พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 420

ทุกวันนี้พระสนมลี่ผินเป็นที่จับตามองอย่างมากในวัง

จักรพรรดิจาวเหรินมีพระสนมทั้งหมดไม่มากนัก หลังจากฮองเฮาเฟิงสิ้นพระชนม์ หลี่กุ้ยเฟยถูกลดตำแหน่ง เหลียงเฟยถูกกักบริเวณ

เพียงคนเดียวที่ไม่เคยทำผิดพลาดและถูกลงโทษ เป็นผู้ที่โปร่งใสเก็บตัวสันโดษมาโดยตลอดและไม่มีความรู้สึกถึงการดำรงอยู่

แม้ว่าวังหลังจะมีคนไม่มาก แต่ก็ไม่อาจไร้คนจัดการดูแลได้

ไทเฮาไม่สนใจดูแลวังหลังมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นสนมลี่ผินจึงได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิจาวเหรินให้ทำหน้าที่สำคัญ ระหว่างที่สนมเหลียงถูกกักบริเวณ ก็ให้ช่วยเหลือหลี่กุ้ยเฟยไปก่อน

เมื่อเผชิญหน้ากับพระสนมที่คมในฝักผู้นี้ จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ก่อนที่จะออกพระราชโองการ เขาได้ไปหาสนมลี่ผินที่วังหลังด้วยตนเอง

“ถวายพระพรฝ่าบาท”

เมื่อพระสนมลี่ผินเห็นคนมา ก็ลุกขึ้นเตรียมจะยอบกายคารวะ แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับรีบยื่นมือออกมาประคองไว้

“เจ้าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองถึงเพียงนั้น เจ้าหกบอกว่าเจ้าไม่สบายมาสองวันแล้ว พักผ่อนบนเตียงไปเถิด”

ยิ่งซิ่วกูกูที่อยู่ข้างๆ อดมองไปที่จักรพรรดิจาวเหรินอีกสองสามหนไม่ได้

สนมลี่ผินมีสุขภาพไม่ดี ในอดีตจักรพรรดิจาวเหรินก็ปฏิบัติต่อนางอย่างใจกว้างและอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เป็นดังเช่นวันนี้…ที่เอาแต่คอยระมัดระวังจนเกินพอดี

“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย ไม่ทราบว่าวันนี้ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยเรื่องอันใดเพคะ?”

จักรพรรดิจาวเหรินกระแอมไออย่างผิดธรรมชาติและกล่าวว่า "เจ้าไม่สบาย ข้าจึงมาเยี่ยมเจ้า พลางถือโอกาสเอ่ยบางเรื่องกับเจ้า"

เขาต้องการให้สนมลี่ผินช่วยหลี่กุ้ยเฟยในการจัดการดูแลวังหลัง แต่ก่อนหน้านั้น เขาจำต้องแน่ใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสนมลี่ผินและสำนักทิงเสวี่ยว่าเป็นมาอย่างไรเสียก่อน

ก่อนหน้ายุ่งเกี่ยวกับราชกิจจนละเลยสนมลี่ผินไป ยามนี้ในที่สุดก็ว่างแล้ว ทั้งยังเตรียมใจมาอย่างดีแล้ว

สนมลี่ผินรู้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินช้าเร็วอย่างไรก็ต้องมา นางมีท่าทีสงบเป็นอย่างมาก พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล "ฝ่าบาททรงอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องของสำนักทิงเสวี่ยใช่หรือไม่เพคะ?"

จักรพรรดิจาวเหรินชะงักไปเล็กน้อยและพยักหน้าด้วยแววตาที่ซับซ้อน

“เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของทูตขนส่งเกลือหลวงขั้นสี่หรอกหรือ เหตุใดเจ้าจึงไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักทิงเสวี่ยได้?”

สนมลี่ผินทอดถอนใจเบา ๆ “ กว่าสิบปีที่ผ่านมา เดิมหม่อมฉันคิดว่าใช้ชีวิตในฐานะสนมลี่ผินไปตลอดแต่จู่ๆเรื่องราวต่างๆก็อยู่นอกเหนือการควบคุม บัดนี้ฝ่าบาททรงตรัสถามแล้ว หม่อมฉันก็ไม่ขอปิดบังอีกต่อไป”

“ชื่อจริงของหม่อมฉันคือกงจื่อหว่าน ดังที่ฝ่าบาทคาดเดาเอาไว้ หม่อมฉันเป็นทายาทสายตรงของสำนักทิงเสวี่ย”

สนมลี่ผินเล่าถึงประวัติความเป็นมาของตนอย่างหมดเปลือก

ย้อนกลับไปตอนนั้นพี่เขยของนางหลงรักนาง เพราะนางไม่อยากรับใช้สามีคนเดียวกันกับพี่สาว ทั้งไม่อยากให้พี่สาวน้องสาวกลายเป็นศัตรูกัน จึงได้เลือกหลบหนีจากงานแต่งและออกจากสำนักทิงเสวี่ย

ส่งผลให้นางถูกมองว่าเป็นคนทรยศและถูกไล่ล่าจากคนในสำนัก

“ยิ่งซิ่วเป็นสาวกประกาศิตป้ายม่วงในสำนักทิงเสวี่ย ที่เติบโตมาด้วยกันกับหม่อมฉัน เราสองคนซ่อนตัวอยู่ในราชวงศ์ต้าโจว ครานั้นเกิดอุบัติเหตุน้ำหลากขึ้น ทว่าโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บนั้น เมื่อหม่อมฉันออกไปข้างนอกกลับมา กลับเห็นว่าผู้มีพระคุณถูกพวกโจรฆ่าอย่างทารุณ”

หลังจากการสอบสวน นางก็พบว่าผู้มีพระคุณคือบุตรสาวที่ถูกส่งตัวไปลี้ภัยอยู่ข้างนอกของใต้เท้าเจิ้งทูตขนส่งเกลือหลวงขั้นสี่ ขุนนางแห่งราชสำนักต้าโจว

หลังจากที่ใต้เท้าเจิ้งรู้ถึงการดำรงอยู่ของนาง จึงคิดจะรับตัวคนกลับมา แต่กลับถูกฮูหยินคนต่อมาชิงสังหารเสียก่อน

“หม่อมฉันเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณ จึงยังคงใช้ชีวิตในฐานะของผู้มีพระคุณต่อไป และกลับไปยังตระกูลเจิ้งเพื่อล้างแค้นให้นาง จากนั้นข้าก็ถูกรับเลือกให้เข้าวัง และโชคดีที่ได้รับเลือกให้อยู่ในวังเพื่อรับใช้ฝ่าบาท”

หากนำประสบการณ์ที่ผ่านมาของสนมลี่ผินครั้งยังสาวเขียนเป็นเรื่องราวออกมา มันคงเป็นตำนานบทหนึ่งทีเดียว

แม้ว่าในเวลานั้นนางจะเป็นเพียงหญิงสาวอายุสิบแปดปี แต่นางกลับเป็นหนึ่งในผู้ได้รับการปลูกฝังอย่างพิถีพิถันจากสำนักทิงเสวี่ย โดยมียิ่งซิ่วกูกูคอยระวังเรือนหลังให้ จึงสามารถพลิกสถานการณ์และไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับนางอีก..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ