หลังจากที่กู้จื่ออวี๋จากไป การสนทนาในตำหนักบูรพาก็สบายมากขึ้น
พี่น้องคนสองสามคนนี้มีที่มาที่ไปมาก กู้ฉางเซินและกงจื่อโยวรู้อยู่แก่ใจ ดังนั้นเมื่อพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ในชาติที่ผ่านมาและชาตินี้ ก็ไม่ได้จงใจปิดบัง
อวิ๋นหลิงมองไปที่ลูก ๆ ที่กำลังกินผลไม้และถอนหายใจว่า
“เจ้าลิงสาดกับไข่เหล็กกลับไปจัดการพวกญี่ปุ่นที่แคว้นตงฉู่แล้ว พวกเขาจากไปประมาณสามเดือนแล้ว ก็ไม่เห็นส่งจดหมายมา คาดว่าคงเล่นบ้าไปจนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”
ตอนนี้นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสี่คนจะมารวมตัวกันอีกครั้ง
“ก็ไม่แน่ ชายแดนแคว้นตงฉู่เริ่มทยอยปิดล้อมในปลายปีจันทรคติ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่สามารถส่งข่าวมาได้”
กู้ฉางเซินเงยหน้าขึ้นและดื่มชา เขารู้การเคลื่อนไหวของที่นั่นเป็นอย่างดี
ภายในเป่ยฉินยังคงให้ความสนใจกับสถานการณ์ในแคว้นตงฉู่มาก เพราะในแผ่นดินใหญ่เก้าแคว้น เพราะว่าแคว้นตงฉู่ใกล้กับพวกเขามากที่สุด
ถ้าหากภายในของแคว้นตงฉู่ถูกชาวญี่ปุ่นแทรกซึมเข้าไปข้างในจริง ๆ เป่ยฉินก็ต้องป้องกันแล้ว
หลิวฉิงลูบฝักดาบ เท้าขวาสั่นไปหลายครั้ง “น่าเสียดาย ถ้าข้ากลับมาเร็วกว่านี้สักสองเดือน ข้ายังสามารถไปสนามรบกับเด็กดื้อนั่นได้”
อวิ๋นหลิงเห็นท่าทางนี้ของนาง ก็รู้ว่าการเสพติดที่ก้าวร้าวนั้นของหลิวฉิงเกิดขึ้นอีกครั้ง
กงจื่อโยวพูดด้วยความกังวลว่า “ข้าก็เคยไปเที่ยวแคว้นตงฉู่ เคยติดต่อกับชาวญี่ปุ่น อย่าเห็นว่าพวกเขาทําท่าทางรู้จักมารยาท อันที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่ก็เป็นคนหน้าซื่อใจคด เหี้ยมโหดมากและรับมือได้ยาก”
หลงเย่กลับดูท่าทางสงบนิ่ง “หากเจอเจ้าเด็กดื้อนั่นเข้า วาสนาของพวกเขาก็ไม่มีแล้ว”
เซียวปี้เฉิงเองก็หัวเราะเบา ๆ “ก่อนหน้านี้ทําการทดลองยิงปืนใหญ่ เศรษฐีหนุ่มไม่ได้ไปดูด้วยตัวเอง ถ้าเจ้าเห็นพลังของปืนใหญ่แล้ว เจ้าจะไม่กังวลเกี่ยวกับแม่สาวน้อยคนนี้อีก”
นั่นสามารถฆ่าศัตรูได้เป็นร้อยโดยไม่ต้องเสียทหารแม้แต่คนเดียว
กงจื่อโยวแอบเห็นท่าทางของพวกเขาดูสงบนิ่ง ก็ค่อย ๆ วางใจ จากนั้นสายตาก็ตกลงมาที่หลิวฉิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“จริงสิพี่เอ้อร์หลีว์ เหตุใดพี่ถึงกลับมาใส่เกราะนุ่มอีกล่ะ?”
เสื้อเกราะอ่อนก็เหมือนกับชุดราชสํานัก ก็มีลวดลายเป็นลําดับยศ เขาจํารูปแบบสื้อเกราะอ่อนบนร่างกายของหลิวฉิงได้ ต้องเป็นนายพลระดับสี่ของเป่ยฉินถึงจะสวมใส่ได้
หลิวฉิงเพิ่งจะจัดการน่องไก่ทอดไปได้ครึ่งหนึ่ง ถึงได้ว่างพูดว่า
“ภายในความวุ่นวายของเป่ยฉิน กองทัพสกุลฟงได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ไอ้บ้านั่นได้แต่งตั้งให้พ่อของข้าเป็นท่านโหว ข้าและพี่ชายสองคนเองก็ได้รับคุณูปการทางทหารเป็นราชการด้วย”
“ตอนนี้ข้าเป็นแม่ทัพซวนหยางระดับสี่ ถึงแม้ว่าจะเป็นแม่ทัพไม่มีอํานาจที่แท้จริง แต่ทุกปีก็มีเงินเดือนหนึ่งร้อยห้าสิบสองตำลึง ไอ้บ้านั่นสัญญาว่าถึงแม้ข้าจะออกจากเป่ยฉินแล้ว เงินนี้ก็จะแจกให้ข้าเหมือนเดิม ข้าจึงไม่ได้ปฏิเสธการรับตำแหน่ง”
หลิวฉิงไม่ได้สนใจตำแหน่งราชการนี้ของแม่ทัพซวนหยาง บวกกับได้รับเงินเดือนฟรี ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอย่างแน่นอน
ความสัมพันธ์ของนางกับกู้จื่ออวี๋แบบนี้ก็กลายเป็นจักรพรรดิและขุนนางเท่านั้น ซึ่งดีกว่าการแนะนําว่า "นี่คือสามีเก่าของข้า”
กงจื่อโยวได้ยินแบบนี้ ก็เหลือบมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ
ได้แค่หนึ่งร้อยห้าสิบสองตำลึงทุกปี จนจริง ๆ
ถ้ามาทํางานให้สำนักทิงเสวี่ยล่ะก็ เขาสามารถจ่ายเงินเดือนสิบเท่าหรือจ่ายเป็นรายเดือนได้ตามใจชอบ
แต่ว่า...หลิวฉิงไม่จําเป็นต้องทํางานให้เขา ก็จะมีเงินที่ใช้ไม่หมด
“มีข้ากับน้องสามอยู่ เจ้ายังต้องกังวลเรื่องเงินอีกหรือ?”
หลงเย่มองนางอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส “บ้านของเจ้า ข้าจัดเตรียมไว้นานแล้ว สนามฝึกและคลังทหารที่เจ้าชอบก็มีหมด พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเดินชมสักหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...