ฉินเยี่ยนฟางยังไม่ทันได้เดินเข้าไปหาหลินซื่อ เซี่ยฮูหยินซึ่งนั่งตำแหน่งประธานเรียกไว้
“เซี่ยฮูหยิน” ฉินเยี่ยนฟางยอบกายทำความเคารพ
“เห็นท่านหญิงหมิ่นมาตั้งแต่เด็ก ช่างเติบโตมาอย่างเพียบพร้อม สมกับที่เป็นไข่มุกแห่งเมืองหลวงจริง ๆ ”
“เซี่ยฮูหยินชื่นชมข้าเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่บังเอิญได้ช่วยฉีอ๋องไขคดีเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เซี่ยฮูหยินยิ้มแย้ม “การไขคดีเป็นงานของราชสำนัก เจ้าสามารถช่วยงานราชสำนักได้ ย่อมสมควรได้รับความชื่นชม มานั่งทางนี้สิ”
“ขอบคุณเซี่ยฮูหยินเจ้าค่ะ” ฉินเยี่ยนฟางเดินไปนั่งที่ข้าง ๆ ประธานบ่งบอกถึงความสำคัญที่นางได้รับในงานชมดอกเหมยของวันนี้
“ไม่ใช่เพียงแต่ท่านหญิงหมิ่นเท่านั้นสิ ว่าที่พระชายาเฟิงอ๋องเล่า อยู่ที่ใดกัน?” เซี่ยฮูหยินเอ่ยถาม ฉินเยี่ยนฟางพลันยิ้มค้าง ก่อนจะเหลือบเห็นที่นั่งข้าง ๆ ของเซี่ยฮูหยินที่ยังว่างอีกหนึ่งที่
“ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” ฉินเจียวเยี่ยนขานรับราวกับนักเรียนที่โดนเรียกชื่อว่า วันนี้มาเรียนหรือไม่
“ว่าที่พระชายาเฟิงอ๋องมานั่งข้างข้าเถิด”
ฉินเยี่ยนฟางยิ้มบาง “คงต้องให้เซี่ยฮูหยินผิดหวังเสียแล้ว เมื่อเช้า ข้าไม่ทันระวัง ข้อมือไปกระแทกได้รับบาดเจ็บ จึงไม่สามารถบรรเลงพิณได้เจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง”
“โอ้ ช่างน่าเสียดาย โอกาสที่จะได้ยินเสียงพิณจากท่านหญิงหมิ่นนั้น ช่างหายากเสียเหลือเกิน”
ฉินเยี่ยนฟางไม่ได้ตอบสิ่งใด ได้แต่เพียงยิ้มบาง ๆ และก้มศีรษะอย่างขออภัย
“หากท่านหญิงหมิ่นได้รับบาดเจ็บไม่สะดวกบรรเลงเพลงพิณ แล้วว่าที่พระชายาเฟิงอ๋องสะดวกบรรเลงพิณให้พวกเราฟังได้หรือไม่?” กู้หลาน สหายสนิทของฉินเยี่ยนฟางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มเยาะ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาของท่านอ๋องธงแดง NC