พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 2

ผู้ที่ทำหน้าที่โบยยี่สิบครั้งนั้นไม่ได้ออมมือเลยสักนิด ชุดเจ้าสาวของพระชายาจึงขาดลุ่ยเป็นที่เรียบร้อย

ชิวซวงขมวดคิ้วมุ่น สะบัดผ้าเช็ดมืออย่างรำคาญใจ “ท่านอ๋องไม่ได้สั่ง พวกเจ้าไม่ต้องกังวลใจแทน”

“และที่สำคัญหากเยียนอ๋องเป็นกระไรไป หัวนางต้องหลุดจากบ่าแน่”

ชิวซวงพูดเสียงดุร้ายเสร็จก็ผลักประตูดู ก่อนจะเห็นอวิ๋นหลิงคลานบนพื้นด้วยสภาพใกล้สิ้นใจ จากนั้นก็ปิดประตูแรงๆ

“ก่อนหน้านี้วางแผนชั่วใส่ท่านอ๋องในงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว ยามนี้ก็มาทำให้เยียนอ๋องบาดเจ็บอีก เป็นดาวพิฆาต อัปมงคลจริงแท้!”

……

อวิ๋นหลิงรู้สึกเจ็บแสบจากการถูกเฆี่ยนตียิ่ง แต่เมื่อเทียบกับความปวดร้าวที่ศีรษะแล้วก็ถือว่าเบามาก

นางหลับตาลง พยายามอดทนต่อความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด ในที่สุดความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานก็หายไป เหลือเพียงเหงื่อกาฬท่วมท้นทั่วร่างกาย

นางร้องเรียกเสียงแหบพร่า “มีคนอยู่ไหม?”

ไม่มีคนขานรับ มีเพียงเม็ดฝนหยดใส่บนชายคาติ๋ง ๆ

เหมือนจะผ่านยามจื่อไปแล้ว พวกทหารเฝ้ายามจึงไปเข้านอนกันหมด

การหลอมรวมและการใช้พลังจิตจะทำให้สูญเสียพลังงานในร่างกายยิ่ง เดิมทีร่างกายนี้ก็ไม่ค่อยกินอะไรมากอยู่แล้ว ยามนี้อวิ๋นหลิงหิวจนอยากกลืนทั้งจวนจิ้งอ๋องเลยทีเดียว

เปลวไฟสีแดงในห้องพลิ้วไหว อวิ๋นหลิงเห็นของว่างบนโต๊ะก็ลุกขึ้นยืนด้วยสภาพโซซัดโซเซ เมื่อหยิบขนมได้ก็กินอย่างตะกละตะกลาม

ระหว่างที่กินขนม นางก็เหลือบไปเห็นหน้าของตัวเองในคันฉ่อง เมื่อเห็นรูปลักษณ์นี้แล้วก็เกือบติดคอตายเพราะขนมในปากเสียแล้ว

ปีศาจหญิงจากไหนกัน!

ตอนที่อวิ๋นหลิงรับความทรงจำเมื่อครู่ ก็ทราบว่าตนคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนเหวินกั๋วกง มีปานแดงแต่กำเนิด คือสตรีอัปลักษณ์ที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง

แต่นางไม่คิดว่าจะอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้

อันที่จริงก็ไม่ได้อัปลักษณ์มากหรอก สิ่งสำคัญคือมองแล้วน่ากลัวมาก

สตรีในคันฉ่องเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ผมเงาดกดำยุ่งเหยิงไม่เป็นท่า ทว่าผิวกลับละเมียดละไม ยิ่งขับเน้นให้ปานแดงบนหน้าสะดุดตายิ่งขึ้น

สภาพการกินอย่างตะกละตะกลามของนางราวกับผีสาวเสื้อแดงกำลังกินอาหารอยู่

ช่างน่ากลัวยิ่งนัก น่ากลัวถึงขีดสุด

เมื่อปรับจิตใจให้สงบลง อวิ๋นหลิงที่ถูกพลังจิตแล่นผ่านภายในร่างกายหนึ่งรอบแล้วก็ต้องชะงักงัน พลางใช้ความคิด

พลังจิตสามารถวินิจฉัยอาการทุกจุดของร่างกาย

ปานที่มีแต่กำเนิดจะไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย หากพลังจิตแล่นผ่านจะลื่นไหลมาก แต่เมื่อครู่นางรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบนหน้าข้างขวา

รอยแดงเถือกนี้...ไม่ใช่ปาน แต่เป็นกระที่เกิดจากพิษ

อวิ๋นหลิงทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่

เพิ่งหนีจากองค์กรลี้ลับ ไร้ปรานีมาได้ แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ต้องกลายเป็นพระชายาในจวนจิ้งอ๋องของราชวงศ์ต้าโจวแล้ว ทั้งยังมีความลับที่สาธยายไม่หมด และได้ก่อเรื่องอันใหญ่หลวงขึ้นด้วย

ทว่ายามนี้กระพิษก็ดี การถูกเฆี่ยนก็ช่าง

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือนางต้องกินให้อิ่มท้องก่อน หาไม่แล้วยังไม่ทันได้ถอนพิษหรือรักษารอยเฆี่ยน นางก็หิวตายก่อนแล้ว

บริเวณลานจวนไม่มีทหารเฝ้ายาม ทั่วทั้งจวนอ๋องมีแต่ความเงียบกริบ

อวิ๋นหลิงไม่รู้จักเส้นทางอันคดเคี้ยวนี้ ยิ่งไม่รู้ว่าห้องครัวอยู่ที่ใด

นางใช้พลังจิตดมกลิ่น หมายจะหาอาหารอันโอชะกิน

เมื่อเดินผ่านเรือนอันแปลกตาหลังหนึ่ง อวิ๋นหลิงก็เห็นแสงในห้องนั้น ทั้งยังได้กลิ่นหอมของอาหารด้วย

ดวงตานางสว่างสดใส เดินฝ่าสายฝนเข้าไป จากนั้นก็ค่อยๆผลักประตู

ก่อนจะเห็นเยียนอ๋องนั่งหลับตาบนเก้าอี้ หน้าผากที่บาดเจ็บถูกพันแผลเหมือนมัมมี่ไม่มีผิด เขากำลังอดทนกับความเจ็บ และกำลังแช่เท้าอยู่ในถังไม้อันหนึ่ง

อวิ๋นหลิงเพ่งพลังการดมกลิ่นก็รู้ว่ามีอะไรอยู่ในถังไม้นี้บ้าง

มีขิง พริกหอม ต้นหอม ใบอ้ายเย่ ผักกระชับ เชียงหัว...

ตอนได้กลิ่นแรกๆคิดว่ากำลังตุ๋นขาหมูเสียอีก ที่แท้ก็เป็นยาปัดเป่าความเย็นนี่เอง

อวิ๋นหลิงปิดระบบการดมกลิ่น เพราะหากคนผู้นี้เท้าเหม็นก็จะส่งผลต่อการกินของนาง

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เยียนอ๋องก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะเห็นผีสาวเสื้อแดง ผมสยาย บุกเข้ามาในห้องเขา

เมื่อเขารู้ว่าเป็นฉู่อวิ๋นหลิง ชุดเจ้าสาวนางขาดรุ่งริ่ง เผยคราบเลือดบริเวณแขน ไหล่และหลัง เลือดสดที่ผสมกับน้ำฝนหยดใส่พื้นไม่หยุด

เยียนอ๋องฉุกคิดได้ว่าหลังเขาฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินคนอื่นเล่าว่าฉู่อวิ๋นหลิงถูกโบย หรือว่าโดนเฆี่ยนจนตายไปแล้ว?

เขาเบิกตากว้าง สีหน้าซีดเผือดในบัดดล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ