พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 626

ตงชิงกระพริบตา บอกไม่ถูกรู้สึกเช่นไร

นางดังแขนเสื้อตัวเองกลับมา ปฏิเสธลู่ฉีโดยไม่ลังเล “เจ้าเปลี่ยนคนเถิด เรื่องนี้ข้ารับปากไม่ได้”

ลู่ฉีงงเป็นไก่ตาแตก เอาแต่จ้องหน้านาง “ข้ารู้ว่าเจ้าปากร้ายแต่ใจดี ถึงจะพูดจาไม่รักษาน้ำใจ แต่เป็นคนใจอ่อนกว่าใคร ช่วยข้าหน่อยไม่ได้หรือ?”

ตงชิงปฏิเสธเสียงเย็นเยียบ “ถึงจะเป็นการแต่งงานปลอม แต่ก็ส่งผลต่อชื่อเสียงข้า หากท่านตายไปแล้วคนอื่นก็ต้องเรียกข้าว่าแม่หม้าย ถึงตอนนี้ข้าอยากแต่งอีกก็คงจะยาก ท่านสักแต่จะแต่งเพื่อให้คนอื่นสบายใจ แต่ไม่เคยนึกถึงชีวิตหลังจากนั้นของข้าเลย?”

ลู่ฉียอมถอยหนึ่งก้าว “งั้นก็หมั้นกัน ฐานะคู่หมั้นคงน่าจะได้?”

“ไม่ได้ คนอื่นจะหาว่าข้าเป็นดาวพิฆาตสามี”

“งั้น...งั้นข้าแบ่งสมบัติให้เจ้าครึ่งหนึ่ง?”

“ไม่เอา ทั้งตัวทั้งตัวเจ้ายังมีไม่ครึ่งหนึ่งของข้าเลย ข้าเสียเปรียบ”

ลู่ฉีใช้เงินหลอกล่อไม่สำเร็จก็หันมาพูดเกี่ยวกับความผูกพัน “พวกเราทำงานรับใช้จวนจิ้งอ๋องด้วยกันตั้งนาน รู้จักกันนานขนาดนี้แล้ว...”

ตงชิงเผยใบหน้าตึงเครียด นัยน์ตาเผยความรู้สึกซับซ้อน

นางกับลู่ฉีรู้จักกันมานาน หากนางไม่มีใจต่อคนโง่ตรงหน้านี้ นางก็จะช่วยเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน

ทว่านางไม่ได้รู้สึกกับลู่ฉีเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น ดังนั้นจึงรับปากไม่ได้

อีกย่างไอ้ลาโง่คนนี้ไม่ได้ใกล้ได้ นางแกล้งเขาเล่นเฉย ๆ

“ซวงหลีกับเจ้าก็เคยทำงานในจวนจิ้งอ๋องด้วยกัน ไยเจ้าไม่ไปถามนาง”

ลู่ฉีครุ่นคิดดูแล้วจึงเอ่ยว่า “ก็เพราะทั่วทั้งตำหนักบูรพา ความสัมพันธ์พวกเราดีที่สุด”

ตงชิงดวงตาหวั่นไหว น้ำเสียงเริ่มดีขึ้น “จริงหรือ?”

“แน่นอน ถึงแม่นางจื่อเถาจะรูปงาม น้องซวงหลีจะฉลาด แต่ข้าคุยกับเจ้าแล้วรู้สึกสบายใจกว่า”

ตงชิงหัวเราะเบา ๆ นางเริ่มอารมณ์ดีขึ้น ทว่าก็ไม่ได้รับปากเขา

“เรื่องนี้ข้าต้องคิดดูดีๆก่อน ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วข้าจะตอบเจ้า”

ครั้งนี้นางต้องกลั่นแกล้งลู่ฉีให้สาแก่ใจ ใครใช้ให้เขาหาว่านางเป็นสาวจอแบนกัน

ลู่ฉีรู้สึกผิดหวัง เขาสรรหาวิธีพูดให้ตงชิงพอใจ หวังว่านางจะเกิดความเมตตายอมรับปากเขา

เมื่อว่างจากการรักษาตัว เขายังขอให้ตงชิงช่วยทำลายหีบที่วางใต้เตียงด้วย

ตงชิงอยากรู้ตั้งนานแล้วว่าซ่อนอะไรไว้ในหีบ ถึงได้รีบทำลายทิ้งขนาดนี้ พอได้ยินก็พยักหน้าอุ้มหีบกะทัดรัดออกไป

“เก็บภาพวาดของเถาจื่อไว้หรือเปล่า?”

นางเดินกลับห้องนอนตลอดทาง เมื่อกลับเข้าไปในห้องนอน สิ่งแรกที่ทำคือเปิดหีบออกมาดู จากนั้นก็เห็นเพียงหนังสือกับภาพวาดเป็นกอง

ตงชิงคลี่ภาพวาดดูก็ต้องอึ้งแล้วกรีดร้องพร้อมกับโยนภาพวาดทิ้ง

นางกำนัลด้านนอกประตูได้ยินก็ถามด้วยความห่วงใย “ตงชิงกูกูเป็นอะไรเจ้าคะ?”

ไม่...ไม่เป็นอะไร ข้าลื่นล้ม พวกเจ้าทำงานของตัวเองไป ไม่ต้องสนใจข้า”

ตงชิงใบหน้าแดงแปร๊ด เก็บภาพวาดเข้าหีบอย่างลุกลน แต่สายตาก็ยังคงจับจ้อง ทันใดนั้นความเกรี้ยวกราดก็บังเกิด

ไอ้ลู่ฉี ปกติเห็นเป็นคนเอาการเอางาน ไม่คิดว่าลับหลังจะลามกเพียงนี้

ภาพวาดครึ่งหีบล้วนเป็นหญิงงามเผยเรือนร่างอันอวบอึ๋มครึ่งตัว เห็นแล้วรู้สึกอายจนหน้าแดง

และไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหนังสือพวกนี้ก็ไม่ใช่ตำราให้ความรู้

ตงชิงล็อคหีบไว้แล้วก็พูดด้วยใบหน้าแยกเขี้ยวยิงฟัน

จากนั้นก็มองไปยังหน้าอกอันแบนราบของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออในใจ ทว่าแค่ยิ้มไม่ได้พูดออกมา

“งั้นเจ้าเอาไปให้ลู่ฉีชิมดู แล้วอย่าลืมกลับมารายงานสรรพคุณให้ข้าฟังด้วย”

ตงชิงรับขวดยามาตามคำสั่ง จากนั้นก็เอามือบีบจมูกแล้วเดินไป อ้างว่าเป็นยาถอนพิษช่วยชีวิตที่อวิ๋นหลิงปรุงให้โดยเฉพาะ จึงหลอกให้ลู่ฉีกินหนึ่งเม็ดสำเร็จ

เขารู้สึกถึงความเผ็ดอันเข้มข้น จากนั้นก็รู้สึกเย็นถึงสมอง สุดท้ายก็สูญเสียการรับกลิ่น

ลู่ฉีกินหนึ่งเม็ดแล้วก็น้ำมูกน้ำตาไหล อาเจียนไม่หยุด เขาไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร รู้เพียงว่าตัวเองเหมือนตายแล้วหนึ่งครั้ง

อวิ๋นหลิงเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เห็นเซียวปี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เจ้าสั่งให้ตงชิงเอายาอะไรให้ลู่ฉีกิน? เขาอาเจียนอาหารเช้า อาหารเที่ยงและอาหารเย็นออกมาจนหมดเกลี้ยง ข้าอยากไปดูอาการหลังพักฟื้นของเขาหน่อย แต่พอได้กลิ่นนั่นก็ไม่กล้าเข้าใกล้”

ส่งผลให้เขากินข้าวเย็นไม่ลง

อวิ๋นหลิงเริ่มแนะนำยาทลายเวทของตัวเองให้เขารู้จัก

“ใช้วัตถุดิบหวงเหลียง ขู่เซิงเป็นหลัก และเพิ่มผงพริก น้ำสะระแหน่กับเจี้ยม่อ ทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไร้พิษ ถ้ากินหนึ่งเม็ดรับรองว่าสมองโล่งทันที”

เซียวปี้เฉิงมองขวดยาแล้วยากจะพรรณนาเป็นถ้อยคำได้

เห็นทีคุกของหอต้าหลี่ต้องมีวิธีการทำร้ายร่างกายนักโทษใหม่ๆอีกแล้ว

เขาเตือนตัวเองตลอดว่าถ้าเจอชาวเหมียวเจียงก็ต้องมีสภาพจิตใจอันเข้มแข็ง จะได้ไม่ต้องกินยาทรมานตัวเอง

“ดูเหมือนฤทธิ์ยาใช้ได้เลย ช่วงนี้ข้าจะทำยาเม็ดออกมาแจกให้ทุกคน แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวปีศาจเหมียวเจียงก่อกรรมทำเข็ญแล้ว”

อวิ๋นหลิงไม่ได้นึกถึงแค่พวกเยียนอ๋อง ยังทำเผื่อเสิ่นชิ่นด้วย

ถึงแม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะไม่ใช่พระชายาเสียนอ๋องแล้ว ทว่ายังคงมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ อาจตกเป็นเป้าหมายของเฟิงอิ๋งอิ๋งได้