พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 646

เซียวปี้เฉิงเคยกล่าวไว้ว่าผู้ที่ทำนายปรากฏการณ์ดาวตกและเทพธิดาลงมาจุติเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของราชวงศ์ในเวลานั้น ก็คือหวู๋ซินไต้ซือ

คนผู้นี้น่าจะเป็นไต้ซือรูปงามที่อวิ๋นหลิงกับหลิวฉิงเคยพบมา

อีกฝ่ายรู้วิธีป้องกันและตัดขาดพลังจิต ไม่ใช้การส่งสัญญาณรบกวนและเปลี่ยนสนามแม่เหล็กของสิ่งแวดล้อม แต่ใช้ลายอักขระโบราณที่ดูซับซ้อน

หลงเย่เอ่ยเสียงเบา “เขาจงใจปิดกั้นสัญญาณพลังจิตของหินอุกกาบาตนี้ เพราะไม่อยากให้พวกเราสังเกตเห็นการมีอยู่ของเขา”

ในหัวของอวิ๋นหลิงดังวิ้งๆ รู้สึกเหมือนมีความคิดมากมายพันกันอีนุงตุงนัง ยุ่งเหยิงราวกับม้วนเส้นด้าย

คนผู้นั้นทำนายการมาของพวกนาง พวกนางจดจำลักษณะของอีกฝ่ายได้อย่างแจ่มชัด

ในใจนางผุดการคาดเดาอย่างขวัญกล้า

หรือว่าตอนที่พวกนางเดินทางทะลุมิติมาด้วยกัน ยังมีความลับอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้อยู่เบื้องหลัง

กงจื่อโยวเดาะลิ้นถอนใจว่า “ข้าคิดมาตลอดว่าหวู๋ซินไต้ซือเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่ไม่นึกว่าจะมีฝีมือถึงขั้นนี้ คงไม่ใช่เทวดาที่ซ่อนอยู่ในหนังสือนิทานกระมัง”

สำหรับกงจื่อโยวและเฟิ่งเหมียน พวกเขาเติบโตขึ้นมาในโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังวิเศษมาตั้งแต่เล็ก

ความน่าอัศจรรย์ใจของหวู๋ซินนั้นแปลกจริงๆ แต่ก็ยังยอมรับได้อยู่

เซียวปี้เฉิงเติบโตขึ้นในโลกนี้ และได้รับรู้มุมมองวิทยาศาสตร์จากอวิ๋นหลิง ขณะนี้เขารู้สึกว่าไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง อดขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดด้วยความสับสนไม่ได้

อวิ๋นหลิงและพี่น้องที่เหลือยังคงอึ้งงันอยู่ที่เดิม

มีความรู้สึกเหมือนการรับรู้และมุมมองทางโลกพังภินท์ลงเสียแล้ว

จนกระทั่งหลิงซูวิ่งเข้ามารายงาน จึงทำลายความเงียบในห้องไป

“พระชายารัชทายาท แม่นางเสิ่นฟื้นแล้ว!”

ได้ยินว่าเสิ่นชิ่นฟื้นแล้ว พวกอวิ๋นหลิงก็หยัดกายลุกขึ้นไปตรวจดูอาการ

ในห้องพักแขกที่วิจิตรงดงาม เสิ่นชิ่นนั่งอยู่บนตั่งเตี้ยคนเดียว เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจลอย

ในลานบ้าน ใบเฟิงแดงพลิ้วปลิวตกลงมาเป็นประกายแดงแสบตาราวกับโลหิต นางมีเรือนผมดำขลับดุจม่านน้ำตก ดวงหน้าอันงามสะคราญขาวซีดและผอมตอบ

เห็นอวิ๋นหลิงเข้ามา นางจึงได้สติกลับคืน ปาดน้ำตาที่ไหลร่วงเผาะอย่างไร้สุ้มเสียง เอ่ยปากถามอย่างร้อนใจ

“อวิ๋นหลิง พี่ชายข้าเล่า ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเขาจึงอยู่ในสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเช่นนี้”

อวิ๋นหลิงไม่กล้าบอกเสิ่นชิ่นว่าจริงๆ แล้วเสิ่นทัวฟื้นขึ้นมากลางดึกแล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่ฟื้นเป็นเพราะความเจ็บปวด

เวลานั้นพวกเขาไปตรวจอาการของเสิ่นทัว พบว่าเส้นเอ็นที่แขนขาและศีรษะบวมปูดออกมา ดูสุดแสนเจ็บปวดรวดร้าว เอาหัวโขกกับผนังไม่หยุดหย่อน

ร่างกายของอีกฝ่ายดื้อยาเป็นอย่างมาก เขาไม่กลัวกระสุนด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าจะเจ็บปวดถึงขนาดนี้ ลองจินตนาการดูก็รู้ว่าเป็นการทรมานที่เลวร้ายขนาดไหน

อวิ๋นหลิงทนดูต่อไปไม่ไหว จึงสั่งให้ทุกคนจับเขากดลง แล้วเทยาต้มที่มีฤทธิ์แรงกว่า ในที่สุดก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาลงได้ชั่วคราว

อาการของเสิ่นทัวต้องเกี่ยวข้องกับการทดลองยาของฟงอิ๋งอิ๋งมายาวนานหลายปี นางให้เยี่ยเจ๋อเฟิงพาเฉียงเวยไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อซักถามฟงอิ๋งอิ๋งเกี่ยวกับอาการต่างๆ ของเสิ่นทัว

นึกถึงตรงนี้ อวิ๋นหลิงก็ซ่อนความกลัดกลุ้มและความกังวลไว้ตรงหว่างคิ้ว ก้าวขึ้นไปจับมือนางพลางปลอบประโลม “อาชิ่นไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่เสิ่นทัวยังมีชีวิตอยู่ บาดแผลตามเนื้อตามตัวก็รักษาแล้ว ยาสลบของข้าได้ผลค่อนข้างชะงัด ตอนนี้เขาหลับอยู่ยังไม่ฟื้นเลย”

“ส่วนที่ว่าเหตุใดเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้...”

นางลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเล่าเรื่องของเสิ่นทัวอย่างอ้อมๆ ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เสิ่นชิ่นสะเทือนใจ

หลังจากเสิ่นชิ่นรู้ที่มาที่ไปทุกอย่างแล้ว สองตาก็แดงก่ำ เอามือปิดปากสะอื้นไห้ไม่หยุด

“ตระกูลเสิ่นทำอะไรผิดนักหนา ไยสวรรค์ถึงทำกับพี่ชายเช่นนี้ เขาให้ความสำคัญกับมิตรและคุณธรรมมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องผิดศีลธรรม เหตุใดเขาถึงต้องทนทุกข์ทรมานมากถึงเพียงนี้...ถ้าตระกูลเสิ่นทำอะไรผิด แค่มาแก้แค้นกับข้าก็พอ…”

พี่ชายให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตร ชิงชังความชั่วพอๆ กับเกลียดศัตรู ไม่แสวงหาลาภยศและผลกำไร เขาเป็นชายชาตรียืนอยู่ในหัวใจนาง

เหตุใดทหารที่สละเลือดเนื้อพลีชีพเพื่อชาติถึงมีจุดจบเช่นนี้

สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเลย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ