พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 712

ตอนนี้ มุมมองของเหล่าขุนนางในราชสำนักที่มีต่ออวิ๋นหลิงค่อนข้างเป็นกลางและยุติธรรม

ไม่มีใครพยายามจะลบล้างคุณงามความดีที่นางทำให้เสื่อมลง มีแต่ความมั่นใจและชื่นชมเสียมากกว่า

แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการตัดสินกันส่วนตัว โจมตีเรื่องที่นางแทรกแซงเรื่องสนมของรัชทายาท รวมไปถึงวิพากษ์วิจารณ์องค์รัชทายาทที่ยอมเชื่อฟังและปฏิบัติตามนางทุกอย่าง

สามารถพูดได้ว่า ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มีความสามารถเช่นนี้ คงถูกกรมพิธีการลงโทษด้วยข้อหาเป็นหญิงงามล่มเมืองยั่วยวนรัชทายาท กระชากลงมาจากตำแหน่งพระชายารัชทายาทแล้ว

“ท่านดีไปหมดทุกอย่าง ถ้าหากสามารถใจกว้างในเรื่องหลังบ้านอีกสักหน่อย เช่นนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างให้กับฮองเฮาในรุ่นหลัง แม้แต่ฮองเฮาหยวนที่บุกเบิกแคว้นต้าโจวยังสู้ท่านไม่ได้”

“ใช่แล้วใช่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านจะกลายเป็นฮองเฮาอันดับหนึ่งที่ผู้คนสรรเสริญทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างแน่นอน”

แม้ว่าขุนนางใหญ่ทั้งสองจะวิจารณ์ลับหลัง แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ท่าทีของสองสามีภรรยายังนับว่าเป็นมิตรอยู่

อวิ๋นหลิงเอ่ยยิ้มๆว่า “ต้องขออภัยด้วย ข้าเป็นคนใจคอคับแคบ รับหญิงอื่นไม่ได้ พอคิดว่ารัชทายาทจะรับอนุ ข้าก็อดไม่ได้ที่จะคันไม้คันมือตีเขาจนต้องร้องโอดโอย ข้าก็เคยลองเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ก็ควบคุมตนเองไม่ได้”

เซียวปี้เฉิงย่อมปกป้องภรรยาตนเองอย่างสุดความสามารถ และเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย

“ไม่เชื่อฟังสามีก็ช่าง ข้าชอบเห็นพระชายาที่แข็งแกร่งและฉลาดเช่นนี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงน่าเบื่อมาก คนนอกจะหัวเราะเยาะอย่างไร ข้าไม่สนใจ”

“นางก็ไม่จำเป็นต้องแสดงความใจกว้าง ข้ายินดีจะปลดตำหนักหลังเพื่อนาง ภายหน้าจะกลายเป็นเรื่องราวดีๆและตำนาน ดีกว่าการเป็นฮองเฮาอันดับหนึ่งทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างแน่นอน”

ฮองเฮาที่พูดถึง หมายถึงภรรยาเอกของฮ่องเต้

แต่ในใจของเซียวปี้เฉิง อวิ๋นหลิงไม่ใช่ทั้งพระชายารัชทายาทและฮองเฮาในอนาคต ภรรยาของเขาไม่ได้ต้องการฉายานามเหล่านี้

อีกฝ่ายเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีภรรยาเอกภรรยารองอะไรทั้งสิ้น

นี่เป็นตำนานที่มีเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา

ที่สุดสีหน้าของใต้เท้าใหญ่ทั้งสองก็เปลี่ยนไป มองเซียวปี้เฉิงอย่างตกตะลึงมาก

ก่อนหน้านี้สองสามีภรรยารัชทายาทมีความรักอันลึกซึ้ง ทั้งสองแต่งงานกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ เป็นช่วงที่ตัวติดกันเป็นตังเม

ตอนนั้นเขาไม่ยินดีจะรับอนุ ประกาศว่าจะแต่งงานกับภรรยาเพียงคนเดียว ขุนนางราชสำนักแม้จะรู้สึกปวดหัวรำคาญ แต่ก็พอเข้าใจได้

ยิ่งไปกว่านั้น มากที่สุดรัชทายาทก็แค่ยื้อเวลาเพื่อรอโอกาสกับพวกเขาในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครคิดว่าเขาที่เพิ่งจะรับตำแหน่งรัชทายาทจะแสดงออกถึงความนอกรีตนอกรอยเกินไป

รอให้ผ่านไปอีกสองสามปี ความสดใหม่ของการเป็นสามีภรรยาได้ผ่านพ้นไปแล้ว อีกฝ่ายก็คงจะเปลี่ยนความคิด

แต่คำว่าปลดตำหนักหลังที่เอ่ยออกมาในตอนนี้ กลับถูกเซียวปี้เฉิงพูดออกมาราวกับกำปั้นทุบดิน ไม่ลังเลเลยสักนิด

เขามีความคิดนี้จริงๆ

สำหรับราชสำนักแล้ว เป็นคลื่นใหญ่ที่บ้าคลั่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งสองยืนนิ่งอึ้งกับที่ มองหน้ากันอยู่นาน ตอนที่ได้สติกลับมา สองสามีภรรยารัชทายาทก็เดินไปไกลแล้ว

“นี่มันช่าง......”

ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีแล้ว

ขุนนางคนหนึ่งขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้สู้จนตระกูลเฟิงล้ม ตอนนี้ตระกูลหลี่ก็ไม่ไหวแล้ว ไม่มีสองเสนาบดีคอยถ่วงดุล ฝ่าบาทก็ไม่สนใจไยดี......จะมีใครห้ามเขาได้”

ราชสำนักในตอนนี้ ไม่มีอำนาจที่ห้าวหาญมางัดข้อกับรัชทายาทแล้ว

ทั้งหกกรม กรมกลาโหมและกรมอาญาล้วนอยู่ในการควบคุมของรัชทายาท ตระกูลถังแห่งกรมโยธาก็ถูกจับไว้มั่น กรมพิธีการก็เปลี่ยนคนขนานใหญ่

กรมขุนนางและกรมคลังที่เหลืออยู่ไม่มีผู้นำ ร่วมมือกันก็สู้อีกฝ่ายไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นท้องพระคลังต้องอาศัยตำหนักบูรพาทั้งหมดในการเติมให้เต็ม

เขาแทบจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย

ขุนนางอีกคนถอนหายใจยาว “บวกกับเรื่องแต่งงานเพื่อสันติภาพกับทูเจวีย คาดว่าการคัดเลือกสาวงามคงต้องจบอย่างไม่มีเหตุผลแล้ว หากพลาดโอกาสนี้ไป เกรงว่าภายหน้าความหวังอาจเลือนราง”

แม้ว่าระบบการคัดเลือกสาวงามจะฟื้นฟูเป็นปกติแล้ว แต่ระยะเวลายังคงจำกัดอยู่ที่สามปีไม่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นห้าปี

ตอนแรกที่รัชทายาทเอ่ยถึงเรื่องนี้ เหล่าขุนนางต่างก็ไม่ได้ต่อต้านความตื่นเต้นต่อการคัดเลือกสาวงามของเขา ไหนเลยจะมีเวลาไปคิดถึงความหมายอันลึกซึ้งที่แฝงอยู่เบื้องหลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ