พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 231

“รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าไม่เลว น้องห้าไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ก่อนหน้าข้ายังได้ยินเสด็จพ่อเอ่ยปากชมที่เจ้าจัดการเรื่องในสำนักศึกษาฮั่นหลินได้ดีอยู่เลย”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยชมพระโอรสห้าอย่างจริงใจ คิดไปคิดมาแม้ข้างนอกโอรสห้าจะเลื่องลือด้านความเจ้าชู้ มักถูกคนพบเห็นเขาเข้าออกหอคณิกาอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินว่าเขาจะทำอะไรเสียหายในหอคณิกานั้นเลย

พระโอรสห้ายิ้มให้เขา ยกแก้วเหล้าขึ้นพร้อมพูดว่า “ขอบคุณพี่สี่ หยวนโม่คาราวะท่านหนึ่งจอก”

เยี่ยนอ๋องยกชนแก้วกับเขา “ข้าพักฟื้นที่จวนอยู่สองปีกว่าแล้ว อีกไม่กี่วันข้าจะไปหาเสด็จพ่อให้พระองค์หาเรื่องให้ข้าทำ สักหน่อยมิเช่นนั้นเสด็จแม่คงไม่ปล่อยข้าแน่”

เขาไม่ได้ชมชอบคุณหนูตระกูลหลี่นั่นจริงๆ หากพูดให้น่าฟังนางก็เป็นคนสงบเรียบร้อย แต่หากให้พูดตรงๆก็ไม่พ้นคำว่าไม้กระดานซื่อบื้อ

อีกอย่างต่อหน้าหวงกุ้ยเฟยนางเชื่องราวกับแกะ ไม่เคยขัดใจอีกฝ่ายแม้นสักครั้ง ทั้งยังมักมาเกลี้ยกล่อมเขาให้ขยันหมั่นเพียรตามพระประสงค์ของหวงกุ้ยเฟย จู้จี้จุกจิกยิ่งกว่าแม่นมเสียอีก

มีเสด็จแม่คนเดียวก็พอแล้ว ยังมีพระชายาเยี่ยนอ๋องโผล่มาอีก ชีวิตนี้ของเขาคงไม่มีทางมีความสุขได้

“พวกท่านอย่ามัวแต่ดื่มเหล้าสิ กับข้าวพร้อมแล้วรีบกินเถิด”

อวิ๋นหลิงคีบเนื้อแผ่นและผักกวางตุ้งที่สุกแล้วให้เยี่ยนอ๋องและพระโอรสห้า

“นี่เรียกว่าหม้อไฟ ข้าทำรสเผ็ดนิดหน่อยลองชิมดูสิ”

เพราะความเคยชินจากกองทัพเซียวปี้เฉิงจึงเป็นคนไม่เลือกกิน วันปกติแค่ชาสักแก้วกับหมั่นโถวก็เพียงพอต่อหนึ่งมื้อแล้ว ส่วนเยี่ยนอ๋องค่อนข้างเป็นคนเลือกกิน แต่ก็ไม่มีรสชาติต้องห้าม ขอแค่รสชาติดีก็กินได้ทั้งนั้น

ดังนั้นอาหารที่อวิ๋นหลิงเตรียมไว้ในวันนี้จึงอิงตามรสปากของพระโอรสห้า ส่วนผสมต่างๆจึงไม่ได้เผ็ดมากนัก

พระโอรสห้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ปกติแล้วเขาเป็นคนไม่กินรสเผ็ด และเป็นเวลานับสองปีแล้วที่ไม่มีการนำเข้าพริกเข้ามาในต้าโจว ครานั้นเขาลองกินมันเพราะความอยากรู้อยากเห็น สุดท้ายก็ท้องเสียนอนปวดท้องอยู่ถึงสองวัน

คนส่วนใหญ่หลังกินเข้าไปแล้วต่างก็มีสภาพเช่นเดียวกันกับเขา ทางห้องพระเครื่องต้นกลัวเหล่าราชนิกุลและขุนนางกินแล้วมีผลต่อร่างกายจะพลอยทำให้หัวตนหลุดจากบ่า ตั้งแต่นั้นมาจึงไม่ค่อยนำพริกมาประกอบอาหาร เพราะเหตุนี้การสืบค้นเกี่ยวกับกรรมวิธีของอาหารประเภทนี้จึงไม่ลึกมาก

ครั้งนี้เป็นเพราะเซียวปี้เฉิงเอ่ยเชิญชวนเขาก่อน เขาย่อมตบปากรับคำ ทว่าคิดไม่ถึงว่าสำรับอาหารจะมีหน้าตาเช่นนี้

“ขอบคุณพี่สะใภ้สาม ข้าคีบเองก็ได้”

พระโอรสห้าผิดหวังเล็กน้อย กัดฟันคีบอาหารที่เคลือบด้วยน้ำมันสีแดงเข้าปาก และกลืนมันลงไปอย่างไม่เต็มใจ

“รสชาติไม่เลวใช่ไหม?” อวิ๋นหลิงมองปฏิกิริยาของเขาก็รู้ได้ว่า หม้อไฟที่ทำในวันนี้ประสบความสำเร็จไม่น้อย

โอรสห้ายกนิ้วโป้งให้อวิ๋นหลิงด้วยแววตาเป็นประกาย “ฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้สามไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เสด็จปู่มักบ่นถึง วิธีการกินเช่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย”

“หม้อไฟ” ที่อวิ๋นหลิงทำแตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยกินในเมื่อก่อน นอกจากรสเผ็ดแล้วยังมีความหอมสดสะอาด มีความชาเรียกน้ำลาย

เซียวปี้เฉิงเองก็ทั้งคีบทั้งเติมผักให้เขา “หากน้องห้าชอบก็กินเยอะๆเลย”

เยี่ยนอ๋องที่อยู่ข้างๆพูดด้วยเสียงอู้อี้ “พี่สามพี่สาม ข้าขอด้วยๆ!”

บนโต๊ะอาหารไม่ควรคุยเรื่องงาน แค่เพลิดเพลินไปกับรสชาติของมันก็พอแล้ว อวิ๋นหลิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่สั่งให้ตงชิงยกอาหารที่อุ่นไว้ออกมาให้หมด

เพราะกลัวว่าพระโอรสห้าจะไม่ชอบหม้อไฟ นางยังทำกับข้าวอื่นๆอีกสองถึงสามอย่าง มีทั้งหมูทอด สันในหมูผัดเปรี้ยวหวาน และเครื่องเคียงเย็นชื่นใจ

พระโอรสห้าเคยได้ยินชื่อเสียงด้านการทำอาหารของอวิ๋นหลิงมาก่อน พระเจ้าหลวงก็พร่ำคะนึงถึงรสมือนางอยู่บ่อยครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะยอดเยี่ยมได้ถึงเพียงนี้

การเคลื่อนไหวอันมีสง่าราศรีของเขาค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น ไม่นานก็กินจนเหงื่อแตกพลั่กโดยไม่รู้ตัว ร่างกายเริ่มอบอุ่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

อวิ๋นหลิงยกยิ้มเบาๆ สั่งให้ตงชิงยกน้ำซานจาที่นางทำไว้เมื่อเช้ามาให้

“นี่คือน้ำที่ทำจากซานจาสดๆ ดื่มแล้วแก้เผ็ดได้”

พระโอรสห้ารับมาดื่มไปครึ่งแก้ว รู้สึกถึงความเปรี้ยวหวานในลำคอ กลิ่นผลไม้ตีคละคลุ้ง ไม่นานความเผ็ดชาในปากก็ค่อยๆบรรเทาลง แต่ความอยากอาหารกลับเพิ่มมากขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ