หลินซินเป็นเสมือนกึ่งอาจารย์ของฉู่อวิ๋นหาน นางชอบลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ด้านการแพทย์คนนี้เป็นอย่างยิ่ง สีหน้าขรึมลงทันที
“คุณหนูใหญ่ฉู่ คนกว่าครึ่งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าเจ้าหลงรักชอบพอรุ่ยอ๋องมาหลายปี ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นคนทำ แล้วคืนนั้นทำไมจึงต้องไปที่ห้องของรุ่ยอ๋อง”
หลินซินเรียกนางว่าคุณหนู เห็นได้ชัดว่ายังไม่ยอมรับสถานะพระชายาจิ้งอ๋องของนาง
เยี่ยนอ๋องก็เก็บรอยยิ้ม แววตาผิดหวัง “ถ้าหากไม่ใช่เพราะพี่สามเมาเหล้า แล้วรุ่ยอ๋องยกห้องให้เขาได้พักผ่อน แผนการของเจ้าก็คงจะสำเร็จแล้ว”
อวิ๋นหลินหัวเราะเบาๆ “จวนรุ่ยอ๋องใหญ่โตขนาดนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่ารุ่ยอ๋องอยู่ห้องไหน เป็นฉู่อวิ๋นหานที่มาบอกกับข้าเอง”
ดวงตาดำขลับไร้ความรู้สึกและจุดสนใจของจิ้งอ๋องจ้องมองนางเขม็ง “แม้จะเป็นเรื่องจริง นางบอกเจ้า เจ้าก็ไปอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ว่านางบอกข้าแล้ว ข้าก็ไป แต่ฉู่อวิ๋นหานรู้ว่าข้าต้องไปแน่ ดังนั้นจึงได้บอกข้า”
หลินซินก็ยิ้มเย็นและพูดเสริมขึ้นมาว่า “เจ้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ ก็เพราะเจ้ามีความคิดเช่นนั้นจึงได้ไปอย่างไรเล่า”
อวิ๋นหลิงยืนขึ้นเอามือไขว้หลัง สีหน้าไม่สะทกสะท้าน “ข้าจะไปหารุ่ยอ๋องจริง แต่ไม่ใช่ไปวางยาเขา”
ในสมองของนางค้นหาความทรงจำที่เป็นของฉู่อวิ๋นหลิงอย่างรวดเร็ว
“แต่ก่อนมีคนเจตนาไม่ดีจงใจแย่งผ้าปิดหน้าของข้า เหยียดหยามหน้าตาข้า รุ่ยอ๋องยื่นมือมาช่วย ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก อยากจะขอบคุณเขาด้วยตนเองเสมอมา”
ใบหน้าของฉู่อวิ๋นหลิงขี้ริ้วขี้เหร่ ได้รับการเหยียดหยามดูถูกมามากมาย มีเพียงรุ่ยอ๋องที่มองนางเป็นคนธรรมดา และเป็นห่วงนาง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางหลงรักอีกฝ่ายมาตลอดหลายปี
“ฉู่อวิ๋นหานบอกว่ารุ่ยอ๋องสุขภาพไม่ดี และบ่าวรับใช้ที่ต้องส่งน้ำแกงให้เขาก็ปวดท้องพอดี ข้าจึงไปส่งน้ำแกงแทนนาง”
“ใครจะไปรู้ว่าในห้องมันมืดไม่มีแสง เดิมทีข้าคิดจะเอาน้ำแกงวางเอาไว้แล้วออกไป แต่พอเข้าไปด้านในก็ถูกปิดประตูขังเอาไว้ จากนั้นท่านอ๋องก็โผเขามาหา ไม่มีแม้แต่พื้นที่ให้หลบหลีก”
หางตาของจิ้งอ๋องกระตุก ทำไมจึงได้พูดเหมือนเขาเป็นหมาป่าหื่นกามหิวโหยเช่นนั้นไปได้
“เหลวไหลทั้งเพ” หลินซินจ้องมองนางด้วยความเย็นชา “เห็นได้ชัดว่าเจ้าใช้ปล้องปล่อยควันเข้าไปในห้อง และยาที่อยู่ในปล้องนั้นก็คือผงรัญจวน มีฤทธิ์กระตุ้นความใคร่ มีทั้งพยานและหลักฐานครบถ้วน”
“นั้นเพียงเพราะเจ้าคิดว่าคนข้างในเป็นรุ่ยอ๋อง ไม่คิดว่าจะเป็นปี้เฉิง”
เซียวปี้เฉิงสีหน้าเคร่งขรึมไม่ตอบโต้ ยกถ้วยน้ำชาขึ้น จิบเบาๆ
คืนงานเลี้ยง เขาเมาเร็วมาก และคนที่รินเหล้าให้ก็คือฉู่อวิ๋นหาน
หลินซินคิดว่า นางพูดความจริงที่สุดจะรับได้เช่นนี้ออกมาต่อหน้า อวิ๋นหลิงน่าจะอับอายจนต้องมุดแผ่นดินหนีจึงจะถูกต้อง
ใครจะรู้ว่านางทำท่านิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมา เหมือนกำลังฟังเรื่องตลกขบขัน
“ผงรัญจวน ยาปลุกกำหนัดชั้นต่ำอะไรข้าไม่เคยสนใจ” อวิ๋นหลิงสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าอาศัยฝีมือทางการแพทย์ของข้า จะเห็นผงรัญจวนที่ไม่เป็นที่นิยมใช้กันอยู่ในสายตาด้วยหรือ”
“ถ้าหากข้าจะลงมือกับรุ่ยอ๋อง ย่อมต้องใช้สูตรลับเฉพาะของข้าเท่านั้น ไร้สีไร้กลิ่น ละลายน้ำได้ง่าย เมื่อดื่มเข้าไปจะรู้สึกหวานไม่ขม ง่ายต่อการพกพา”
“หลังจากที่รุ่ยอ๋องกินไปแล้ว รับรองได้ว่าเขาจะลงจากเตียงไม่ได้เลยสามวันสามคืน เห็นข้าแล้วต้องเข่าอ่อนทุกทีไป”
เซียวปี้เฉิงพ่นน้ำชาออกมาอย่างทนไม่ได้
เป็นความรู้สึกคิดไปเองกระมัง ทำไมเขาจึงได้ยินเสียงของฉู่อวิ๋นหลิงที่แฝงไปด้วยความได้ใจและภูมิใจ
เยี่ยนอ๋องฟังจนนิ่งอึ้งไป นิ้วมือของหลินซินข้างหนึ่งที่ชี้ไปยังนางเกิดอาการสั่นเทา สั่นเหมือนเป็นโรคพาร์กินสัน พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“เจ้า เจ้า......ไม่รู้จักอับอายซะบ้าง”
อวิ๋นหลิงไม่สนใจ นางไม่ได้มีจิตใจรู้สึกอับอายอะไร สภาพแวดล้อมที่เติบโตมาไม่เคยสอนนาง
“เรื่องยาฉู่อวิ๋นหานเป็นคนทำ คนที่ไม่รู้จักอับอายคือนางต่างหาก”
เยี่ยนอ๋องใบหน้าแดงก่ำ ถลึงตาจ้องมองนาง “เจ้ายังกัดอวิ๋นหานไม่ปล่อยอีกหรือ นางกับพี่สามเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน ต่างก็มีใจตรงกัน ทุกคนต่างก็รู้ว่าพวกเขาต้องแต่งงานกันสักวัน ทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย”
“ทำไม”
อวิ๋นหลิงมองไปทางเซียวปี้เฉิง ยิ้มออกมา “เสียใจขึ้นมาแล้วกระมัง มีรุ่ยอ๋องที่คอยพะเน้าพะนอเอาใจนางอยู่ ทำไมต้องทำให้ตนเองลำบากมาแต่งกับคนตาบอด”
“ฉู่อวิ๋นหลิง” เซียวปี้เฉิงสีหน้าเย็นชา ในน้ำเสียงแฝงด้วยแววแจ้งเตือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...