“ตอนอยู่ที่สำนักศึกษาเป่ยลู่ข้าก็รู้สึกทะแม่งๆ ไอ้เวรมีเรื่องกับเมิ่งเอ๋อร์ แต่เป็นพี่สาวกลับไม่ขุ่นเคือง ทั้งยังพูดดีใส่เขาต่อหน้าหยวนเส้า ที่แท้ก็คิดแบบนี้นี่เอง”
“คนหนึ่งสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้โดยไม่บอกตระกูลเฟิง ส่วนอีกคนสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้โดยไม่บอกตระกูลหลี่ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งถึงกับเอาแม่ใหญ่กับน้องสาวเข้าคุกหลวงและสุดท้ายก็ต้องไปอยู่วัด ช่างเป็นคู่รักที่รักกันมากจริงๆ”
จางอวี้ซูนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็โมโห
แม้นตระกูลจางจะยิ่งใหญ่สู้ตระกูลหลี่ที่รุ่งโรจน์มาหลายชั่วอายุคน ทว่าเขาเป็นถึงหลานชายอาลักษณ์กรมพิธีการ อย่างไรเสียก็ต้องคู่ควรกับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลี่อยู่แล้ว
เมื่อก่อนเป็นสตรีเลอโฉมหลี่เมิ่งชูในสำนักศึกษาเป่ยลู่ งานหมั้นที่ทั้งสองตระกูลตกลงกัน ไหนเลยจะมีที่ให้นางแสดงความคิดเห็น
คุณหนูใหญ่คือเด็กว่านอนสอนง่าย เป็นที่ประจักษ์ในเมืองหลวง ทว่ากลับกล้ายกเลิกการหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของเมือง จนเขาไม่กล้าไปสังสรรค์กับเพื่อนพ้องอยู่นาน
เขาไม่ชอบหลี่เมิ่งชู ทว่าก็ไม่อนุญาตให้อดีตคู่หมั้นนัวเนียกับชายอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าชายดังกล่าวคือผู้ที่เขาเกลียดชัง
จางอวี้ซูมองนางอย่างแดกดัน “เมื่อก่อนท่านปู่กับท่านแม่ข้าชมว่าเจ้าเป็นคนมีการศึกษา อ่อนโยน แสนดี ข้าควรเชิญให้พวกเขามาดูธาตุแท้ของเจ้า แล้วข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าไปชอบไอ้เวรนี้ได้ยังไง ดวงตามีปัญหาก็ควรไปรักษาแต่เนิ่นๆนะ”
วันนี้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กอปรกับดื่มสุราด้วย จึงกล้าแบบไม่เคยกล้ามาก่อน
พูดจาเสียดสีต่อหน้าประชาชนที่มุงดู ไม่ไว้หน้าตระกูลเฟิงและตระกูลหลี่กันเลย
ตระกูลหลี่แล้วจะทำไม?
เรื่องนี้ตระกูลหลี่ผิดต่อตระกูลจาง เสนาบดีหลี่เป็นฝ่ายผิด เขาไม่กลัวบาดหมางอีกฝ่ายด้วยเรื่องนี้
หากเป็นสตรีทั่วไป เมื่อโดนคนจองหองพูดจาเหยียดหยาม คงจะอับอายหรือไม่ก็สิ้นหวัง แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุด
ทว่าแม้หลี่เมิ่งชูจะเป็นสตรี ทว่าก็เป็นคนที่เข้มแข็งตั้งแต่เด็ก ได้ยินประโยคนี้ก็แค่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าอย่ามายกตนข่มท่านหน่อยเลย ที่ข้าถอนหมั้นกับเจ้า ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย เพราะตัวเจ้านั่นแหละที่ทำตัวเสเพล ไม่เอาถ่าน ข้าจึงขอถอนหมั้นอย่างไรเล่า”
“พี่ชายใหญ่ของข้าอายุแค่ยี่สิบต้นๆ แต่ก็สอบติดจอหงวนแล้ว ส่วนเจ้า ตอนนี้ยังทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ ประชาชนล้วนรู้ดีว่าจางอวี้ซูชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ เที่ยวระรานไปทั่ว วัน ๆ เอาแต่เที่ยวหาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว อย่างอื่นก็ทำไม่เป็นเลย ถ้าข้าแต่งงานกับเจ้าก็เท่ากับกระโดดลงกองเพลิง”
“แต่เจ้าก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปหมดทุกอย่างหรอกนะ คนที่บีบให้ข้าต้องแอบสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้โดยไม่บอกที่บ้านได้ ถือว่าเป็นหนึ่งในความสามารถอันน้อยนิดของเจ้าเหมือนกัน”
เฟิงอู๋จีที่ยืนถือผ้าเช็ดหน้าไว้ด้านหน้า มองหลี่เมิ่งชูด้วยความอึ้ง
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแบบนี้ ปกติแม่นางตรงหน้าจะสุขุม ที่แท้ก็ยังมีด้านปากคอเราะร้ายด้วย
จางอวี้ซูได้ยินประโยคนี้ก็โกรธจนหน้าบูดเบี้ยว ฤทธิ์สุราสะกดให้เขาด่ากราด
“เจ้า...เจ้ามันหญิงสำส่อน ถุย หน้าไม่อาย”
เฟิงอู๋จีได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าพลันมืดครึ้ม กำหมัดแน่นแล้วพุ่งออกไป ทว่ากลับถูกหลี่เมิ่งชูรั้งไว้
หลี่เมิ่งชูมองไปยังจุดที่ไม่ไกลออกไป บนพื้นมีถุงหล่นอยู่หลายชิ้น จากนั้นนางก็แสยะยิ้ม
“อย่าว่าแต่หญิงสำส่อนเลย กระทั่งนางโลมในหอคณิกาก็ไม่ชอบคุณชายจางอย่างเจ้าหรอก อายุน้อยๆก็กินยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศแล้ว”
“จะว่าไป คนตีสองหน้าอย่างข้ายังสู้คุณชายจางที่ลุ่มหลงในกามเลย”
จางอวี้ซูหน้าแดงแปร๊ด ใบหน้าบูดเบี้ยวเหมือนภูตผี
เจอถ้อยคำเหน็บแนมที่ทิ่มเข้าหัวใจแบบนี้ ประชาชนที่มุงดูหน้าประตูร้านอาหารก็ต้องอึ้ง
มีคนเดินเข้าไปใกล้เงียบ ๆ จากนั้นก็เบนสายตามองไป ก่อนจะงึมงำว่า
“เขาซื้อยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศจริง แล้วพวกยาที่หล่นทางโน้น เหมือนจะเป็นดอกคำฝอยกับชะมดกวางไม่ใช่รึ ซึ่งใช้สำหรับทำแท้งหรือป้องกันการตั้งครรภ์”
ถึงแม้ไม่ใช่ประชาชนทุกคนจะรู้เรื่องการแพทย์ ทว่าเรื่องยาคุมกับยาเม็ดสีน้ำเงิน ใครเล่าจะไม่เคยกิน?
ก็เหมือนกับป่านหลานเกินจินอวิ๋นฮวา พวกเขารู้จักพวกนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นแค่มองดีๆปราดเดียวก็ดูออก
บัดนี้สายตาที่ผู้คนมองจางอวี้ซูก็เปลี่ยนไป
จางอวี้ซูไม่คิดว่า หลี่เมิ่งชูที่ดูสุภาพอ่อนโยนจะปากร้ายเพียงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...