พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 798

เซียวปี้เฉิงหัวเราะเสียงต่ำ “เสียเปรียบมามากแล้ว ย่อมต้องมีจดจำซะบ้าง”

มีคำว่า”กตัญญู”กดทับไว้บนศีรษะ ต่อหน้าจักรพรรดิจาวเหรินเขามีฐานะต่ำต้อยกว่าแต่กำเนิด

เขาเองก็ไม่อยากจะให้อวิ๋นหลิงที่ตั้งครรภ์มาทะเลาะกับอีกฝ่ายทุกวี่วัน เรื่องบางเรื่องหากเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า

แม้จะต้องทะเลาะกัน ก็ต้องรอให้อวิ๋นหลิงคลอดลูกสาวให้เรียบร้อยก่อนจึงจะทะเลาะด้วย มิเช่นนั้นเขาเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อยเกินไป

เซียวปี้เฉิงเอาผ้าบางๆผืนหนึ่งคลุมไปบนหน้าท้องที่นูนขึ้นมาของอวิ๋นหลิง มั่นใจว่านางจะไม่ร้อนเกินไป ท้องก็ไม่เย็นเกินไปเช่นกัน

หลังจากที่อีกฝ่ายนอนหลับสนิทแล้ว ก็ไปทำงานอื่นอย่างวางใจ

เรื่องการหาอาจารย์ให้กับโม่อี้ซือ เซียวปี้เฉิงมอบให้เป็นหน้าที่ของรุ่ยอ๋อง เรื่องการเก็บกวาดตำหนักหลันอีของโม่อี้ซือ ได้ขอความช่วยเหลือจากสนมลี่ผิน

ทางด้านตำหนักบูรพาถือว่าสบายมาก อวิ๋นหลิงยังคงเจตจำนงที่แน่วแน่ในการไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบองค์หญิงอี๋อันที่ตำหนักโยวซินในช่วงเช้าของทุกวัน ราวกับกำลังทำภารกิจตอกบัตรเพื่อตรวจสอบความขยันให้สำเร็จ

แม้ว่านางจะไม่ได้ลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ก็มักจะสั่งการคำร้องขอลงไปเป็นระยะ เพื่อปรับปรุงชีวิตของสองแม่ลูกองค์หญิงอี๋อันให้ดีขึ้น

จักรพรรดิจาวเหรินพอใจกับเรื่องพวกนี้มาก รู้สึกว่าสะใภ้ของเจ้าสามคนนี้นับว่ามีท่าทีของแม่ที่ดูแลทุกคนด้วยความรักขึ้นมาสองส่วนแล้ว

ตงชิงอดไม่ได้ที่จะแอบกลอกตา บ่นกับตนเองว่า “ฝ่าบาทก็ทรงทำเกินไปจริงๆ พระชายารัชทายาทตั้งครรภ์อยู่แท้ๆ แม้แต่พระเจ้าหลวงและพระพันปียังไม่ให้นางไปน้อมทักทายตามธรรมเนียมเลย เขากลับคิดว่าพระชายารัชทายาททำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว”

ก่อนหน้านี้อวิ๋นหลิงจะเข้าประชุมราชสำนัก พระสนมในตำหนักต่างๆก็ไม่มีใครขอให้นางทำตามกฎระเบียบในการไปน้อมคำนับผู้อาวุโส

เพราะก่อนหน้านี้จักรพรรดิจาวเหรินได้กำชับอย่างจริงจังว่า คนอื่นๆก็ต้องใส่ใจเรื่องของสองแม่ลูกองค์หญิงอี๋อัน ไปนั่งเป็นเพื่อนที่ตำหนักโยวซินบ่อยๆ

ทุกคนต่างก็สับหลีกอย่างรู้ใจกัน สี่วันเป็นหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นตำหนักโยวซินจึงไม่มีช่วงเวลาเว้นว่างเลยแม้แต่วันเดียว

ตอนแรกทุกคนต่างก็นับว่าเกรงใจและปรองดองกัน แต่หลังจากผ่านไปสองรอบ ก็เริ่มค่อยๆมีเสียงที่ไม่สามัคคีกันเกิดขึ้น

คนที่เกิดการปะทุอารมณ์และขัดแย้งขึ้นมาก่อนคือเยี่ยนอ๋อง

นักข่าวเรื่องซุบซิบแนวหน้าอย่างตงชิงได้คอยจับตาการเคลื่อนไหวในวังหลัง นำข่าวสดๆร้อนๆที่ได้รับรู้ มาบอกกับอวิ๋นหลิงที่กินแล้วนอนนอนแล้วกินอยู่บนตั่งเป็นคนแรก

“พระชายารัชทายาท เช้านี้ฝ่าบาทไม่ได้ไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก แต่ไปยังตำหนักของพระสนมหลี่อย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าไปสร้างความยุ่งยากอะไรให้กับพระสนม ได้ยินนางกำนัลบอกว่าทั้งสองคนทะเลาะกันรุนแรงมาก หลังจากเลิกประชุมราชสำนักเยี่ยนอ๋องก็ไปเยี่ยมพระสนมหลี่ เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงได้ทะเลาะกับฝ่าบาทด้วย”

อวิ๋นหลิงที่เดิมทีรู้สึกง่วงไม่มีแรง ได้ยินข่าวนี้ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

“เสด็จพ่อไม่สนใจพระสนมหลี่มาตั้งหลายเดือนแล้วมิใช่หรือ ช่วงนี้ทางด้านตระกูลหลี่ก็ไม่ได้ก่อเรื่องอะไร เจ้าลองไปสืบดู ทำไมเขาจึงทะเลาะกับพระสนมหลี่”

หลายเดือนมานี้พระสนมหลี่เองก็ทำใจนิ่งเหมือนสายน้ำ เชื่อฟังแม่นมเฉิน ปกติหากไปเดินเล่นในสวนหลวงแล้วพบกับจักรพรรดิจาวเหรินโดยบังเอิญ ไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยกันเลย

เกิดเรื่องผิดปกติต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ แต่แล้วยังไม่ทันรอให้ตงชิงไปสืบข่าวคราว นางก็ได้รับรู้ความจริงจากทางเซียวปี้เฉิง

ช่วงเวลาใกล้เที่ยง เป็นเวลาอาหารเที่ยงแล้ว

กระทั่งอวิ๋นหลิงใกล้จะกินอิ่มแล้ว เซียวปี้เฉิงที่เลิกประชุมราชสำนักตั้งนานแล้วเพิ่งจะกลับมาถึง

พอเขาเข้ามาในตำหนักก็พูดขึ้นว่า “หลิงเอ๋อร์ ยาแก้ฟกช้ำระงับปวดที่เจ้าเพิ่งคิดค้นขึ้นมาใหม่วางไหนที่ไหน ให้อวี้จือเอาไปให้เสด็จพ่อกล่องหนึ่ง”

อวิ๋นหลิงถามด้วยความรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง “เสด็จพ่อเป็นอะไร เขาคงไม่ได้ต่อสู้กับพระสนมหลี่ใช่หรือไม่”

องค์หญิงอี๋อันรู้ดีว่าวิธีการของโม่อี้ซือไม่เหมาะสม ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้กับจักรพรรดิจาวเหริน แต่ขันทีในตำหนักโยวซินล้วนเป็นคนของจักรพรรดิจาวเหริน ย่อมต้องมีคนรายงานเรื่องราวให้เขาฟัง

เรื่องราวเกี่ยวพันไปถึงตี้หวู่เหยาซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นตงฉู่ จักรพรรดิจาวเหรินไม่ได้ปะทะคารมกับสองสามีภรรยาเยี่ยนอ๋องซึ่งๆหน้า

แต่ไปตำหนิพระสนมหลี่ที่ตำหนักเว่ยยาง บอกว่านางสั่งสอนลูกชายได้ไม่ดี อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังถือสาหาเรื่องหลานสาว

พระสนมหลี่เดิมทีเป็นคนอารมณ์ร้อน ตอนนี้นางอยู่ในวังหลังเปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมาแล้ว เพราะตัดใจต่อจักรพรรดิจาวเหริน ไม่ได้มองสนมคนอื่นว่าขัดหูขัดตาอีกแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าอารมณ์โกรธจะหายไป

ทั้งสองทะเลาะกันทันที ต่างก็ไม่ไว้หน้ากัน

เยี่ยนอ๋องถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “หลังจากเลิกประชุมราชสำนักข้าอยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ จึงไปเห็นเหตุการณ์เข้า เสด็จพ่อยิ่งกริ้วเข้าไปใหญ่ ด่าข้าไปด้วยอีกคน ข้าทนไม่ได้จึงเถียงกลับไป เสด็จพ่อกริ้วมากจะตีข้า”

พระสนมหลี่เพิ่งจะรู้ความจริง ก่อนหน้านี้ที่หน้าผากของเยี่ยนอ๋องบวมนั้นเป็นเพราะว่าถูกจักรพรรดิจาวเหรินขว้างม้วนหนังสือใส่

ก่อนหน้านี้นางเคยถาม เยี่ยนอ๋องกลับบอกว่าไม่ระวังไปชนเข้ากับสิ่งของเอง ตอนนี้จึงทนไม่ไหวอีกต่อไป

“เซียวลี่ตัวดี ข้ามีลูกชายสุดที่รักแค่คนเดียว สวดภาวนาอ้อนวอนกับพระโพธิสัตว์กว่าจะตั้งครรภ์ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตข้ายังไม่กล้าตีสักครั้ง ท่านกลับลงโทษกันอย่างง่ายดาย ตอนนี้ยังมาทำให้ลูกชายและลูกสะใภ้ข้าต้องลำบากใจ เพียงเพราะนางเด็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับราชวงศ์เพียงคนเดียว”

พระสนมหลี่โกรธจนถลึงตาโต ร้องเรียกชื่อจักรพรรดิจาวเหรินออกไปโดยตรง

“ข้าจะบอกท่านให้ ข้าไม่ได้โง่เหมือนเหลียงเฟย และนิสัยไม่ได้ดีเหมือนสนมลี่ผิน ท่านกล้ารังแกลูกชายข้า ข้าจะสู้กับท่านด้วยชีวิตของข้า”

หลังจากนั้นพระสนมหลี่ก็ลงมือภายใต้ความกราดเกรี้ยว หน้าผากของจักรพรรดิจาวเหรินจึงเกิดรอยปูดบวมขึ้นมาเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ