ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 172

“ซ่อนเสร็จแล้วใช่ไหม?” อู๋ซีหยวนถาม

ซูจิ่วเย่ว์เงยหน้าขึ้นก็สบตากับสายตาที่หยอกล้อของเขา เธอก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย และตอบกลับอืมเบาๆ

อู๋ซีหยวนยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าว”

ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกหิวนิดหน่อย เธอจึงยืนขึ้นตาม ชี้ไปที่เสื้อผ้าสกปรกที่เธอใส่ไว้ในกะละมังแล้วพูดว่า “เดิมทีข้าคิดว่าจะช่วยซักให้เจ้า แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องไปเอาน้ำที่ใด พวกเราไปกินข้าวกันก่อน หลังจากกินข้าวกลับมา เจ้าค่อยพาข้าไป”

อู๋ซีหยวนโอบเอวที่บางของเธอยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าซักเอง จิ่วเย่วเจ้าเดินทางมาหาข้าอย่างเหน็ดเหนื่อย จะให้เจ้าช่วยข้าซักเสื้อได้อย่างไร?”

ซูจิ่วเย่ว์เม้มริมฝีปากของเธอและตอบโต้อย่างดื้อรั้น “เจ้าต้องเรียนหนังสือ อย่าเสียเวลากับเรื่องนี้ ในเมื่อข้ามาที่นี่แล้ว ก็ให้ข้าช่วยเจ้าทำเถอะ”

อู๋ซีหยวนรู้ว่าเธอหวังดีต่อเขา เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก

ชาติก่อนเธอต้องทนทุกข์และลำบากพร้อมกับเขา ชาตินี้เขาก็ยังไม่มีความสามารถที่จะให้เธอมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เขาบีบมือของเธอ มันเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับซูจิ่วเย่ว์ที่จะมาที่นี่ อู๋ซีหยวนจึงพาเธอสั่งอาหารเพิ่มเป็นพิเศษอีกสองจาน

แน่นอนว่าเมืองยงโจวย่อมแตกต่างจากสถานที่เล็กๆของพวกเขา ที่นี่มีของกินมากมายหลายอย่าง

เมื่อซูจิ่วเย่ว์เห็นว่าเขาสั่งอาหารไปตั้งสี่อย่าง จึงขมวดคิ้วและต่อว่าเขา “ทำไมสั่งเยอะขนาดนี้ กินไม่หมดก็จะสิ้นเปลือง”

อู๋ซีหยวนคืนเมนูอาหารให้กับเสี่ยวเอ้อร์ แล้วหันกลับมายิ้มให้ภรรยาของเขาอย่างเอ็นดู “ไม่เยอะหรอก จิ่วเย่ว์ของข้ากำลังอยู่ในวัยที่กำลังเติบโต จะปล่อยให้หิวไม่ได้”

ช่วงนี้ปริมาณอาหารที่ซูจิ่วเย่ว์กินนั้นเพิ่มมากขึ้น เธอเองก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเติบโตขึ้น

เมื่อก่อนเธอยืนข้างอู๋ซีหยวน เธอสูงเท่าหน้าอกของเขา แต่วันนี้จู่ๆเธอก็สังเกตเห็นว่า ตัวเองเกือบจะสูงท่าไหล่ของเขาแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะแม่สามีของเธอใจดีกับเธอ มองดูเธอเติบโต และใช้ถ้วยใบใหญ่ตักข้าวให้เธออยู่เสมอ เกรงว่าเธอคงจะกินไม่อิ่มจริงๆ

หลังจากที่ทั้งคู่กินข้าวเสร็จก็ออกไปข้างนอก อู๋ซีหยวนต้องการไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อหาห้องพักให้ซูจิ่วเย่ว์พักหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับพรุ่งนี้

หากกลับตอนนี้ กว่าเธอจะกลับถึงบ้าน เกรงว่ามันจะมืดค่ำแล้ว เขาจะเป็นกังวล ดังนั้นจึงให้เธอเดินทางกลับพรุ่งนี้ดีกว่า

หลังจากที่ทั้งสองจากไปไม่นาน ก็พบกับกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า

คนเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ราวกับว่ากำลังมุงดูอะไร

ซูจิ่วเย่ว์เกิดความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงดึงอู๋ซีหยวนไปดูพร้อมกัน

หลังจากที่ยืดคอเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน ก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนุ่งผ้ากระสอบไว้ทุกข์ มีหญ้าทัดอยู่บนศีรษะคุกเข่าขายตัวเป็นทาสเพื่อฝังศพของพ่อนาง

บนป้ายเขียนว่า แค่ยี่สิบเหรียญเท่านั้น

ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่คนรอบข้างไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือนางเลยแม้แต่น้อย

ซูจิ่วเย่ว์เอื้อมมือไปจับกระเป๋าเงินของตัวเอง แต่กลับถูกอู๋ซีหยวนดึงออกมาจากฝูงชนทันที

“ภรรยา นี่เจ้าจะทำอะไร?”

ซูจิ่วเย่ว์หันกลับไปมองฝูงชนอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างโศกเศร้า

“นางช่างน่าสงสาร ข้าอยากช่วยนาง แม้ไม่สามารถให้เงินยี่สิบเหรียญได้ แต่ก็ให้เงินบางส่วนกับนาง เพื่อให้นางได้ฝังศพของพ่อนางก่อน”

อู๋ซีหยวนยิ้ม ซูจิ่วเย่ว์จ้องมองเขา “ทำไมเจ้ายังสามารถหัวเราะได้อีก?”

“เฮ้~ให้ข้าดูหน่อย วันนี้ก็ขายตัวเป็นทาสเพื่อฝังศพพ่ออีกแล้วหรือ?”

ทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น ผู้คนรอบข้างก็หลีกทางให้เขา เขาจึงเดินเข้าไปอ่านดูป้ายใกล้ๆ “ยี่สิบเหรียญ?”

จากนั้นใช้พัดเกยคางของผู้หญิงคนนั้นขึ้น แล้วจ้องมองอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จึงดึงมือกลับมาแล้วเอามือไขว้หลัง

“สาวน้อย ข้ารู้สึกว่ายี่สิบเหรียญนั้นราคามันแพงไปหน่อยล่ะ?!”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบข้างก็หัวเราะออกมา และบางคนต่างก็พากันพูดหยอกล้อ

“คุณชายใหญ่หวัง เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านซื้อตัวผู้หญิงคนนหนึ่งกลับไปในราคาหนึ่งร้อยเหรียญ ตอนนั้นท่านไม่ได้บอกว่านางราคาแพงเลยนะ”

คุณชายนามสกุลหวังท่านนี้เบะปาก “พวกเจ้าจะไปรู้อะไร!เงินทุกบาททุกสตางค์มีค่าไม่รู้หรือ? ถ้าให้ข้าพูด ผู้หญิงคนก่อนวันนั้นนางคู่ควรกับมูลค่าหนึ่งร้อยเหรียญ!”

“วันนี้สำหรับคนนี้........สิบเหรียญ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”

ผู้คนรอบข้างต่างพากันหัวเราะ แต่ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกไม่สบายใจ สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น อยากรู้ว่านางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

ก็เห็นคุณชายหวังท่านนั้น หันกลับไปแล้วถามนางว่า “ว่าอย่างไร? สาวน้อย? เงินสิบเหรียญเจ้ายินยอมไปกับข้าไหม?”

ผู้หญิงที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบค่อยๆโน้มตัวลงและโค้งคำนับเขา “ขอบคุณความเมตตาของคุณชายหวัง”

สีหน้าของซูจิ่วเย่ว์ซีดลงทันที เธอดึงแขนของอู๋ซีหยวนแล้วพูดว่า “ซีหยวน พวกเราไม่ดูแล้ว”

อู๋ซีหยวนรู้คร่าวๆว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “เอาล่ะ พวกเราไปหาโรงเตี๊ยมกันเถอะ”

หลังจากที่พวกเราเพิ่งจากไปไม่กี่ก้าว จู่ๆซูจิ่วเย่ว์ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“แย่ล่ะ มีขโมย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี