ฌองเดินออกจากห้องไปรับประทานอาหาร
นีน่าก็ออกไปกับเขาด้วย เธอบอกเขาว่าเธอขอล้างมือในห้องน้ำก่อน หลังจากที่แน่ใจว่าพี่ชายนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอก็แอบเข้าไปในห้องพี่ชายอีกครั้ง
เธอหยิบกระเป๋าแล็ปท็อปขึ้นมา และหมุนไปหมุนมาอยู่ครู่หนึ่ง กระนั้น เธอจึงเข้าใจได้จากนั้นว่าเธอจำเป็นที่จะใช้รหัสผ่านเพื่อเปิดกระเป๋าใบนี้
วัสดุของกระเป๋าคอมพิวเตอร์เป็นแบบพิเศษ ซึ่งไม่ได้ทำมาจากผ้าธรรมดา หากใช้กรรไกรตัดก็คงจะไม่ขาดเป็นแน่
“ไอ้พี่กะล่อน อย่าให้จับได้นะว่าทำเรื่องอะไรเลว ๆ อยู่น่ะ” นีน่าโกรธมากจนอยากจะทุบแล็ปท็อปของเขาเป็นเสี่ยง ๆ
...
เวลากลางคืนล่วงเลยไป
เรนจ์โรเวอร์สีดำค่อย ๆ ขับไปตามถนนที่มีการจราจรหนาแน่น
ลุคขับรถอย่างตั้งใจ เขาสวมชุดสูทสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งดูเหมือนว่านั้นจะทำให้ท่าทางที่เอาจริงเอาจังและยากที่จะเข้าถึงยิ่งดูเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก
ความเย็นชาตามวิสัยคือภาพจำแรกที่ชายคนนี้มีให้ผู้คนรอบข้าง
เบียงก้านั่งเงียบ ๆ ในที่นั่งผู้โดยสาร
“จะว่าอะไรไหมถ้าจะขอสูบบุหรี่หน่อย?” ลุคขออนุญาตเธออย่างสุภาพบุรุษ
เนื่องจากเขาเอ่ยถามอย่างสุภาพอย่างไม่เคยเป็น เบียงก้าจึงอยู่ในท่าทีอึดอัดโดยไม่มีเหตุผล เธอเพียงตอบกลับสั้น ๆ "จะทำอะไรก็ทำ คุณครอว์ฟอร์ด"
ทั้งสองคนที่เคยสนิทสนมกันก็ดูห่างเหินกันไปในทันใด
สีหน้าของลุคดูไม่ค่อยดีตลอดทั้งคืน เมื่อพวกเขาก็จอดรถตรงไฟแดง ลุคก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
หลังจากรถหยุด เบียงก้ารู้สึกถูกสะกดด้วยอะไรบางอย่าง
เขาสูบบุหรี่ได้ครึ่งมวน ไฟสีแดงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ลุคจับพวงมาลัย พร้อมกับพูดขึ้นว่า "มีอะไรจะพูดกับผมไหม?"
เบียงก้ารู้สึกหนาวชาไปทั้งตัว ราวกับว่าเธอต้องพูดอะไรบางอย่างแล้วในตอนนี้
สิ่งเดียวที่เธอพูดคือ "คุณรับคุณปู่ของฉันไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดใช่ไหมคะ? แล้วคุณจะส่งท่านกลับตอนไหน? หรือคุณต้องการให้ฉันไปรับท่านเอง..."
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูมืดมน แต่ลุคไม่โกรธเคืองอะไร “มันขึ้นอยู่กับคุณปู่ของคุณ ผมบังคับเขาไม่ได้”
จากที่เขาพูด แสดงว่าเขาไม่ได้บังคับให้ชายชราไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด และมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา ชายหนุ่มหมายความว่าเขาไม่ได้ตั้งใจบังคับฝืนใจชายชราแต่อย่างใด
เบียงก้าไม่ต้องการสร้างสงครามประสาทที่ไร้ความหมายนี้อีก เพราะเธอไม่ต้องถูกเขาปลุกปั่นความคิดอีกแล้ว
ถ้าตั้งใจที่จะแยกทางกัน ทั้งสองก็ควรจะทำตั้งแต่เนิ่น ๆ เสีย
เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการบอกเขาแบบตัวต่อตัว
เมื่อลุคขับมาถึงย่านทางเข้าใกล้บ้านของเบียงก้า เขาจอดรถไว้ข้างถนน
ก่อนที่เบียงก้าจะลงจากรถ เธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด เธอพยายามตัดขาดกับโชคชะตาที่ผิดปกติและเป็นไปไม่ได้ของพวกเขาทิ้ง
ขณะที่เบียงก้าจ้องมองไปด้านหน้า เธอพูดอย่างแข็งกร้าวว่า "มาจบเรื่องนี้กันด้วยดี และเลิกกันอย่างเป็นทางการเถอะค่ะ"
หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้น เธอก็เปิดประตูรถและเดินออกไปทันที
เธอทนไม่ได้ที่จะเผชิญหน้าเขา
ลุคนั่งในรถมองผ่านกระจกหลังไปยังหญิงสาวหลังเรียวยาวที่เพิ่งเข้าไปยังตัวอาคาร เขากำพวงมาลัยไว้แน่น ขณะที่สีบนนิ้วมือค่อย ๆ จางลง กลายเป็นสีซีดจาง
เบียงก้ากลับบ้านแล้ว
มีเธอเพียงคนเดียวในห้องแสนเงียบงัน มันว่างเปล่าเหมือนหัวใจที่อ้างว้างของเธอ
ลุคเป็นกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งในหัวใจที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีคนยืนกรานและบอกว่าชิ้นเนื้อนั้นโตผิดที่ ถ้ายังฝืนปล่อยให้ก้อนเนื้อนั้นเติบโตไปเรื่อย ๆ ก็รังแต่จะเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอย่างขัดไม่ได้
เธอจะมีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้าง?
สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือต้องตัดก้อนเนื้อนั้นทิ้งไป
และเมื่อเธอตัดก้อนเนื้อชิ้นนั้นออกไป หัวใจของเธอก็มีเลือดไหลออกมาจนท่วม…
หลังจากล้างบาปมาครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่รู้ว่าแผลจะสมานกันจนหายดีหรือติดเชื้อหนักกว่าเดิม...
เบียงก้าวางกระเป๋าลงและทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้าทั้ง ๆ ที่ห้องยังคงมืดสลัวอยู่เช่นเดิม แสงจันทร์สาดแสงเข้ามาทางหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก