ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 81

เสด็จพ่อทรงประชวรหนัก มีคนบางกลุ่มต้องการแย่งชิงตำแหน่งนั้นจึงไม่ยอมปล่อยเขาไป แล้วจะให้เสด็จพ่อของเขาได้รับการรักษาได้อย่างไร?

เนื่องจากหวงฮูเซิงมีวิธีรักษา เขาจึงถูกมองเป็นหนาม หนามยอกอก แทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดเขาอย่างรวดเร็ว

เขานึกถึงสิ่งที่หวงฮูเซิงประสบพบเจอเมื่อสองสามวันก่อน เขาหลบหนีออกมาจากเมือง เกรงว่าคนที่โจมตีเขาก็คงไม่ใช่ผู้ลี้ภัย

ในขณะที่เขากำลังคิด เซี่ยลี่สิงก็หันมาถามเขา “ใต้เท้าซูล่ะ? ทำไมไม่เห็นเขาอยู่กับท่าน?”

ซูเสียนอู๋เป็นอาจารย์ของอู๋จงหยวน ตอนแรกซูเสียนอู๋ถูกย้ายไปเป็นทหารรักษาการณ์ที่เมืองยงโจว อู๋จงหยวนก็รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้ไปที่เมืองยงโจวด้วยเช่นกัน

ซูเสียนอู๋เป็นคนที่มีความสามารถ เชี่ยวชาญทุกด้าน ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้เป็นอาจารย์ของอู่จงหยวน

แต่ทำไมตอนนี้อู๋จงหยวนถึงได้อยู่ในสถานที่รกร้างแห่งนี้? และมีสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้

เมื่อพูดถึงใต้เท้าซู ดวงตาของอู๋จงหยวนก็เศร้าหมอง “ถูกพวกเขาฆ่าแล้ว”

“อะไร?!เป็นไปได้อย่างไร?!”

ซูเสียนอู๋เป็นหนึ่งในคนที่เซี่ยลี่สิงชื่มชมมากอย่างแน่นอน ตอนที่เขาต่อสู้กับชนเผ่าตาตาร์ ถูกคู่ต่อสู้ซุ่มโจมตี เกือบจะไม่ได้กลับมา สุดท้ายต้องขอบคุณซูเสียนอู๋ที่นำกองกำลังเสริมมาช่วยได้ทันเวลา พวกเขาจึงสามารถเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะได้

สามารถกล่าวได้ว่า ชีวิตของเซี่ยลี่สิงเป็นของซูเสียนอู๋

เมื่อสายตาของอู๋จงหยวนสบตาเข้ากับเขา เขาสามารถมองเห็นน้ำตาในดวงตาของอู๋จงหยวนได้อย่างชัดเจน “เป็นความจริง ข้าเห็นมันกับตา เห็นพวกเขาตัดหัวของเขา และตั้งข้อหากบฏให้กับเขา”

เซี่ยลี่สิงตบโต๊ะด้วยความโกรธแล้วลุกขึ้นยืน “จะฆ่าก็ฆ่า ทำไมต้องใส่ร้ายด้วย?!ใต้เท้าซูเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาชั่วชีวิต สุดท้ายต้องกลายเป็นเช่นนี้!”

อารมณ์ของอู๋จงหยวนก็สงบลงเล็กน้อยแล้วเช่นกัน เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะ โดยนั่งหลังตรง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นบ้านไม้ที่ทรุดโทรม แต่กลับทำให้เขาดูเหมือนราวกับว่านั่งอยู่ในวัด

“สักวันหนึ่ง ข้าจะช่วยเขาล้างความคับข้องใจนี้เอง!”

นี่เป็นครั้งแรกที่อู๋จงหยวนอ้างว่าตัวเองเป็นท่านอ๋อง เหมือนเขาจะเตือนตัวเองว่า คนที่ตายเหล่านี้ล้วนตายเพราะเขา เขาจะไม่ปล่อยให้การเสียสละของพวกเขาต้องสูญเปล่า!

เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยลี่สิงก็โค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง ไม่เหมาะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เราควรรีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”

อู๋จงหยวนผงะไป “หมายความว่าอย่างไร?!ที่นี่กว้างขวางไม่ค่อยมีคน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะตามหาข้าเจอ ข้าทำสัญลักษณ์ไว้แล้ว องครักษ์มังกรเขียวจะตามรอยนั้นเพื่อตามหาข้า”

“ท่านยังจำได้ไหม ตอนกลางวันหญิงคนนั้นได้ทำหยกของท่านหาย?”

เซี่ยลี่สิงแค่เอ่ยถึงเรื่องนี้ อู๋จงหยวนก็ตระหนักถึงวิกฤตได้ทันที

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ “ถ้าเช่นนั้น........เราควรต้องไปจากที่นี่แล้วจริงๆ”

.

ทั้งสองออกเดินทางข้ามคืน เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อต้าเฉิงมาเรียกพวกเขาทานข้าว ก็พบว่าในห้องนั้นว่างเปล่า

เขาค้นหาทุกมุมของบ้าน ในที่สุดก็พบเพียงเศษผ้าบนโต๊ะ ที่มีข้อความเขียนอยู่ แต่ต้าเฉิงอ่านหนังสือไม่ออก

เขาขมวดคิ้วอยู่นาน โดยไม่สนใจเตาถ่านที่กำลังลุกไหม้ และรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน

ตอนนี้พูดได้ว่าซูจิ่วเย่ว์เป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดในครอบครัว ทุกคนล้อมกันเป็นวงกลม และทุกคนก็จ้องมองเธออย่างตั้งอกตั้งใจ

เธอคิดว่าอีกฝ่ายขโมยของไปก็ต้องเอาไปปล่อยที่โรงจำนำ เธอจึงไปสอบถามโรงรับจำนำทั้งหมด แต่เจ้าของร้านทุกคนก็บอกว่าไม่เคยพบเห็นเลย

เมื่อหลิวซุ่ยฮวาเห็นท่าทางโศกเศร้าของซูจิ่วเย่ว์ ก็จับมือเธอและปลอบว่า “อย่าร้อนรน ในเมื่อเจ้าจำรูปร่างหน้าตาของขโมยคนนั้นได้ พวกเราไปที่ศาลเพื่อให้ใต้เท้าช่วยตัดสินความ!”

หน้าประตูศาลเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเข้าแถวรอรับอาหารบรรเทาทุกข์ หลิวซุ่ยฮวาและซูจิ่วเยว์กำลังจะแจ้งความ จู่ๆก็ได้ยินคนข้างหลังพูดว่า “พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

หลิวซุ่ยฮวาและซูจิ่วเย่ว์ไม่ทันตั้งตัวจึงตกใจ หันกลับไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นชายร่างกายกำยำในชุดราชการยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา

เมื่อมองดูดีๆ ชายคนนี้ก็คืออาต้า

เมื่อมีคนที่รู้จักก็สามารถทำสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น แม้ว่าคนรู้จักคนนี้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวก็ตาม

หลิวซุ่ยฮวามีความสุข และโค้งคำนับเขาทันที “ทหาร เจอกันอีกแล้ว พวกเรามีพรหมลิขิตต่อกัน”

ด้วยความสัมพันธ์จากซูอี๋ อาต้าจึงปฏิบัติต่อครอบครัวซูจิ่วเย่ว์เป็นอย่างดีมาตลอด

“ที่นี่คือศาล ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอย่ามาเดินเตร็ดเตร่แถวนี่” เขาเตือนด้วยความหวังดี แม้ว่าช่วงนี้สถานการณ์จะดูสงบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในเมืองหนิวโถ่วเล็กๆแห่งนี้ได้มีกองกำลังจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา

สำหรับบุคคลสำคัญเหล่านั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากมด บางครั้งโชคไม่ดีก็เคราะห์ร้าย แม้ว่าแม่ทัพซูต้องการช่วยพวกเขา แต่ก็คงไม่สามารถทำได้ทันเวลา

เมื่อซูจิ่วเย่ว์เห็นเขา ก็ราวกับว่าเห็นเขาเป็นความหวังสุดท้าย และพูดอย่างรวดเร็วว่า “พี่ทหาร ข้าทำของหาย ตามหาไม่เจอจริงๆ จึงต้องการจะแจ้งความ”

อาต้าขมวดคิ้ว “ของอะไร? ถ้าไม่ใช่สิ่งของมีค่าอะไรก็ช่างมันเถอะ ช่วงนี้มีผู้คนมากมายในเมืองหนิวโถ่ว คงไม่มีใครสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของเจ้า”

เมื่อซูจิ่วเย่ว์ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็กังวลขึ้นมาทันที “ไม่ใช่ของที่ไม่มีค่า มันคือหยก!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี