พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 470

ผู้คนในจวนของเสนาบดีขวาหลี่ได้รับข่าวอย่างรวดเร็วและพาหลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่เป็นลมออกไปทันที

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เมิ่งเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่ว ตามด้วยเสียงร้องห่มร้องไห้เป็นเวลานาน

“นังเด็กขอทานตัวเหม็นนั่นหนีไปไหนแล้ว ข้าจะไปแจ้งทางการ ข้าจะสับนางเป็นหมื่นๆชิ้น!”

“ท่านปู่ ท่านต้องจัดการแทนข้า! ต่อไปข้าจะมีหน้าไปเจอผู้คนได้อย่างไร!”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ร้องไห้หนักมากจนแทบขาดใจ วันนี้นางรู้สึกอับอายต่อหน้าสาธารณะชน ทว่าสิ่งที่แย่กว่านั้นคือเซียวปี้เฉิงเห็นนางด้วยตนเอง ตอนนี้นางกลายเป็นตัวตลกของทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ในอนาคตต่อไปนางยังจะเป็นพระชายารองของรัชทายาทได้อีกหรือ

เมื่อนางนึกถึงเสวียนจี ใบหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ท่าทีก็พลันดุร้ายราวกับจะกินคน

ไม่รู้ว่านังเด็กขอทานตัวเหม็นใช้เวทมนตร์อะไรทำให้แป้งบนท้องฟ้าส่งเสียงดังขนาดนี้

ผมที่นางเฝ้าดูแลเป็นอย่างดีถูกเผาจนต้องตัดออก อีกทั้งข้างซ้ายก็ยาวกว่า ข้างขวาก็สั้นกว่าราวกับถูกสุนัขแทะอย่างไรอย่างนั้น ส่วนบนใบหน้าและลำตัวเองก็มีรอยที่เกิดจากการถูกทหารกุ้งและนายพลปูหนีบปรากฏขึ้นด้วย

“ข้าต้องฆ่านังเด็กนั่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าไม่เลิกราแน่!”

"ฮือ ฮือ ฮือ..."

ตระกูลหลี่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากคนรับใช้ก็โกรธมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาไปที่วัดต้าหลี่เพื่อแจ้งทางการเท่านั้น แต่พวกเขายังส่งทหารยามจากจวนไปตรวจค้นตามถนนตลอดสายทั้งคืนเพื่อค้นหาผู้กระทำความผิด แต่คืนหนึ่งผ่านไปกลับยังไร้วี่แวว

สาวใช้รายงานด้วยเสียงสั่นเครือว่า “คุณหนู ทหารยามในจวนตามหาคนทั้งคืนแต่ไม่พบผู้ใดเจ้าค่ะ วัดต้าหลี่ยังกล่าวอีกว่าการค้นหานั้นไร้วี่แวว ทั่วทั้งเมืองหลวงไร้เงาร่างของเจ้าเด็กขอทานผู้นั้น อีกฝ่ายดูเหมือนจะหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไรอย่างนั้น...”

เมื่อหลี่เมิ่งเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธมากจนโยนข้าวของในเรือนเสียเกลี้ยง “ให้พวกเขาค้นหาต่อไป แม้ว่าจะต้องพลิกทั่วทั้งเมืองหลวง ก็ต้องหานางให้เจอ จับนังสารเลวนั่นได้เมื่อใด ข้าจะต้องให้นางต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว!”

หลี่หยวนเส้าปลอบใจนางอย่างทุกข์ใจ "น้องสาวอย่าได้โกรธจนทำร้ายร่างกาย ดูแลตัวเองให้ดีเป็นสิ่งสำคัญ พี่ชายจะช่วยเจ้าจับคนร้ายอย่างแน่นอน"

บนพื้นเละเทะเต็มไปหมด หลี่เมิ่งชูก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่หาได้ยากยิ่งและเอ่ยอย่างใจเย็น "หาคนไม่พบ เจ้ามาทำลายข้าวของอยู่ที่นี่ไปก็เปล่าประโยชน์ หม้อดินสีม่วงเมื่อครู่ที่เจ้าทำพังมีราคามากกว่าร้อยตำลึง และกระถางสำหรับปลูกบอนไซเมื่อครู่เป็นท่านพี่ที่ลงทุนลงแรงเพื่อที่จะซื้อมันกลับมา ยามนี้พังไปหมดแล้ว ต่อไปคิดจะซื้ออีกเกรงว่าคงจะยุ่งยากเสียแล้ว"

เนื่องจากท่านพ่อหลี่ถูกลดตำแหน่งลง ระยะนี้ค่าใช้จ่ายของพวกเขาบ้านใหญ่จึงลดลงเช่นกัน และไม่อาจใช้จ่ายตามอำเภอใจดังเช่นเมื่อก่อนได้อีกแล้ว

หลังจากฟังจบหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็โกรธแทบตาย จนชี้ไปที่จมูกของนางและด่าทอ "ข้าถูกรังแกแบบนี้ ท่านไม่ช่วยข้าด่านังสารเลวนั่นก็แล้วไป แต่ยังมาตำหนิว่าข้าไม่ควรโกรธ ท่านยังเป็นพี่สาวของข้าอยู่หรือไม่!”

“ข้าแค่พูดความจริง หากเจ้าเชื่อฟังท่านปู่อยู่บ้านไปอย่างสงบ ไม่ไปรังแกรุ่ยอ๋อง มันจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไร”

ท่าทีของหลี่เมิ่งชูนั้นไร้ชีวิตชีวา น้ำเสียงก็ราบเรียบ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ได้ยินมาว่ารบกวนไปถึงฝ่าบาทแล้ว ข้าเชื่อว่าความอัปยศอดสูของรุ่ยอ๋องบนท้องถนนจะต้องไม่อาจปิดบังทางวังหลวงได้”

หน้าอกของหลี่เมิ่งเอ๋อร์กระเพื่อมขึ้นลง เอ่ยเหน็บแนมอย่างโกรธจัด "ท่านช่างเป็นพี่สาวที่ดีของข้าจริงๆ รู้จักแต่เข้าข้างผู้อื่น รุ่ยอ๋องเป็นเพียงพระโอรสที่ถูกทอดทิ้ง ข้าหัวเราะเยาะเขาไปไม่กี่คราแล้วจะทำไมกัน ในเมืองหลวงคนหัวเราะเขาก็ใช่ว่าจะมีน้อย?”

หลี่เมิ่งชูขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงเข้ม "หลังจากได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตระกูลเฟิง ยามนี้เราควรจะยับยั้งชั่งใจ อย่าได้ซ้ำรอยกับที่ตระกูลเฟิงทำ ... "

ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ก็ถูกหลี่เมิ่งเอ๋อร์จงใจตัดบท

“ถุย! ข้าคิดว่าท่านก็เป็นเพียงคนขี้ขลาด! นี่ก็กลัวนั่นก็กลัว ทุกครั้งที่ประสบปัญหา ท่านไม่คล้ายคนตระกูลหลี่แม้แต่น้อย ท่านช่างทำให้ตระกูลหลี่อับอายจริงๆ! ในอนาคตหากไปเดินอยู่บนถนนอย่าได้บอกผู้ใดว่าเป็นพี่สาวของข้า!”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่ชอบพี่สาวคนนี้ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ต่อสู้แย่งชิง ครั้นยังเล็กนางเป็นเหมือนพระในวัด ราวกับนางจะไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น บุคลิกก็เชื่องช้าสุมขุม ไม่ร้อง ไม่หัวเราะ ทั้งยังไม่โกรธ ราวกับท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ