เซียวปี้เฉิงเป็นคนที่ตั้งสติคนแรก มองหน้าเฟิงเจิ้งเหวยอย่างสุดจะบรรยาย สุดท้ายจึงได้เอ่ยปากก่อน
"พวกเจ้าทั้งหลาย พานางไปที่ห้องทรงอักษร"
เมื่อกี้เขาได้ส่งคนไปทูลฮ่องเต้จาวเหรินแล้ว
"พ่ะย่ะค่ะ"
หัวหน้าองครักษ์รับคำ ไม่นานก็คืนสู่สีหน้าไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม แม้จะตกใจว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสอดรู้สอดเห็นได้
เมื่อท่านอ๋องสั่งมา ก็้แค่ทำตามเท่านั้น
หลายคนเดินหน้ามา รวมกำลังเพื่อจะดึงเอากระโถนที่ครอบศีรษะเฟิงจิ่งเหวยออกให้ได้ แต่ออกแรงเท่าไหร่อย่างไรก็ไม่เป็นผลเสียที
หัวหน้าองครักษ์เริ่มเหงื่อตก "ท่านอ๋อง นี่ควรจะทำยังไงดี..."
เซียวปี้เฉิงขยับริมฝีปากเล็กน้อย "พาไปห้องทรงอักษรในสภาพนี้แหละ"
"..."
หัวหน้าองครักษ์ได้แต่พาลูกน้องเดินหน้า คุมตัวเฟิงจิ่งเหวยออกไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่วนเฟิงจิ่งเหวยหลังจากถูกกระแทกครั้งสุดท้ายแล้วนางก็อ่อนล้าทั้งกายและใจ หมดเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะต่อต้านอีก
แม้ว่าจะเดินอย่างรวดเร็ว ก็ยังไม่วายถูกนางในที่ข้างทางมองเห็น ต่างพากันตกตะลึงตาค้าง
"คนนี้เป็นใครน่ะ ทำไมเอากระโถนไปครอบหัวอย่างงั้น?"
"หัวหน้าองครักษ์จับคนร้ายหรือโจรขโมยของกันแน่?"
"แต่ดูเครื่องแต่งกายเหมือนจะคุ้น ๆ ตานะ..."
ทุกคนเดินมาถึงห้องทรงอักษร ฮ่องเต้จาวเหรินกำลังประทับอยู่ที่เก้าอี้มังกรภายหลังเสร็จจากงานเลี้ยงเทศกาลหยวนเซียวมา
"เจ้าสาม เจ้ามีเรื่องด่วนอันใด...แค่ก ๆ ๆ นี่มันอะไรกันน่ะ?"
อ้าพระโอษฐ์จะถามไถ่ ก็เห็นคน ๆ หนึ่งถูกครอบด้วยกระโถนถูกนำตัวเข้ามา ทำเอาเกือบจะสำลักน้ำชาเข้า
เซียวปี้เฉิงมองเฟิ่งจิ่งเหวยอย่างสะอิดสะเอียน "เสด็จพ่อ เฟิงจิ่งเหวยคิดการไม่ซื่อต่อน้องห้า ดีที่กระหม่อมกับอวิ๋นหลิงได้รับรายงานจากนางกำนัลก่อน"
อวิ๋นหลิงเดินนำหน้ามา ว่าแล้วก็บรรยายเรื่องราวที่เกิดในคืนนี้ ให้ฮ่องเต้จาวเหรินทรงรับฟังอย่างละเอียดลออ
ฮ่องเต้จาวเหรินทรงขมวดพระขนงแน่น แม้จะทรงรู้สึกกริ้วหนัก แต่ก็ไม่อาจละสายพระเนตรจากกระโถนใบนั้นได้
"แล้วเจ้าก็เอากระโถนครอบหัวนางอย่างงั้นรึ?"
"เพราะนางมาจ้องหม่อมฉันก่อน!"
"ถอดออกมาก่อนแล้วค่อยพูดได้ไหม"
"ต้องโทษที่นางหัวโตเอง ถอดไม่ได้เพคะ"
ฮ่องเต้จาวเหริน "..."
ทรงอดไม่ได้ที่จะขยี้พระนาสิกซ้ำ ๆ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์เช่นนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามวันขึ้น ที่ฮ่องเต้จะไม่มาตรวจฎีกาอยู่ในห้องนี้อีก
หลังจากทูลเหตุการณ์ที่เกิดให้ทรงรับฟังแล้ว อวิ๋นหลิงก็เกิดอาการลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็แนบไปที่พระกรรณของฮ่องเต้จาวเหริน แอบกระซิบความลับขององค์ชายห้าให้ฟังอีก
ฮ่องเต้จาวเหรินซึ่งประทับอยู่บนเก้าอี้ แรก ๆ คือทรงตกพระทัย จากนั้นพระพักตร์ก็เปลี่ยนสี ราวกับไฟจราจรที่มีท้ั้งเขียวเหลืองแดงม่วงส้มน้ำเงินฟ้าสับเปลี่ยนกันวุ่นวาย แต่สุดท้ายก็ไปจบลงที่สีดำ!
"เสด็จพ่อ ต้องทรงหาวิธีให้นางสงบปากสงบคำไว้นะเพคะ เกิดไปเที่ยวโพนทะนาเรื่องของหยวนโม่ละก้อ..."
อวิ๋นหลิงหยุดชะงัก พลางกล่าวต่อเสียงต่ำ
"หรือจะให้หม่อมฉันช่วยฝังเข็ม? รับรองว่าไม่เจ็บไม่ปวด อีกทั้งเข็มเดียวก็รู้เรื่องไปเลย..."
ฮ่องเต้จาวเหรินทรงระงับอารมณ์ตกพระทัย หันมาทอดพระเนตรนางเล็กน้อย รับสั่งเสียงต่ำว่า "ไปตามเสนาบดีเฟิงมาพบข้า!"
เมื่อครู่นี้ปฏิกิริยาแรกของเขา ก็คืออย่างไรก็ต้องประหารชีวิตเฟิงจิ่งเหวยเพื่อรักษาเกียรติของราชสำนักไว้ แต่ถ้าไว้ชีวิตนางซักครั้ง กลับกลายเป็นไพ่ตายที่จะได้ควบคุมตระกูลเฟิงไว้มากกว่า
อวิ๋นหลิงเห็นฮ่องเต้ไม่คิดสั่งประหารเฟิงจิ่งเหวย ในใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ด้านนอกตำหนักจื่อเฉิง เสนาบดีเฟิงออกจากงานเลี้ยงเตรียมจะกลับจวน แต่เหลียวซ้ายแลขวาอย่างไรก็ไม่เห็นเฟิงจิ่งเหวยที่ติดตามมาด้วย
กำลังนึกสงสัยอยู่ในใจ ก็เห็นฝูกงกงเดินมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
"ท่านเสนาบดีซ้าย ฝ่าบาทเชิญที่ห้องทรงอักษรหน่อย..."
ฝูกงกงหยุดเล็กน้อย จากนั้นก็แอบกระซิบคร่าว ๆ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำเอาสีหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ของเสนาบดีเฟิงเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างมาก
"นังตัวดีช่างเหิมเกริมนัก!"
เร่งรีบมายังห้องทรงอักษร เสนาบดีเฟิงตั้งใจจะสั่งสอนเฟิงจิ่งเหวยให้หนัก แต่พอเห็นสภาพของนางก็แทบตกใจ
"ฮือ ๆ ๆ ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตด้วย..."
เฟิงจิ่งเหวยคุกเข่าอยู่ที่พื้น ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ ในที่สุดนางก็กลัวจนตัวสั่น ร้องไห้วิงวอนน้ำหูน้ำตาไหลพราก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...