขาต้องการให้หนูเป็นคนเนรคุณและไม่กตัญญู หนูก็จะไม่แต่งงานกับผู้ชายที่มาจากครอบครัวแบบนั้น...” เบียงก้ายิ้มบาง ๆ ในขณะที่เธอบอกกับปู่ของเธอ

เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะค่ำคืนที่เลวร้ายรึเปล่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจึงรู้สึกว่างเปล่าอย่างอธิบายไม่ถูก

ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญบางอย่างไป

เบียงก้าเห็นร่างสูงของลุคเดินเข้ามา ในมือของเขากำลังถืออาหารเช้าอยู่ ซึ่งคือขนมปังปิ้งและไส้กรอก

“คุณปู่ มาทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ” เบียงก้าก้มลงที่พื้นและช่วยคุณปู่ของเธอสวมรองเท้า

จากนั้น เธอก็พาเขาเข้าไปในครัว

ลุคพูดคุยกับคุณปู่ในขณะที่พวกเขารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน

เมื่อเบียงก้าทานเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นไปจัดของให้คุณปู่

เธอพบว่าของใช้ประจำวันที่คุณปู่ใช้นั้นยังมีสภาพที่ดีอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น บางชิ้นยังเป็นสินค้าที่มีราคาที่แม้แต่เธอก็ไม่กล้าซื้ออีกด้วย

กระเป๋าของเขายี่ห้อปราด้า

ดูเหมือนว่าผู้ชายที่คุณป้าเธอแต่งงานด้วยจะมีรสนิยมดีและจิตใจดี จึงเป็นเหตุผลที่เขาพาคุณป้าและคุณปู่ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย และสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาก็น่าจะดีเมื่อดูจากยี่ห้อของกระเป๋าใบนี้แล้ว

ชายชรามีความสุขกับชีวิตที่ดีมาหลายปีก่อนที่เขาจะกลับมายังเมืองที่ยากจนแห่งนี้

หลังจากที่เบียงก้าเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำเสื้อผ้ามาช่วยคุณปู่เปลี่ยน จากนั้นพวกเขาก็เดินไปขึ้นรถ

เพื่อนบ้านที่ตื่นแต่เช้าได้เห็นฉากนี้จึงถามขึ้นว่า “คุณท่านเรย์น คุณจะไปไหน?…”

“ฉันกำลังจะพาคุณปู่ไปอยู่กับฉันน่ะค่ะ” เบียงก้ายังคงจำความน่ารำคาญของคนเหล่านี้ได้

หลังจากที่พูดจบ เบียงก้าก็ปิดประตูรถ

เพื่อนบ้านยังคงตะโกนขึ้นต่อว่า “นี่คือหลานสาวที่จะมาพาคุณปู่ไปอยู่ด้วยเหรอ? ฟู่ อย่าทำตัวเหมือนป้าที่พาเขากลับมาที่นี่แล้วกัน ป้าของเธอที่ได้แต่งงานกับเศรษฐี หล่อนคิดว่าหล่อนเลิศเลอกว่าใคร สุดท้ายก็ยังต้องส่งเขากลับมาที่นี่อยู่ดี ถ้าฉันเดาไม่ผิด ลูกหลานที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวเรย์นจะต้องเป็นพวกหยิ่งผยองกับเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ทุกคนแน่ ๆ เลย"

เบียงก้าเพิกเฉยต่อคำดูหมิ่นของเพื่อนบ้าน

ลุคที่ยังคงอยู่ในบ้านและกำลังหยิบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยสิ่งของจำเป็นและเสื้อผ้าของคุณปู่ก็ขมวดคิ้วและเดินออกมาดูการกระทำของเพื่อนบ้านคนนั้น

เบียงก้าจ้องมองไปที่ใบหน้าที่หงุดหงิดของเขา ดวงตาของเขาเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เธอรีบพูดขึ้นว่า “อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย”

“ไม่มีสามัญสำนึก” ลุคพูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง

"ฉันไม่คิดนะว่าคุณจะเสวนากับคนพวกนี้ได้ด้วยคำว่าสามัญสำนึกหรอกนะคะ" ในขณะที่พูด เบียงก้าก็สวมเสื้อคลุมให้เขา

ในขณะนั้น เธอก็คิดถึงการเผชิญหน้ากับอลิสัน เธอจึงรู้สึกแย่ลงอีกครั้ง

...

ระหว่างทางกลับเมืองเอ

คุณปู่ถามเบียงก้าว่า "พ่อหลานไปทำงานที่ไหน? ทำไมเขาถึงไม่บอกปู่ตอนที่โทรมาหาเมื่อหลายวันก่อน"

ลุคเหลือบมองคุณปู่และเบียงก้าที่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลัง

เบียงก้าตื่นตระหนกเล็กน้อยและพูดว่า “พ่อคงจะไม่อยากให้คุณปู่เป็นห่วง พ่อก็เลยไม่ได้บอกคุณปู่ว่าจะต้องไปทำงานข้างนอก ที่จริงมันก็ไม่ได้อยู่ไกลเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะว่าพ่อไม่มีวันหยุด และเพราะเป็นการทำงานช่วงสั้น ๆ เขาจึงกลับมาหาเราไม่ได้"

“เขาทำงานอะไรเหรอ? มันเป็นงานหนักรึเปล่า?” ชายชราถามเพราะเป็นห่วงสุขภาพของลูกชาย

เบียงก้าครุ่นคิดเกี่ยวกับงานที่ไม่หนักเพื่อตอบคำถามคุณปู่ของเธอ

ในขณะที่เธอกำลังใช้ความคิด ลุคก็กล่าวขึ้นว่า “เขาเป็นหัวหน้าแผนกน่ะครับ โดยปกติแล้วเขาจะนั่งอยู่ในสำนักงานมากกว่า และจะไปตรวจสอบโรงงานเพียงแค่สัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยครับ ดังนั้นมันจึงเป็นงานที่ค่อนข้างสบายและเป็นตำแหน่งที่ใครหลายคนต้องการ แถมมันก็ยังทำเงินได้เยอะพอตัวเลยแหละครับ”

เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกโล่งใจ

เบียงก้ามองไปยังชายที่อยู่ด้านหน้าซึ่งกำลังขับรถอยู่อย่างซาบซึ้ง

หลังจากใช้เวลาขับรถนานกว่าสองชั่วโมง ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงยังเมืองเอ

เมื่อคืนนี้ เบียงก้าได้โทรหานีน่าและขอให้เธอช่วยหาที่พักแบบสองห้องในเมืองเอให้เธอ

เมื่อนีน่าถามถึงเหตุผล เบียงก้าจึงเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณปู่

นีน่ารู้ดีว่าคุณปู่ของเบียงก้าเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เธอจึงบอกเบียงก้าทันทีว่าเธอจะย้ายออกไปเอง

อีกเหตุผลหนึ่งที่เธอจะย้ายออกไปก็คือ เธอได้ยินมาว่ามาลีหลอกล่อให้แม่ของเธอจ่ายเงินดาวน์เพื่อซื้อบ้าน และถ้าหากว่าเธอไม่กลับไปเป็นหูเป็นตาให้พวกเขา พี่ชายและแม่ที่โง่เขลาของเธออาจจะต้องจบลงด้วยการทำให้มาลีกลายเป็นเจ้าของบ้านแทน

ในขณะที่เธอพาชายชราขึ้นบันไดมา เธอก็ได้เห็นนีน่า

“สวัสดีค่ะคุณปู่ หนูได้ยินบีพูดถึงคุณปู่อยู่บ่อย ๆ สมัยยังเรียนอยู่ที่นี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันและนั่งติดกันตลอด และในทุกครั้งที่เธอคิดถึงคุณปู่ เธอก็จะชอบร้องไห้เหมือนเด็กขี้แยอยู่เสมอเลยค่ะ” นีน่ายิ้มในขณะที่เธอทักทายเขา

หลังจากที่เธอคุยกับคุณปู่อยู่ครู่หนึ่ง เบียงก้าก็ดึงนีน่าเข้าไปในครัวเพื่อพูดบางอย่าง

เบียงก้าถามเธอว่า "เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าเธอต้องการย้ายกลับไป? ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้?"

“ฉันตั้งใจจะบอกเธออยู่เหมือนกัน แต่เธอกลับไปที่บ้านเกิดซะก่อน จริง ๆ แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้จะบอกเธอว่ายังไงดี เพราะฉันสัญญากับเธอว่าฉันจะมาอยู่กับเธอแต่สุดท้ายฉันก็ทิ้งเธอเอาไว้ตามลำพัง…แต่ว่าตอนนี้ มีคุณปู่มาอยู่ด้วย ฉันไม่กังวลอีกแล้ว” นีน่าตบไหล่เบียงก้าเบา ๆ บี

เบียงก้ายังคงเงียบไป

"เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?" นีน่าสังเกตได้ว่าเธอมีบางอย่างอยู่ภายในใจและเธอก็ดูเป็นกังวลมาก

เนื่องจากว่าเบียงก้าจะต้องไปพบกับอลิสัน ดังนั้น เธอจึงบอกให้ลุคกลับไปก่อนเพราะเธอยังไม่อยากออกไปข้างนอกและต้องการอยู่เป็นเพื่อนกับคุณปู่ก่อน

ดังนั้น ลุคจึงกลับไปและตรงไปที่บริษัท

เบียงก้าพูดกับนีน่าว่า "ฉันจะต้องออกไปข้างนอกสักพัก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันจะรีบกลับมา เธอช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่จนกว่าฉันจะกลับมาได้ไหม?"

"แน่นอน ไม่มีปัญหา" นีน่าจ้องมองเบียงก้าอย่างสงสัยในขณะที่เธอยังคงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเบียงก้า “เธอเป็นอะไรรึเปล่า? เกิดอะไรขึ้น? เธอดูไม่โอเคเลย…”

“ไม่มีอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง” จากนั้น เบียงก้าก็ออกจากบ้านไป

20 นาทีต่อมา เบียงก้าก็มาอยู่ในร้านกาแฟใกล้ ๆ คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ อลิสัน เธอยังคงสง่างามเหมือนเช่นเคย

“เธออยากจะรู้รึเปล่าว่าแม่แท้ ๆ ของเธอเป็นใครและตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน? ช่างเถอะ พูดกันตามตรงเลยแล้วกันนะ เธอคือลูกสาวของฉัน...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก