ในช่วงเวลานั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ซูจิ่วเย่ว์ และเธอก็โกรธมากยิ่งขึ้น เดิมทีเธอช่วยหยางหลิ่วส่งข่าวก็เพียงเพื่อจะตอบแทนนาง แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับครอบครัวของเธอ
“ข้าบอกไงแล้วว่าข้าไม่รู้! ข้าเจอนางบนท้องถนน นางวานให้ข้านำเงินสองตำลึงมาให้พวกเจ้าแล้วก็จากไป ข้าต้องสนใจด้วยหรือว่านางจะไปไหน?”
“ทำไมเจ้าไม่รั้งนางไว้?” แม่นางเฉียนอดที่จะพูดไม่ได้
ดวงตาอันเฉียบคมของซูจิ่วเย่ว์กวาดมองทั้งสองคน เธอจึงพูดจาอย่างไม่เกรงใจว่า “พวกเจ้าเป็นพ่อแม่ของนางยังไม่สนใจเลย แล้วทำไมข้าต้องสนใจด้วย?”
พวกเขาอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็ได้ยินเธอส่งเสียงเห๊อะหนึ่งคำ “แม้ว่าจะสามารถรั้งนางไว้ได้ ข้าก็ไม่ต้องการให้นางกลับมา จากที่ข้าเห็น พี่หยางหลิ่วตอนนี้อยู่สุขสบายดี ไม่ว่าตอนนี้นางกำลังทำอะไร ก็ดีกว่ากลับมาเป็นวัวเป็นควายให้พวกเจ้าใช้งาน!”
แม้แต่เทียนซิวเหนียงก็มองเธอด้วยความประหลาดใจ น้องสะใภ้ของเธอคนนี้ปกติดูเป็นคนซื่อบื้อ ใครใช้ให้ทำอะไรก็ไม่เคยปฏิเสธ ทำไมวันนี้ถึงดื้อรั้นขนาดนี้?
แม่นางเฉียนถูกคนที่อายุน้อยกว่าตำหนิ นางก็รู้สึกเสียหน้า จึงพูดว่า “เจ้าพูดได้ดี นางเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะตั้งหลักอยู่ข้างนอกได้อย่างไร? นางแต่งงานแล้วก็ควรอยู่บ้านดูแลสามีและเลี้ยงลูก!ผู้หญิงก็ควรมีคนไว้พึ่งพิง!”
เทียนซิวเหนียงเป็นคนที่ปกป้องคนในครอบครัว ปกติถึงเธอจะรังแกน้องสะใภ้สามยังไงก็ตาม แต่เมื่อเห็นนางถูกคนอื่นรังแกเธอก็ทนดูไม่ได้
“เหตุใดนางถึงจะตั้งหลักไม่ได้? นี่ก็ยังส่งเงินกลับมาให้พวกเจ้าอีกตั้งสองตำลึงไม่ใช่หรือ? ต้องมีคนพึ่งพิง? ก็ต้องดูว่าผู้ชายคนนั้นสามารถพึ่งพิงได้หรือไม่ ผู้ชายมีแรงกำลังเยอะก็ไม่ใช่ว่าใช้เพื่อทุบตีผู้หญิง!มีความสามารถจริงก็หาเงินกลับมาให้ได้เยอะขึ้นสิ?!นั่นถึงจะเรียกว่าพึ่งพิงได้!”
เธอพูดจาแปลกๆเป็นเวลานานแล้ว จึงพูดเบาๆว่า “คนอย่างเจ้ายังจะเป็นแม่คนอีก ลูกสาวตัวเองถูกทำร้ายขนาดนี้แล้ว เจ้าก็ยังไม่เข้าข้างนาง ทุกครั้งที่นางถูกทุบตีถ้าเจ้าออกมาห้ามปราบบ้าง ก็คงจะไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทำตัวเองให้ดูเหมือนเป็นแม่ที่ดี แต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไรได้เลย!ขอร้องพวกเจ้าปล่อยหยางหลิ่วไปเถอะ!ผู้หญิงที่แสนดีเกิดมาในครอบครัวของพวกเจ้า ช่างเป็นความโชคร้ายแปดภพชาติ!”
“นางผู้หญิงบ้านี่พูดอะไร?!ข้าจะทำร้ายลูกสาวตัวเองได้อย่างไร?!”
……
สถานการณ์เริ่มวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เทียนซิวเหนียงและกุ้ยเหนียงต่างก็ผลักกันไปมา
เมื่อกี้พี่สะใภ้รองออกหน้าพูดแทนเธอ ซูจิ่วเย่ว์จึงไม่สามารถเห็นนางถูกรังแกได้ ดังนั้นเธอจึงรีบเข้าไปช่วย
คนรอบข้างมีคนที่ช่วยก็ช่วย คนที่ห้ามต่างก็ช่วยห้าม ยิ่งทำให้วุ่นวายกันเข้าไปใหญ่
“กำลังทำอะไรกัน!” มีเสียงเหมือนฟ้าร้องดังขึ้น และทุกคนก็สงบลง
ปรากฏว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านหยางฟู่กุ้ย เขาสวมเสื้อแจ็กเกตขาดๆว ในมือถือปล้องยาสูบ รองเท้าก็เพิ่งสวมเสร็จแค่หนึ่งข้าง ดูก็รู้ว่าเขารีบมา
เมื่อหยางต้าลี่เห็นว่าเป็นพี่ชายของตระกูลตัวเอง ราวกับว่ามีคนคอยหนุนหลัง เขาจึงรีบเดินเข้าไปหา
“พี่ฟู่กุ้ย!ครอบครัวตระกูลอู๋รังแกผู้คน!”
หยางฟู่กุ้ยส่งเสียงเห๊อะหนึ่งคำ และสวมเสื้อแจ็กเกตให้เรียบร้อย แล้วจึงถามเขาว่า “รังแกผู้คนอย่างไร? ลองเล่ามาสิ?”
“ครอบครัวตระกูลอู๋ซ่อนหยางหลิ่วไว้! ไม่ยอมบอกพวกข้าว่านางอยู่ไหน และยังฮุบเงินที่หยางหลิ่วส่งให้พวกข้าไว้อีกด้วย!”
หยางฟู่กุ้ยเงยหน้าขึ้นมองอู๋ฉ่วน เมื่อเห็นใบหน้าที่โกรธจัดของเขา จึงถามอีกครั้ง “น้องชายอู๋ เจ้าลองเล่ามาสิ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน!หยางต้าลี่จะรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ ลูกสะใภ้สามของบ้านข้าเข้าเมืองไปซื้อข้าวของที่จะใช้ในช่วงวันตรุษจีนและบังเอิญได้เจอกับหยางหลิ่วเข้า หยางหลิ่วจึงฝากนางเอาเงินสองตำลึงกลับมา ใครจะไปรู้ว่าครอบครัวเขาจะใส่ร้ายว่าครอบครัวข้าซ่อนหยางหลิ่วไว้ และฮุบเงินของพวกเขา จะมาค้นบ้านข้า!ท่านลองคิดดู มีเหตุผลเช่นนี้ในโลกนี้หรือไม่?”
หยางฟู่กุ้ยเหลือบมองหยางต้าลี่อย่างเย็นชา หยางต้าลี่ก็ตกใจจนตัวสั่นเทา
ซูจิ่วเย่ว์ไม่สบายใจจึงใช้เท้าวาดวงกลมบนพื้น “แต่ว่าข้ายังอยากไปกับเจอนางอีกครั้ง”
หลิวซุ่ยฮวากำลังจะพูดว่าจะไปเป็นเพื่อนเธอ เทียนซิวเหนียงก็ก้าวออกมาแล้วพูดว่า “น้องสะใภ้ ข้าไปกับเจ้า!”
เมื่อเห็นทุกคนมองเธอด้วยความประหลาดใจ เธอจึงหัวเราะเบาๆ “ข้าจะไปกับน้องสะใภ้ พี่สะใภ้ใหญ่กำลังตั้งครรภ์ ขาท่านแม่ไม่ค่อยดี ข้าไปกับน้องสะใภ้สองคนกำลังดี และใกล้ตรุษจีนแล้ว จะได้ซื้อสินค้าวันตรุษจีนมาด้วย”
เมื่อเห็นว่าหลิวซุ่ยฮวายังไม่วางใจ เธอจึงตบที่หน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะดูแลน้องสะใภ้เป็นอย่างดีแน่นอน!”
เมื่อหลิวซุ่ยฮวาเห็นความจริงใจของเธอ ก็พยักหน้า “จิ่วยาอายุยังน้อย เจ้าดูแลนางให้ดี อย่ารังแกนาง”
.
คืนนั้นซูจิ่วเย่ว์ไม่ได้ฝัน แต่อู๋ซีหยวนกลับฝันอีกครั้ง
ในความฝันมีไฟลุกโชน เขายืนอยู่ข้างกองไฟ เงยหน้าขึ้นมองแผ่นป้ายตรงหน้า มีคำว่าภูเขาที่คดเคี้ยวเขียนอยู่
จวนตระกูลชุย
วันรุ่งขึ้น ซูจิ่วเย่ว์และเทียนซิวเหนียงยืนอยู่หน้าจวนตระกูลชุยเป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นมีใครออกมา และก็ไม่เจอหยางหลิ่ว
เทียนซิวเหนียงกำเมล็ดทานตะวันไว้ในมือพิงกำแพงและกินอย่างสบายใจ เปลือกของเมล็ดทานตะวันร่วงหล่นเต็มพื้น
เมื่อเห็นซูจิ่วเย่ว์ยืดคอและมองไปที่ประตูจวนตระกูลชุย เธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะต้องรอไปถึงปีไหนกัน? บางครั้งรู้สึกว่าเจ้านั้นฉลาด แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าเจ้าซื่อบื้อและน่ารัก?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
เอ็นดูพ่อหนุ่มจังเลย...
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...