“เราไม่ใช่คนที่ใช่ของกันและกันค่ะ” เบียงก้าบังคับตัวเองให้สบตาเขาแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
เธอต้องทำให้คำพูดทุกคำฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอร้องไห้อย่างหนักและมีอาการซึมเศร้า ตอนนี้มีความเศร้าโศกฝังแน่นเข้าไปในดวงตาเบียงก้า ด้วยความเสียใจที่แสดงออกผ่านแววตา ตอนเธอมองใครบางคนอย่างแน่วแน่ และพูดอะไรบางอย่างออกมา มันจึงฟังดูเป็นเรื่องน่าเชื่อ
ลุคมองลงไปในดวงตาเบียงก้า ดวงตายังคงลึกและร้อนแรงเหมือนเมื่อก่อน ถึงกระนั้น สายตานั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยเกร็ดน้ำแข็งที่ถูกบดขยี้ ทั้งเปลวไฟและน้ำแข็งอันแรงกล้าในสายตาลุคนั้น มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นสายตาคู่นี้
"ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ" เบียงก้าหลบมือใหญ่ของชายคนนั้นและเดินไปที่ลิฟต์
ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เดินเข้าไปในนั้น
ขณะที่เธอเข้าไปในลิฟต์ เธอต้องพยายามสูดอากาศโดยรอบอย่างแผ่วเบา
เบียงก้าลืมซื้ออาหารเช้าระหว่างทางและเดินทางไปโรงพยาบาลทั้งที่ท้องหิว
ก่อนหน้านั้น ห้องพักอย่างดีที่เควินพักอยู่ รวมถึงทีมแพทย์ที่ดูแลเขาอยู่ ทุกคนล้วนมาจากความช่วยเหลือของลุค ดังนั้นเบียงก้าจึงรีบแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าเธอไม่มีเงินพอที่จะให้พ่ออยู่ในห้องผู้ป่วยราคาแพงอีกต่อไป
ด้วยเงินเดือนของเธอ เธอแทบจะไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายค่ารักษาด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เงินส่วนใหญ่ก็หมดไปแล้วด้วยซ้ำ
เควินถูกย้ายไปที่วอร์ดทั่วไป แต่เขาไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนั้นเลย อันที่จริง เขาค่อนข้างโล่งใจเสียมากกว่า
ขณะที่เบียงก้าจับมือพ่อของตนที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เควินมองลูกสาวของเขาและพูดว่า “ทุกคนนั้นมีความเท่าเทียมกันเสมอนะลูก แต่บางครั้งสิ่งต่าง ๆ ก็ไม่เป็นเช่นนั้น โลกของคนรวยและโลกของคนจนอย่างเรา ๆ ไม่เหมือนกัน พ่อหวังว่าลูกจะมีชีวิตที่ดีได้จากการทำงานหนักอยู่เสมอ ลูกจำไว้ว่านะว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ควรทำผิดกับตัวเองนะ”
"หนูเข้าใจค่ะ" เบียงก้าเข้าใจความหมายของพ่อ พ่อคงคิดว่าเธอได้ไปมีความสัมพันธ์กับเศรษฐีเพื่อเงิน…
ตามจริงแล้ว เควินกังวลเรื่องนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว
ในห้องผู้ป่วยชั้นสูง แพทย์ที่มีชื่อเสียงที่โรงพยาบาลพาราเมาท์กำลังรักษามะเร็งปอดของเควิน นั่นหมายความว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิมแน่นอน ซึ่งหมายความว่ามีคนที่ร่ำรวยอยู่เบื้องหลังและกำลังช่วยลูกสาวเขาอยู่
โดยปกติแล้ว คนมีเงินเหล่านั้นมักจะเป็นผู้ชายไม่ผิดแน่
ถ้าเป็นผู้หญิงก็หมายความว่าเป็นผู้มีพระคุณ และเขารู้ว่าคนอย่างลูกสาวจะต้องพาผู้มีพระคุณคนนั้นมาพบเพื่อที่เขาจะได้กล่าวขอบคุณแน่นอน
เนื่องจากลูกสาวของเขาไม่ได้พาคนคนนั้นมาด้วย อาจเป็นไปได้ว่าลูกสาวเขานั้นรู้สึกละอายใจที่จะพาผู้ชายคนนั้นมาหาตน
ไม่ใช่ว่าเรื่องหน้าตาอัปลักษณ์หรืออะไรก็เช่นนั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องสถานะทางการเงินที่ที่ต่างชั้นกันมากกว่า
ระหว่างลูกสาวของเขากับผู้ชายคนนั้นจะต้องมีฐานะที่แตกต่างกันมาก ดังนั้นชายคนนี้จึงได้แต่สนับสนุนเรื่องเงินอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
เควินทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งปอด ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งลูกสาวไว้ เขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกสาว เบียงก้าอายุ 24 ปีแล้ว ท้ายที่สุด เธอหลายเติบโตจนกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้
เมื่อเควินย้ายจากวอร์ดระดับสูงมาที่วอร์ดทั่วไป เขาโล่งใจ เพราะนั่นอาจหมายความว่าลูกสาวของเขาเลิกยุ่งกับชายเศรษฐีคนนั้นแล้ว
ไม่ว่าลูกสาวของเขาจะมีความสัมพันธ์แบบคนคุยเฉย ๆ หรือคบแบบคู่ควงจริงจัง มันจะดีกว่ามากถ้าลูกสาวตัวน้อยคนนี้เลิกรากับเขาเสีย โดยปกติ เมื่อคนสองคนมีฐานะแตกต่างกันมาก ความสัมพันธ์ของพวกเขามักจะไม่มีวันยั่งยืน
หลังจากที่เธอช่วยพ่อย้ายของเข้าที่แล้ว เบียงก้าก็ไปกรอกแบบฟอร์ม
แพทย์ปรึกษาผู้บริหารโรงพยาบาล และผู้บริหารคนนั้นก็เรียกเจสันมาพบเป็นการส่วนตัว
เจสันยังอยู่ที่บ้านเพราะยังไม่ถึงเวลาไปทำงาน เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อรับโทรศัพท์และถามว่า “ทำไมอยู่ ๆ ถึงขอเปลี่ยนวอร์ดอย่างกะทันหันครับ?”
“คุณเรย์นแจ้งว่าพ่อเธอและเธอไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่สูงให้กับทางโรงพยาบาลได้ครับ เธอเลยขอให้ย้ายคุณเรย์นไปที่ห้องผู้ป่วยทั่วไป” ผู้บริหารโรงพยาบาลบอกไปตามความจริงที่แพทย์รายงานกลับมา
“ช่วยรอผมสักสองนาทีครับ คุณวินเชสเตอร์ ผมขอไปถามเจ้านายก่อน” เจสันพูดจบและวางสาย จากนั้น ก็โทรไปที่เบอร์ส่วนตัวของเจ้านายทันที
เมื่อเจสันเปิดฝักบัวในห้องน้ำและปรับอุณหภูมิน้ำ เขาได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่บ่งบอกว่าสายไม่ว่าง
เขาโทรหาเขาอีกสองสามครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม
เจสันโทรเข้าไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดด้วยความสิ้นหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก