เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1100

อวิ๋นหลิงกับสามีและหลิวฉิงกับสามีที่เหลืออยู่ คนหนึ่งครองบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ต่างก็ชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในนั้น

กู้ฉางเซินอดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ “ไม่คิดว่าจะหายไปแล้วจริงๆ ...”

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร”

เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีคำถามแผ่วเบาดังมาจากด้านหลังไม่ไกลนัก

ฉับพลันนั้นหลายคนก็แผ่นหลังเย็นวาบด้วยอารามตกใจ รีบลุกขึ้นยืนตัวตรงแหน็วอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นผู้มาเยือน เซียวปี้เฉิงก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ “เสด็จ...เสด็จปู่? ดึกดื่นครึ่งคืนแล้ว เหตุใดท่านถึงมาที่นี่!”

ตาแก่น้อยสวมเสื้อตัวใน ในมือถือโคมไฟ มองพวกเขาด้วยท่าทางอธิบายไม่ถูก เม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ

จากนั้นเขาก็เดินช้าๆ ไปที่ขอบบ่อโดยเอามือไพล่หลัง ชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในแวบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยเสียงดังทุ้มลึก

“ดึกดื่นครึ่งคืนไม่หลับไม่นอน วิ่งมากระโดดลงบ่อน้ำถึงที่นี่ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเจ้ามารวมกลุ่มกันปลิดชีพฆ่าตัวตาย”

สมองของอวิ๋นหลิงก็ติดขัดไปครู่หนึ่ง ขมับผุดเหงื่อเย็นไหลออกมา “พระ...พระเจ้าหลวง ดึกขนาดนี้แล้ว...ท่านไม่นอนหลับ วิ่งมาถึงที่นี่ทำไมกัน”

“ข้าแค่อยากรู้ว่าเหตุใดในช่วงไม่กี่เดือนนี้พวกเจ้าถึงทำตัวลับๆ ล่อๆ กำลังทำเรื่องลึกลับอะไรอยู่กันแน่”

พระเจ้าหลวงรู้สึกมานานแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ นับตั้งแต่เต้าหวู๋ซินกลับมา พวกพี่น้องอวิ๋นหลิงก็ให้ความสนใจกับลานเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ยิ่งนัก

ไม่เพียงปรับปรุงกำแพงและทางเดินใหม่ แต่ยังลั่นดาลประตูใหญ่ลานบ้านด้วย ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาใกล้บริเวณนี้

ในใจเขารู้สึกแปลกๆ ตอนที่มาเดินเล่นก็แวะมาดูสองสามครั้ง เขามักจะได้เจอกับเสวียนจี

“เด็กสาวคนนั้นวิ่งมาที่ลานเล็กๆ แห่งนี้บ่อยๆ แต่ทุกครั้งก็จะเห็นนางจับขอบบ่อน้ำมองเข้าไปข้างใน ก็ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไรอยู่”

นอกจากนี้ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ในมือเด็กๆ มีลูกกวาดแปลกๆ มากมาย

อวิ๋นหลิงและสามีเคยให้ลูกกวาดสมัยใหม่กับเขาเป็นพิเศษ แต่ตั้งใจฉีกห่อพลาสติกออก และบอกเขาว่าเป็นของที่หวู๋ซินไต้ซือได้กลับมาจากการเดินทางท่องเที่ยว

แต่บางครั้งก็ยากจะหลบเลี่ยงความผิดพลาด พวกเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เอาลูกกวาดของตนมามอบให้พระเจ้าหลวงเป็นครั้งคราว

เขาคิดมานานแล้วว่าเคลือบน้ำตาลที่อยู่ด้านนอกขนมเหล่านั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

เมื่อเห็นว่าอวิ๋นหลิงและคนอื่นๆ ต้องการซ่อนมัน เขาก็ไม่ถามให้มากความอีก

จวบจนถึงวันนี้เมื่อสังเกตเห็นพี่น้องทั้งสี่คนพาทั้งครอบครัวมารวมตัวกันอยู่ที่จุดนี้ ในที่สุดเขาก็อดมาค้นหาคำตอบไม่ได้

“พวกเขาสี่คนอยู่ที่ไหน ทำไมถึงหายไป” พระเจ้าหลวงถามพลางขมวดคิ้วมุ่นเป็นปม แล้วชี้ไปที่ก้นบ่อ “เมื่อครู่ข้าเห็นแสงสีแดงในบ่อแห้ง ทำไมตอนนี้มันถึงหายไปแล้ว”

อวิ๋นหลิงและคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เห็นความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน

เต้าหวู๋ซินกล่าวว่ามีคนพิเศษบางคนก็สามารถเห็นแสงสีแดงที่ก้นบ่อได้ เช่น ผู้ที่มีบุญวาสนา

ถึงแม้ยามปกติพระเจ้าหลวงจะมองไม่เห็น แต่ค่ายกลเมื่อครู่นี้มีพลังแข็งแกร่งที่สุด ความแปลกประหลาดของที่นี่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเขาไปได้

เรื่องที่ถูกจับได้กับตาในคืนนี้ ดูท่าหากไม่อธิบายให้ชัดเจนคงจะไม่ได้

อวิ๋นหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจพูดว่า “จะเล่าให้ฟังมากกว่านี้ ท่านโปรดกลับไปที่ตำหนักอย่างเชื่อฟัง ประเดี๋ยวพวกเราจะค่อยๆ เล่าให้ท่านฟัง”

พระเจ้าหลวงเป็นชายชราคนแรกที่แสดงความจริงใจกับนางตั้งแต่นางมายังโลกนี้

ที่สำคัญไม่ว่านางจะเคลื่อนไหวทำอะไรที่น่าทึ่งขนาดไหน อีกฝ่ายก็สนับสนุนและเข้าใจเสมอมา

ในใจอวิ๋นหลิง พระเจ้าหลวงเป็นญาติสนิทของนางมานานแล้ว ดังนั้นนางจึงตัดสินใจจะไม่ปิดบังตาแก่น้อยผู้น่ารักคนนี้อีก

ในตำหนักฉางหนิง แสงเทียนวูบไหว

อวิ๋นหลิงและคนอื่นๆ เล่าให้ฟังนานกว่าครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งคอแห้งปากแห้ง กว่าจะอธิบายต้นสายปลายเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่กระจ่างชัด

แม้ว่าพระเจ้าหลวงจะอายุมาก แต่ค่ายกลจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหา

“ได้ๆๆ!”

ครั้นได้รับคำสัญญาของอวิ๋นหลิง พระเจ้าหลวงพลันดีใจจนยิ้มไม่หุบ ยังไม่วายสัญญากับพวกเขาอย่างเคร่งขรึมและลึกลับ

“พวกเจ้าวางใจได้ ข้าจะเย็บปากให้สนิท สัญญาว่าจะไม่บอกความลับเหล่านี้ให้ใครล่วงรู้เป็นอันขาด!”

อวิ๋นหลิงและคนอื่นๆ สบตากันปราดหนึ่ง ต่างส่ายหน้าด้วยความสนุกสนานและทำอะไรไม่ถูก

เรื่องนี้ตกลงตามนี้ ดังนั้นคนที่วิ่งไปเฝ้ารอที่บ่อน้ำทุกวันด้วยตาละห้อยนั้นเปลี่ยนจากเสวียนจีเป็นพระเจ้าหลวง...

……

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เสวียนจีกระโดดลงไปในบ่อน้ำ นางก็รู้สึกเหมือนอยู่ในทะเลแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล

ร่างกายไม่มีน้ำหนักเป็นเวลาสองสามวินาที จากนั้นใต้ฝ่าเท้าก็แตะพื้นอย่างมั่นคง

เท้าไม่ได้แพลง แต่ก็เกือบจะถูกเฟิ่งเหมียนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าบดทับเป็นขนมเปี๊ยะ

“โอ๊ย!”

เสวียนจีกรีดร้องอยู่ภายใต้ร่างเฟิ่งเหมียน เขารีบลุกขึ้นจากตัวนางด้วยใบหน้าแดงก่ำ ถามอย่างตกประหม่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“ไม่...ไม่เป็นไร รีบไปกันเถอะ! เดี๋ยวพวกยัยตัวร้ายจะกระโดดลงมา พวกเราหลายคนคงได้ต่อตัวทำท่ากายกรรมกัน...”

เสวียนจีลูบซาลาเปาทั้งสองบนหน้าอกด้วยสีหน้าท่าทางเจ็บปวดรวดร้าว

กล้ามเนื้อหน้าอกของเฟิ่งเหมียนก็แข็งทื่อแม้จะเจอหน้าอกเล็กแบนราบเรียบดุจลานจอดเครื่องบินของนาง

ด้วยกลัวว่าจะโดนของหนักตกใส่จนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่สอง นางจึงรีบลากเฟิ่งเหมียนไปด้านข้าง จากนั้นก็มองเห็นสถานการณ์โดยรอบชัดเจน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ