เฉียงเวยมองดูสภาพอันน่าอับอายของหลิงซู เหลือบตามมองบนแล้วมองบนอีก
หลิงซูกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “เจ้าอย่ามัวแต่เหลือบตาอีกเลย น่องข้าถูกเสือตัวนั้นตะปบเข้า ทั้งยังหอบสมุนไพรจะเดินก็ไม่สะดวก รีบหาวิธีหนีจากเขาโดยเร็วเถอะ”
ผู้ชายที่ไล่หลังมาฝีเท้าว่องไวนัก ไม่นึกว่าแค่องครักษ์เล็ก ๆ ฝีมือจะเทียบเคียงกับคนของสำนักทิงเสวี่ยได้ด้วยซ้ำ
“สมน้ำหน้า ใครให้เจ้าทำงานโดยพลการเอง”
เฉียงเวยเหลือบตามองบนอีกครั้ง หากไม่เพราะว่าสมุนไพรในมือหลิงซูมีประโยชน์ต่อเจ้าสำนักน้อย นางก็ไม่อยากสนใจเจ้าหน้าโง่ผู้นี้หรอก
“ข้าไปสกัดผู้ชายคนนั้นเอง เจ้าไปทางขวา”
ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตาที่เข้าใจกัน พร้อมกับแยกย้ายทำงาน
เมื่อเห็นว่าเจ้าหัวขโมยกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง เยี่ยเจ๋อเฟิงก็เร่งความเร็วขึ้นอีก แล้วจู่ ๆ ก็ถูกหญิงสาวในชุดสีแดงคล้ำผู้หนึ่งมาขวางทางเอาไว้
สีหน้าเขาขรึมลง กล่าวเสียงเย็นว่า “ยังมีพรรคพวกอีกหรือ?”
ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าครึ่งเสี้ยวของเฉียงเวยถูกปิดอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดง หลังจากเห็นหน้าตาของเยี่ยเจ๋อเฟิงชัดเจนแล้ว ริมฝีปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มอันยวนยั่ว
“แหม...ช่างเป็นองครักษ์ที่หน้าตาหล่อเหลาเสียจริง ข้าชอบนัก”
อากัปกิริยาของนางเปี่ยมด้วยเสน่ห์ยวนใจที่เกิดโดยธรรมชาติ น้ำเสียงก็อ่อนหวานจับใจคนฟัง
แต่เยี่ยเจ๋อเฟิงกลับไม่หวั่นไหว สายตายังคงจับจ้องไปที่เงาของหัวขโมยที่จวนจะลับหาย พร้อมอ้อมผ่านเฉียงเวยและตามล่าต่อไป
ไม่รู้ว่าจวนจิ้งอ๋องมีอะไรสูญหายบ้าง แต่เขาก็ต้องตามคืนมาให้จงได้
เฉียงเวยเห็นเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่สนใจตนเอง แววตามีแววขุ่นเคือง พร้อมเหาะตามเขาไปและถลาไปชบอยู่กลางหว่างอกของเยี่ยเจ๋อเฟิง
“องครักษ์น้อยจะรีบไปไหนกัน”
เยี่ยเจ๋อเฟิงรีบประคองนางตามสัญชาตญาณ แต่ทันใดนั้นสองมือของเฉียงเวยก็ตวัดเข้าที่รอบคอของเขาราวกับงูเลื้อย
สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที ขู่ตะคอกเสียงดัง “ปล่อยมือนะ!”
ลำคอคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ เยี่ยเจ๋อเฟิงรีบเตรียมการป้องกันตัว พร้อมยื่นมือจะตอบโต้เฉียงเวย
แต่ฉับพลันข้างหูก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนอันอ่อนหวาน พาให้เขาสะดุดเข้ากับแววตาเป็นประกายดึงดูดคู่หนึ่ง จนสมองจู่ ๆ เกิดความว่างเปล่า สติสัมปชัญญะหยุดชะงักไปชั่วคราว
“ทำไมต้องปล่อยมือ? เจ้าไม่ชอบพี่สาวอย่างข้าหรือ? แต่พี่กลับชอบเจ้านัก...”
เฉียงเวยลูบคลำใบหน้าของเยี่ยเจ๋อเฟิง จนอดคิดไม่ได้ว่าหนุ่มรูปงามผู้นี้ช่างตรงกับรสนิยมของนางเสียจริง
นิ้วมือที่ไต่อยู่ข้างแก้มทำให้เยี่ยเจ๋อเฟิงสั่นระริกไปทั่วร่าง และรีบตั้งสติกลับมา พร้อมกับความตกใจอย่างแรง
ที่แท้หญิงผู้นี้รู้วิชาสะกดจิต
เป็นวิชามารที่รู้เฉพาะในชนเผ่าเหมียวเท่านั้น ปฏิกิริยาเบื้องต้นของเยี่ยเจ๋อเฟิงก็คือเดาว่าหญิงผู้นี้น่าจะเป็นคนร้ายหรือไม่ก็ไส้ศึกมาจากต่างเผ่า จึงได้ระวังเป็นอย่างมาก
“เป็นคนถ่อยจากที่ใด กล้ามาล่วงล้ำจวนจิ้งอ๋อง!”
ชายผู้นี้มีจิตที่แข็งแกร่งมากกว่าที่คิดไว้
เฉียงเวยกระพริบตาเล็กน้อย พอแค่นี้ดีกว่า อย่าได้ตอแยต่อไปอีกเลย
“ตายจริง น้องชายผู้นี้ช่างดุนัก ข้าเองไม่ตั้งใจจะล่วงเกิน อย่างไรเสียก็ขออภัยด้วย”
จากนั้นนางก็ผละจากอกเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนไปยังไม่ลืมจะฝากรอยจุมพิตที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ โดยผ่านผ้าที่ปิดบังใบหน้าไว้
“ไว้โอกาสหน้าค่อยพบกันใหม่”
สมองของเยี่ยเจ๋อเฟิงมีแต่เสียงอื้ออึง พร้อมกับยืนตัวแข็งอยู่กับที่ สองข้างแก้มร้องระอุจนแทบนึ่งไข่ให้สุกได้
นี่เขาถูกไส้ศึกผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าลวนลามหรือนี่?
กว่าเขาจะตั้งสติกลับมา แผ่นฟ้าที่กว้างไกลก็แทบไม่เห็นเงาของเฉียงเวยกับหลิงซูแล้ว หน้าตาจึงยิ่งบึ้งตึงไปอีก
“อย่าให้ข้าเจอพวกเจ้าอีก!”
มีแต่พวกมนุษย์ประหลาดทั้งสิ้น คนหนึ่งเป็นหัวขโมยที่ไม่ใส่กางเกงวิ่งพล่านไปทั่วถนน อีกคนก็เป็นไส้ศึกหญิงที่ลวนลามผู้ชายก็มีด้วย
เยี่ยเจ๋อเฟิงระงับไฟโทสะในใจเอาไว้ เม้มปากกลับจวนจิ้งอ๋องเพื่อไปรายงานผล
......
ในเรือนที่พักอักษรสวรรค์
กงจื่อโยวมองดูสภาพอันอุจาดตาของหลิงซู พลางหมดถ้อยคำจะกล่าว
“ไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไรทั้งสิ้น ไปหากางเกงมาใส่ก่อน ตาจะเป็นกุ้งยิงแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...