สบตาเข้ากับตาของซูจิ่วเย่ว์ จังเวยรู้สึกร้อนตัว เขากระแอมเสียงหนึ่ง สุดท้ายก็ถามออกมา "ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คือว่า ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้บ้านเจ้ารับเด็กคนหนึ่งไว้หรือ?"
ซูจิ่วเย่ว์ชะงัก ก่อนที่ลุงนางจะบอกจุดประสงค์ของเขาออกมา นางได้มีการคาดเดาในใจนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่คิดว่าเขามาเพื่อเรื่องนี้
เขารู้ได้ยังไงว่าครอบครัวเขารับเด็กมาไว้? ตอนแรกที่รับจงหยวนไว้ แม้แต่คนในหมู่บ้านก็ยังไม่รู้เลย
หรือว่า เขาถูกคนอื่นทรยศงั้นหรือ?
ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา ถ้างั้นรองเท้าบูททางการ มงกุฎเงินและเงินทองบนร่างกายของเขาก็ดูสมเหตุสมผลแล้วล่ะ
ซูจิ่วเย่ว์โกรธมาก แต่ก็ต้องแต่งเรื่องตบตาเขาไปก่อน "ลุงไปได้ยินข่าวนี้มาจากไหน? ตอนนี้อาหารยังไม่พอกินแทบทุกบ้านเลย ใครจะไปรับเด็กมาเลี้ยงอีกล่ะ?!"
แต่จังเวยดูเหมือนจะมั่นใจว่านางเคยเอาเด็กกลับบ้าน จึงไม่เชื่อคําพูดของนาง "จิ่วยา เจ้าต้องพูดความจริงนะ! ข้าได้ยินคนอื่นพูดมา ครอบครัวของเจ้าเคยเก็บเด็กคนหนึ่งกลับมาบ้าน"
ซูจิ่วเย่ว์ได้ยินดังนั้นจึงเบิกตาโต และแกล้งทําเป็นโกรธ "ดูท่านสิ คําพูดของคนอื่นท่านเชื่อหมด ทำไมไม่เชื่อหลานสาวของตัวเองบ้างเลยล่ะ? ข้าจะเก็บเด็กกลับมาทําไมก่อน? เอาอะไรมาเลี้ยง? ขนาดตัวข้าเองยังต้องพึ่งพาครอบครัวอู๋เลย!"
จังเวยลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของใคร
"เจ้าไม่ได้เก็บเด็กกลับมา ครอบครัวสามีของเจ้ามีใครเก็บมาหรือไม่?" เขายังคงไม่ยอมแพ้ ถามต่ออีก
ท่าทีของซูจิ่วเย่ว์นั้นแน่วแน่มาก "แน่นอนว่าไม่มี ถ้าพวกเขาเก็บเด็กกลับมา ข้าจะไม่รู้หรือ? ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองถามคนในหมู่บ้าน ดูว่าคนอื่นเคยเห็นเด็กที่ไหนหรือเปล่า! ไม่รู้ว่าท่านไปฟังใครพูดเรื่องไร้สาระนี้มา จู่ๆจะมีเด็กโผล่มาได้อย่างไร ถ้ามีเด็กจริงๆ ข้าบอกท่านไปแล้วไงต่อล่ะ? เรื่องทําความดีไม่เห็นจะต้องปิดบังนิ"
จังเวยมองนาง ตั้งแต่ที่หลานสาวคนนี้แต่งงานกับตระกูลอู๋ไป ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกดูเปลี่ยนไป แม้แต่ปากนี้ก็เก่งขึ้นเหมือนกัน
เมื่อก่อนดื้อรั้นก็อยู่ส่วนดื้อ แต่กลับไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ พอดูตอนนี้เหมือนมีความมั่นใจมากกว่าเดิมเสียอีก
ดูเหมือนนางจะใช้ชีวิตในตระกูลอู๋ได้ดีจริงๆ เดี๋ยวนี้กล้าเถียงอย่างอกผายไหล่ผึ่ง
"แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องปิดบัง งั้นเจ้าเคยได้ยินคนอื่นเก็บเด็กกลับบ้านบ้างหรือไม่?"
ซูจิ่วเย่ว์กำลังจะบอกว่าไม่มี ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ จึงกลืนคําพูดลงและพูดขึ้นมาอีกครั้ง "ทําไมท่านถึงดูตื่นเต้นกับเด็กคนนี้ขนาดนี้? บ้านใครมีเด็กหายไปหรือ? มีเงินรางวัลให้หรือเปล่า?"
จังเวยมองท่าทางแบบนี้ของนาง ยิ้มแหะๆ มองไปรอบๆ ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อ และหยิบของสีทองอร่ามออกมาให้ซูจิ่วเย่ว์ได้เห็น ก่อนจะรีบเก็บเข้าไปในเสื้ออีกครั้ง
"เห็นไหม? นี่ก็คือเงินรางวัล ถ้าเจ้ารู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ไหน ก็รีบพูดออกมา เจ้าน่าจะได้เงินรางวัลมากกว่านี้อีกแน่!"
ซูจิ่วเย่ว์แสดงสีหน้าตกใจได้พอดิบพอดี ราวกับเด็กที่ไม่เคยเปิดหูเปิดตามาก่อน
"ว้าว! ท่านลุง! มันคือทองหรือ?! ข้าขอดูหน่อย!"
จังเวยยมองท่าทางแบบนี้ของนาง ก็รู้ว่านางน่าจะตกใจกับสิ่งนี้ รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย จึงหยิบทองก้อนนั้นออกมายื่นให้นาง "ถือดีๆนะ ระวังตกล่ะ"
ซูจิ่วเย่ว์เบ้ปาก "ท่านก็ ถ้าทําตกก็แค่เก็บขึ้นมาก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ นี่คือทองเลยนะ ไม่ใช่เต้าหู้ ยังจะกลัวตกแตกอีกหรือ?"
จังเวยไม่สนใจนาง "ยังไงเจ้าก็ระวังหน่อยก็ละกัน"
ซูจิ่วเย่ว์จับทองคําและอยากกัดสักคำ แต่ถูกจังเวยห้ามไว้ก่อน "เห้ยเห้ย! นี่เจ้าทําอะไร?"
ซูจิ่วเย่ว์ขมวดคิ้ว "ไม่ลองกัดคำหนึ่ง ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นของจริงปลอมกันแน่?"
จังเวยรีบแย่งทองจากมือนางไป ชี้ไปที่รอยฟันบนนั้นให้นางดู "เจ้าดูนี่ ข้าลองกัดไปแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นทองแท้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...