พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 636

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่มีการประชุมราชสำนัก อาลักษณ์กรมพิธีการก็ไม่ได้สนับสนุนเสนาบดีขวาหลี่ทุกเรื่องเหมือนเคย

กลับทำหน้าบึ้งให้บ่อยๆ และพูดอะไรพูดจาแปลกๆกับอีกฝ่าย ทำให้สองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงได้ดูละครสนุกๆอยู่หลายครั้ง

ไม่มีอาลักษณ์กรมพิธีการที่คอยหาเรื่อง การจัดการงานราชการของสองสามีภรรยาก็สบายใจขึ้นไม่น้อย

ใกล้จะถึงกลางเดือนสิบแล้ว ทางด้านอาญาสี่ได้ส่งข่าวคราวมา บอกว่าอ๋องทูเจวียตะวันออกและกลุ่มผู้ติดตามได้เข้าสู่เขตแดนของแคว้นต้าโจวแล้ว น่าจะมาถึงเมืองหลวงประมาณปลายปี

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรื่องที่ทูเจวียตะวันออกอยากจะเป็นพันธมิตรกับแคว้นต้าโจวนับว่าได้ประกาศให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันแล้ว ข่าวการแต่งงานเพื่อสันติภาพก็ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

เซียวปี้เฉิงรีบเสนอแนะอย่างกระตือรือร้น “ทูเจวียตะวันออกยินดีที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นต้าโจวนั้นเป็นเรื่องดี ถ้าอยากจะแต่งงานก็ประทานองค์หญิงสักองค์ให้พวกเขา”

“ปีหน้าจะมีการคัดสนมใหม่พอดี ตอนนี้สาวงามจากทั่วทุกทิศได้ถูกบันทึกรวบรวมแล้ว ช่วงต้นฤดูหนาวน่าจะมาถึงเมืองหลวง ถึงเวลาก็หาสาวงามที่โดดเด่นที่สุดให้เป็นองค์หญิงที่จะแต่งงานเพื่อสันติภาพ เสด็จพ่อคิดเห็นว่าอย่างไร”

จักรพรรดิจาวเหรินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ไม่เลว ความคิดนี้ตรงกับใจข้าพอดี ทำตามที่รัชทายาทเสนอมาก็แล้วกัน”

ตอนนี้เขามีแค่องค์หญิงหกที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ย่อมไม่อาจจะส่งนางไปแต่งงานเพื่อสันติภาพได้ เลือกลูกสาวจากตระกูลขุนนางใหญ่เหมาะสมที่สุดแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นวิธีการที่กระ ทำสืบเนื่องกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว

เมื่อสองพ่อลูกพูดเช่นนี้ ขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักต่างก็มีสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมาทันที

ลูกสาวที่พวกเขาคัดเลือกมาเป็นอย่างดี หวังจะส่งให้เข้ามาอยู่ในวังหลังและจวนอ๋อง มิใช่ไปแต่งงานเพื่อสันติภาพ

เหล่าขุนนางต่างก็มองหน้ากัน ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ ถึงว่าก่อนหน้านี้ที่มีการเอ่ยถึงเรื่องการคัดเลือกนางสนมใหม่ รัชทายาทไม่มีความคิดเห็นใดๆก็พยักหน้ารับแล้ว

ใครจะไปคิดว่ามีแผนสำรอง รอพวกเขาอยู่เช่นนี้

เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างน่าด่าจริงๆ

ข่าวในเมืองหลวงถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วขณะ เหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ที่เตรียมตัวจะเข้าคัดเลือกนางสนมในปีหน้าต่างก็รับรู้ถึงสถานการณ์วิกฤติของตัวเอง

แต่แล้วเสนาบดีขวาหลี่ที่ใคร่ครวญอยู่ครู่ใหญ่ กลับแอบไปขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิจาวเหรินอย่างลับๆล่อๆ

ช่วงพลบค่ำ เซียวปี้เฉิงฝึกพลังจิตเหมือนปกติ ได้ยินบทสนทนาในห้องตำราอย่างชัดเจน

พอกลับไปที่ตำหนักบูรพา เขาก็รีบไปพูดกับอวิ๋นหลิงด้วยท่าทีลึกลับว่า “เจ้าลองเดาสิว่าเมื่อครู่ข้าได้ยินอะไรมา เสนาบดีขวาหลี่ขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเป็นการส่วนตัว เสนอแนะว่าจะให้ห่านหัวโตแต่งงานเพื่อสันติภาพกับทางทูเจวียตะวันออก”

สีหน้าของอวิ๋นหลิงมีแววประหลาดใจเล็กน้อย “ตาแก่นี่จะมาไม้ไหนอีก คิดจะขายหลานสาวเพื่อเกียรติยศหรือ แต่ถึงแม้จะแต่งงานเพื่อสันติภาพ ก็คงไม่ถึงตาของห่านหัวโตกระมัง”

แม้ว่าการเป็นองค์หญิงที่แต่งงานเพื่อสันติภาพจะไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ด้วยสถานการณ์ของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นองค์หญิงที่แต่งงานเพื่อสันติภาพด้วยซ้ำ

“แต่เสด็จพ่อยอมรับข้อเสนอแล้ว เจ้าไม่ได้ยินตอนที่ตาเฒ่าเสนาบดีขวาหลี่พูด......”

เซียวปี้เฉิงพูดถึงตรงหน้า สีหน้าก็มีแววลึกลับซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย

หลังจากที่เสนาบดีขวาหลี่เข้าไปในห้องตำรา ก่อนอื่นก็ได้ทำการพิจารณาตัวเองต่อหน้าจักรพรรดิจาวเหริน ระบายความในใจว่าตนเองนั้นจงรักภักดีต่อแคว้นต้าโจว รักแคว้นต้าโจวอย่างสุดซึ้ง

จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไปที่เรื่องทูเจวียตะวันออกต้องการจะสานสัมพันธไมตรี แสดงความเป็นห่วงต่อความเทะเยอทะยานและโหดร้ายของชาวทูเจวีย

“พระเจ้าหลวงทรงเคยตรัสไว้ ชาวทูเจวียก็เหมือนคนอกตัญญูที่เลี้ยงไม่เชื่อง วันนี้ป้อนพวกเขาจนอิ่ม พรุ่งนี้อาจกัดพวกเราก็ได้ จากความเห็นกระหม่อม ไม่สามารถฟังความข้างเดียวได้ จนโอนอ่อนผ่อนตามให้คนเลวกำเริบเสิบสาน”

จักรพรรดิจาวเหรินพยักหน้า ที่จริงเขาก็ไตร่ตรองถึงเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้การเป็นพันธมิตรจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย

“ท่านเสนาบดีมาพบข้าเวลานี้ คิดหาวิธีรับมือที่ดีกว่าได้แล้วใช่หรือไม่”

เสนาบดีขวาหลี่รีบเอ่ยอย่างเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาว่า “เรียนฝ่าบาทตามตรง กระหม่อมมีแผนการหนึ่ง นั่นก็คือให้เมิ่งเอ๋อร์เป็นองค์หญิงแต่งงานเพื่อสันติภาพ ฝ่าบาทยังทรงจำคำทำนายของท่านราชครู่เฟิ่งเหมียนได้หรือไม่ เขาเคยบอกว่าเมิ่งเอ๋อร์มีดวงกินลูกกินผัว ถ้าให้นางไปแต่งงาน ไม่เท่ากับว่าสามารถทำลายเผ่าทูเจวียได้โดยไม่ต้องแสดงออกเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ