“สบายดีก็ดีแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่รบเร้าให้เจ้ากลับบ้านอีก” ซูจิ่วเย่ว์ตอบ
หยางหลิ่วหัวเราะ “เจ้านี้เป็นคนน่าสนใจเหมือนกันนะ ไม่เสียเที่ยวที่ข้าตั้งใจมานั่งดื่มชากับเจ้า”
ทั้งสองมีท่าทางทำตัวไม่ถูก ซูจิ่วเย่ว์เองก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกับนาง แต่หยางหลิ่วยังคงนั่งตรงหน้านาง และไม่มีวี่แววว่าว่าจะลุกไปไหน
“แล้วเจ้าทำอะไรที่นี่หล่ะ?” ซูจิ่วเย่ว์ไม่อยากให้บรรยากาศของทั้งคู่ดูอึดอัดมากจนเกินไป จึงหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความเงียบ
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางหลิ่วจางหายไป แต่ไม่นานนักนางก็กลับมาทำตัวเหมือนเดิม
“ข้าแต่งงานแล้ว ตอนนี้เลยไม่ได้ทำอะไรเลย ได้ทางฝ่ายชายเลี้ยงดู” นางพูดพลาง หยิบถ้วยชาหยาบๆ ยกขึ้นจิบไปพลาง
ใบชาหยาบๆ พอเข้าสู่ปากของเธอแล้ว ความขมก็กระจายไปทั่วในปากของเธอ
อารมณ์ของนางเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างบ้างแล้ว ส่วนซูจิ่วเย่ว์ที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลับรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอเงยหน้าขึ้น และพูดว่า “แต่งงานอย่างนั้นหรือ? นี้เจ้าแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน? แล้วเขาดูแลเจ้าดีไหม?”
หยางหลิ่วส่ายหน้า “มีอะไรที่เรียกว่าดีหรือไม่ดีหล่ะ ชีวิตมันไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ซูจิ่วเย่ว์จึงไม่รู้ว่าควรจะถามนางต่อไปดีไหม เพราะถึงยังไงพวกนางทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดสามารถพูดคุยเรื่องพวกนี้ได้
หยางหลิ่วกลับพูดขึ้นก่อนว่า “ข้าจะไม่มายุ่งย่ามกับเจ้าอีกแล้วนะ วันนี้ที่มาพบเจ้า ข้าแค่อยากจะบอกเรื่องที่เกี่ยวกับซีหยวนเท่านั้นเอง”
หยางหลิ่วเคยเป็นอดีตคู่หมั้นของอู๋ซีหยวน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาทั้งคู่จะไปด้วยกันไม่ได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังเป็นปมคาใจของซูจิ่วเย่ว์อยู่ดี
ทันทีที่นางเอ่ยถึงอู๋ซีหยวน คิ้วของนางก็ขมวดเป็นปมขึ้นมา
“เรื่องอะไรหรือ?”
หยางหลิ่วอายุมากกว่านางสองปี พอเห็นท่าทางของนางเช่นนั้น เลยรู้สึกนึกขำในใจไม่ได้
“ข้ารู้ดีว่าในใจของเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ชายคาเดียวกันกับซีหยวนก็คือเจ้า แล้วเจ้ายังจะมีเรื่องอะไรต้องกังวลอยู่อีกหล่ะ?”
ซูจิ่วเย่ว์เม้มปาก และไม่ได้พูดอะไร
หยางหลิ่วพูดต่อไปว่า “อันที่จริงแล้วข้าเองก็ไม่ใช่ว่าแต่งงานหรอกนะ ข้าเป็นอนุภรรยาลำดับที่เจ็ดของผู้อาวุโสชุย แม้ว่าชีวิตจะอยู่ดีมีสุข แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น”
นางเล่าเรื่องราวที่ไม่น่าเปิดเผยออกมาเช่นนี้ ทำให้ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกประหลาดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน “เจ้า...”
นางอ้าปากค้าง และไม่รู้ว่าจะตัดสินคนอื่นอย่างไรดี
ทั้งหมดนี้เป็นทางที่หยางหลิ่วเลือกเอง ลูกสาวคนที่สองของผู้อาวุโสชุยยังอายุเยอะกว่านางเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้อาวุโสชุยต้องอายุไม่น้อยแล้วแน่นอน
หยางหลิ่วพึ่งจะอายุได้เพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น กลับต้องติดตามชายที่อาวุโสขนาดนี้ ชั่วชีวิตนี้ของนางคงพังทลายไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาที่นางมองหยางหลิ่วจึงเต็มไปด้วยความสงสาร
หยางหลิ่วขัดจังหวะนาง “อย่าใช้สายตาเช่นนี้มองข้า ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ข้ามีความสุขดี ไม่ต้องลำบากเหมือนอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว อยู่ดีกินดี แถมยังมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้อีกด้วย แบบนี้มันไม่ดีตรงไหนหล่ะ?”
ราวกับว่านางกำลังพูดโน้มน้าวความรู้สึกของซูจิ่วเย่ว์ และในขณะเดียวกันก็เป็นการโน้มน้าวความรู้สึกของตัวเองด้วยเช่นกัน
หลังจากพูดจบ นางก็หยุดไปครู่หนึ่ง “ไม่พูดเรื่องของข้าแล้วหล่ะ ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า เรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นกับซีหยวน มันอาจจะเกี่ยวข้องกับคุณหนูรองของตระกูลชุยก็เป็นได้”
ซูจิ่วเย่ว์ตกใจไปชั่วขณะ และรีบเงยหน้าจ้องมองสายตาของนาง “จริงหรือ? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
นางหวนนึกถึงท่าทางของอู๋ซีหยวนที่ใช้มือกุมขมับด้วยความเจ็บปวดในตอนนั้น เขาบอกว่าเขาเคยเจอกับเป่าจูคนข้างกายของคุณหนูรองตระกูลชุย แถมยังบอกอีกว่าเก็บป้ายหยกอะไรได้สักอย่าง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...