การย้ายเข้าสู่ตำหนักบูรพาของจวนเฟิงอ๋องได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ผ่านไปเพียงสามวัน ก็สามารถเข้าไปพำนักได้ในทันที
เมื่อเซียวชิงเฟิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทแล้วนั้น เขาจึงจำเป็นต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมว่าราชการเช่นเดียวกับฉีอ๋อง เพื่อเป็นการแบ่งเบาราชกรณียกิจของเสด็จพ่อ
ร่างสูงรั้งแม่นางน้อยในอ้อมแขนมากอดอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาซุกใบหน้าลงในซอกคอที่ปรากฏแต่รอยจูบจากฝีปากของเขา สูดดมกลิ่นดอกเหมยของนางเข้าเต็มปอด
ให้ตายเถอะ มีฉินเจียวเยี่ยนอยู่ในอ้อมแขนบนเตียงอุ่น ๆ เช่นนี้ แล้วข้าจะตัดใจไปทำงานได้อย่างไรกัน?
เสด็จพ่อ ข้าขอลาออกได้หรือไม่?
เฮ้อ…
เซียวชิงเฟิงกดจูบลงบนไหล่เนียนเป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะถอยตัวออกจากผ้าห่มผืนหนาอย่างเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้รบกวนใครอีกคนที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา
เซียวชิงเฟิงลุกขึ้นแต่งตัว แล้วจึงไปขึ้นรถม้ามุ่งตรงเข้าสู่วังหลวง โดยมีหยางเซิงและตงไฮ่คอยควบม้าดูแลความปลอดภัยอยู่ข้าง ๆ
เมื่อยามซื่อ ไท่จื่อเฟยจึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ชุนเถาและชุนหลิ่วจึงได้เข้ามาปรนนิบัติตามปกติ ก่อนจะมีสาวใช้นางหนึ่งเข้ามารายงาน “ทูลไท่จื่อเฟย ท่านหญิงหมิ่นและฮูหยินจวนซ่านเต๋อโหวมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
“ท่านแม่กับพี่หญิงหรือ เหตุใดจึงมาแต่เช้า?” ฉินเจียวเยี่ยนเลิกคิ้วสงสัย
ชุนเถา “ไท่จื่อเฟยเพคะ ยามซื่อแล้วเพคะ”
ฉินเจียวเยี่ยน “อ่อ…” เป็นยามเช้าของข้าคนเดียวสินะ
“เชิญทั้งสองคนไปที่โถงด้านหน้า ประเดี๋ยวข้าจะออกไป”
สาวใช้ย่อตัวรับคำ “เพคะ”
ฉินเจียวเยี่ยนใช้เวลาไม่นาน ก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาหามารดาและพี่สาว โดยหลินซื่อและฉินเยี่ยนฟางล้วนแต่งกายเป็นพิธีการเต็มยศ เพื่อให้ความเคารพต่อฐานะใหม่ของคนในครอบครัว
“ท่านแม่ พี่หญิง” ฉินเจียวเยี่ยนรีบก้าวเข้าไปหา “ข้าตั้งใจว่า จะไปหาพวกท่านวันนี้พอดีเจ้าค่ะ”
ฉินเจียวเยี่ยนก้าวเข้าไปสวมกอดหลินซื่อแน่นด้วยความคิดถึง
“แม่เพิ่งได้รับข่าวดี จึงตั้งใจรีบมาบอกเจ้า” หลินซื่อบอกด้วยรอยยิ้ม
“ข่าวดี?” ฉินเจียวเยี่ยนขมวดคิ้ว “ข่าวดีอันใดเจ้าคะ?”
หลินซื่อแย้มยิ้ม แล้วหันไปมองฉินเยี่ยนฟาง “ข่าวดีของพี่สาวเจ้าอย่างไรเล่า?”
พี่หญิงท้องแล้วหรือ?
เอ๊ะ ไม่ใช่สิ พี่หญิงยังไม่ได้แต่งงาน หรือว่า…
“พี่หญิงมีคู่หมั้นหมายแล้วหรือเจ้าคะ?”
นางจึงยิ่งปลื้มใจกับว่าที่บุตรเขยผู้นี้มากขึ้น
ฉินเจียวเยี่ยนยิ้มบางด้วยความยินดี “เช่นนั้น ข้าก็ขอแสดงความยินดีกับพี่หญิงล่วงหน้านะเจ้าคะ”
“เจ้าพูดสิ่งใดกัน เรื่องนี้ยังมิได้ป่าวประกาศเลยนะ” ฉินเยี่ยนฟางยกมือตีมือน้องสาวเบา ๆ อย่างเขินอาย
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เมื่อครู่ ข้าเพียงยินดีที่ลมเหมันต์ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ลมวสันต์ใกล้เข้ามาแล้วเจ้าค่ะ!”
หลินซื่อยกมือขึ้นเขกศีรษะบุตรสาวเบา ๆ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่า บัดนี้ ฉินเจียวเยี่ยนเป็นถึงไท่จื่อเฟย การที่นางกระทำเช่นนั้น ย่อมไม่สมควร
ฉินเจียวเยี่ยนยิ้มบาง เมื่อเห็นอาการของมารดาที่หันซ้ายแลขวา ราวกับกลัวว่าผู้ใดจะมาจับนางไปลงโทษ มือบอบบางของฉินเจียวเยี่ยนจึงเอื้อมไปกุมมือของหลินซื่อไว้แน่น
“ท่านแม่ ข้าเป็นไท่จื่อเฟยของผู้อื่น แต่ข้าก็ยังคงเป็นเยี่ยนเอ๋อร์ของท่านแม่นะเจ้าคะ”
นั่นจึงทำให้หลินซื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วลูบมือบุตรสาวอย่างรักใคร่
ไม่นึกไม่ฝันว่า บุตรสาวที่นางเฝ้าประคบประหงมจนได้ฉายาตุ๊กตากระเบื้องของเมืองหลวงจะมีวันที่ได้เป็นไท่จื่อเฟยเช่นนี้ด้วย “เช่นนั้น หากเจ้าทำสิ่งใดผิด แม่ยังคงดึงหูของเจ้าได้ใช่หรือไม่?”
ฉินเจียวเยี่ยน “…”
*ยามซื่อ หมายถึง ช่วงเวลา 09.00-10.59 น.

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาของท่านอ๋องธงแดง NC
เมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาหรอคะ รอนานจุงเบย อดใจไม่ไหว 🥹...